
amb168 สล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ แจกเครดิตฟรี 50 ล่าสุด 2025
ยินดีต้อนรับสู่ amb168 — จุดหมายปลายทางของนักเดิมพันยุคใหม่ที่กำลังมองหา สล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ ที่แตกง่าย จ่ายจริง และมาพร้อม โปรโมชั่นเครดิตฟรี ที่ให้มากกว่าใคร!
หากคุณเบื่อกับเว็บสล็อตที่ “ล็อกยูส ถอนยาก หรือหลอกให้ฝากก่อน” เว็บของเราคือคำตอบที่คุณต้องลองด้วยตัวเอง เพราะ amb168 ให้คุณ เริ่มเล่นด้วยเครดิตฟรี 50 โดยไม่ต้องลงทุนสักบาท พร้อมระบบออโต้เต็มรูปแบบ ใช้งานง่ายทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์

ทำไม amb168 ถึงเป็นเว็บสล็อตที่คนเลือกมากที่สุดในปี 2025?
ในยุคที่มีเว็บสล็อตเกิดขึ้นทุกวัน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้เล่นไม่ใช่แค่ “โปรโมชั่น” แต่คือ “ความจริงใจ” และ “ความโปร่งใส” ซึ่งคุณจะพบได้ที่นี่ที่เดียว amb168 เป็น เว็บสล็อตเว็บตรง ที่เปิดให้บริการแบบไม่ผ่านเอเย่นต์ ทุกการฝาก-ถอนเกิดขึ้นตรงกับระบบของบริษัทโดยไม่ผ่านคนกลาง
เราการันตีความมั่นคงจากผู้เล่นมากกว่า 10,000 ยูสเซอร์ต่อเดือน และมีรีวิวการถอนเงินทุกวันจากลูกค้าจริงทั่วประเทศ!
- ✅ เว็บตรงของแท้ 100% ได้รับใบรับรองจากต่างประเทศ
- ✅ สล็อตแตกง่าย โบนัสออกทุกวัน
- ✅ ระบบออโต้เต็มรูปแบบ ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ
- ✅ แจกเครดิตฟรี 50 แค่สมัคร ยืนยันเบอร์
- ✅ รองรับมือถือทุกระบบ Android / iOS
เริ่มเล่นสล็อตเว็บตรงกับ amb168 วันนี้ รับเครดิตฟรีทันที!
สมัครง่าย ใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือ ยืนยัน OTP แล้วเข้าเล่นได้เลย ไม่ต้องแชร์ ไม่ต้องผูกบัญชีซับซ้อน amb168 ออกแบบระบบให้เหมาะกับผู้เล่นไทย เข้าใจง่าย ใช้งานได้แม้ไม่เคยเล่นสล็อตมาก่อน

🎁 เครดิตฟรี 50 จาก amb168 – แจกจริง ไม่ต้องฝากก่อน
ที่ amb168 เราเข้าใจว่าผู้เล่นใหม่มักลังเลก่อนตัดสินใจฝากเงินจริง เพราะฉะนั้นเราจึงขอมอบ เครดิตฟรี 50 ให้กับสมาชิกใหม่ทุกคนที่สมัครกับเราในปี 2025 โดยไม่มีเงื่อนไขซับซ้อน ไม่ต้องแชร์ ไม่ต้องแอดไลน์!
เพียงแค่กรอกเบอร์มือถือของคุณ แล้วรับรหัส OTP เพื่อยืนยันตัวตน ระบบจะแจกเครดิตฟรี 50 เข้าบัญชีอัตโนมัติภายในไม่เกิน 30 วินาที ใช้เล่นได้ทุกเกมทั้งสล็อต ยิงปลา และคาสิโนสด
📝 วิธีขอรับเครดิตฟรี 50 จาก amb168 (3 ขั้นตอนง่าย ๆ)
- สมัครสมาชิก – คลิกปุ่มสมัคร แล้วกรอกเบอร์โทรศัพท์
- ยืนยัน OTP – รับรหัสยืนยันผ่าน SMS แล้วกรอกให้ถูกต้อง
- รับเครดิตฟรี – ระบบเติมเครดิต 50 บาทให้อัตโนมัติทันที

📌 เงื่อนไขการใช้เครดิตฟรี (แบบโปร่งใส ไม่มีหมกเม็ด)
- ✅ เล่นได้เฉพาะเกมสล็อต / ยิงปลา / คาสิโนบางเกม
- ✅ ทำยอดเทิร์นเพียง 3 เท่า (150 บาท) ก็สามารถถอนเงินได้ทันที
- ✅ จำกัด 1 ยูสเซอร์ / 1 เบอร์ / 1 สิทธิ์ เท่านั้น
- ✅ ไม่ต้องแชร์ / ไม่ต้องแอดไลน์ / ไม่ต้องฝากก่อน
หมายเหตุ: เครดิตฟรี 50 นี้เป็นโปรเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่นใหม่ได้ทดลองระบบของเราโดยไม่ต้องเสี่ยงลงทุนก่อน
💡 ทำไม amb168 ถึงกล้าแจกเครดิตฟรี 50?
เราเชื่อว่า ความโปร่งใสและคุณภาพของระบบ จะทำให้ผู้เล่นที่ลองแล้ว “อยู่ต่อด้วยความสมัครใจ” ไม่ใช่แค่หวังของฟรีแล้วหายไป นี่คือเหตุผลที่ amb168 กล้าให้เครดิตฟรี 50 จริง แบบไม่มีเงื่อนไขแอบแฝง!
คุณสามารถเริ่มปั่นสล็อตได้โดยไม่มีเงินฝากเลย ลองระบบก่อน ถ้าชอบแล้วค่อยเติมเงินเอง – เพราะความมั่นใจในเว็บตรงของแท้ คือสิ่งที่เรายึดถือ
🎯 สมัคร amb168 ตอนนี้ รับเครดิตฟรี 50 ทันที
อย่ารอช้า! โปรโมชั่นนี้มีจำนวนจำกัดต่อวัน สมัครตอนนี้เพื่อรับเครดิตฟรีก่อนใคร → ไม่มีขั้นต่ำ ถอนได้จริง ถ้าเล่นได้!

🎰 สล็อตแตกง่าย amb168 – จัดเต็มทุกค่าย จ่ายจริงทุกยูส
amb168 คือสวรรค์ของสายปั่นตัวจริง เพราะเราให้บริการเฉพาะ ค่ายสล็อตที่แตกง่าย และได้รับการยอมรับจากผู้เล่นทั่วเอเชีย ด้วยระบบ RTP สูง มากกว่า 96% ทุกเกม พร้อมฟีเจอร์โบนัสสุดอลังการ เช่น ซื้อฟรีสปิน, แจ็กพอตสะสม, และโหมด Auto-play ไม่ต้องคลิกเอง
เราเลือกเกมที่ “จ่ายดี + ภาพสวย + ไม่ล็อกยูส” เท่านั้น เพื่อให้คุณสนุกกับการลุ้นรางวัลได้อย่างมั่นใจ และไม่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ
🔥 รวมค่ายสล็อตแตกง่ายที่คนเล่นมากที่สุด
- PG SLOT – ภาพสวย ฟีเจอร์เยอะ ซื้อฟรีสปินได้
- JOKER GAMING – แจ็กพอตแตกง่าย สายยิงปลาก็ห้ามพลาด
- PRAGMATIC PLAY – เกมดังอย่าง Sweet Bonanza และ Gates of Olympus
- SLOTXO – เกมแนวคลาสสิก เล่นง่าย ไม่ซับซ้อน
- RED TIGER / EVOPLAY / SPADEGAMING – ค่ายนอกที่ RTP สูง จ่ายหนัก
ทุกเกมสามารถทดลองเล่นได้ฟรีก่อนฝากเงิน และสามารถใช้เครดิตฟรี 50 ทดลองหมุนได้ด้วย!
🔐 amb168 ไม่ล็อกยูส – ความยุติธรรมที่ผู้เล่นทุกคนคู่ควร
เราเข้าใจดีว่า ผู้เล่นหลายคนเคยผิดหวังจากเว็บที่ “ล็อกยูสหลังแตก” เล่นได้ช่วงแรก พอเริ่มบวกก็โดนตัดโบนัส หรืออัตราออกลดลงแบบไม่มีเหตุผล แต่ที่ amb168 ไม่มีการแทรกแซง ทุกยูสเซอร์มีโอกาสแตกเท่ากัน 100%
เรายืนยันความแฟร์จากสถิติบิลถอนรายวันของลูกค้าที่ “เล่นแตกแล้วถอนสำเร็จ” แบบไม่มีลิมิต — ไม่ว่าคุณจะเล่น 1 บาท หรือ 10,000 บาท ระบบเราจะจ่ายคุณแบบเท่าเทียม!
🚀 เริ่มปั่นสล็อตแตกง่าย amb168 วันนี้ รับโบนัสแรกเข้าฟรี
ไม่ว่าคุณจะชอบสล็อตแนวไหน เกมใหม่หรือคลาสสิก amb168 มีครบทุกแนว ทุกค่าย พร้อมแจก เครดิตฟรี 50 ให้คุณได้ลองหมุนจริง ถอนได้จริง ไม่มีการดักระบบใด ๆ

📝 สมัครสล็อตเว็บตรง amb168 ง่าย ๆ ใน 1 นาที
เรารู้ว่าผู้เล่นส่วนใหญ่ไม่อยากเสียเวลาไปกับขั้นตอนสมัครที่ยุ่งยาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ amb168 ออกแบบระบบสมัครสมาชิกให้ เรียบง่าย รวดเร็ว โดยไม่ต้องส่งเอกสาร ไม่ต้องแอดไลน์ และไม่ต้องใช้บัญชีโซเชียลใด ๆ ทั้งสิ้น
คุณสามารถเริ่มเล่นได้ทันทีเพียงกรอก เบอร์มือถือ แล้วทำการ ยืนยันรหัส OTP เพื่อสร้างบัญชี จากนั้นเข้าสู่ระบบ เลือกเกม แล้วเริ่มลุยได้ทันที!
- 1. คลิกปุ่ม “สมัครสมาชิก”
- 2. กรอกเบอร์มือถือ
- 3. รับรหัส OTP และยืนยัน
- 4. เข้าระบบ พร้อมรับเครดิตฟรีทันที

💳 ระบบฝาก-ถอนออโต้ ปลอดภัย 100%
amb168 ใช้ระบบ Auto Banking API เชื่อมตรงกับธนาคารไทยชั้นนำทุกแห่ง โดยไม่ต้องแปะสลิปหรือแจ้งแอดมิน คุณสามารถฝากหรือถอนได้ทันทีภายในเวลาเพียง 10–30 วินาที
- ✅ ฝากขั้นต่ำเพียง 1 บาท
- ✅ ถอนเงินได้สูงสุดถึง 1,000,000 บาท/ครั้ง
- ✅ ไม่มีค่าธรรมเนียม
- ✅ ระบบเข้ารหัสข้อมูลแบบ 256-bit SSL
🚫 amb168 ไม่มีระบบล็อกยูส 100% – เล่นได้ก็ถอนไปเลย
หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่ผู้เล่นสล็อตเจอบ่อย คือ “เล่นได้ตอนแรก แต่พอเริ่มแตกจริง ระบบกลับล็อกยูสจนแตกยากทันที” ซึ่งที่ amb168 ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์แบบนั้น เราให้ความสำคัญกับความยุติธรรมเป็นอันดับ 1
ทุกยูสเซอร์ที่สมัครกับเราจะได้รับ ค่า RTP เดิมจากค่ายเกม ไม่มีการปรับลด % แจ็กพอต ไม่มีการแทรกแซงอัลกอริทึมใด ๆ ผู้เล่นสามารถมั่นใจได้ว่า ถ้าเล่นได้ → ถอนออกได้ทันที
“แตกมาสามวันติด ๆ ถอนรวม 8 หมื่นบาท amb168 ไม่เคยหัก ไม่เคยล็อก ไม่เคยดึงโบนัส” – คุณเต้ย, ผู้เล่นประจำจากชลบุรี
✅ สล็อตไม่ล็อกยูส มีจริงที่ amb168
ถ้าคุณกำลังมองหาเว็บที่ให้มากกว่าแค่ “โปรแรง” แต่ยัง “แฟร์กับผู้เล่น” amb168 คือคำตอบเดียวของคุณในปี 2025 เว็บตรงแท้ ไม่ล็อกยูส ถอนได้ทุกยอด ฝากถอนออโต้ในไม่กี่วินาที

🌟 amb168 ดีไหม? ฟังเสียงจริงจากผู้ใช้งานทั่วไทย
ถ้าคุณยังลังเลว่า amb168 เป็น เว็บสล็อตเว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ ที่เชื่อถือได้จริงไหม เราขอนำเสนอเสียงจากผู้เล่นจริงที่ใช้บริการกับเรามาแล้วนับพันคนทั่วประเทศ
“สมัครง่ายมาก แค่ยืนยันเบอร์ก็ได้เครดิตฟรี 50 แล้ว ที่สำคัญคือถอนเงินได้จริง ถอนตอนตี 2 เงินเข้าไวมาก!” – คุณมายด์, เชียงใหม่
“เล่นมาหลายเว็บแต่ amb168 คือเว็บที่ ‘แตกแล้วถอนจริง’ ครั้งแรกเล่นได้ 3,200 ถอนเต็มไม่มีหัก ไม่มีเรื่องเยอะเลยครับ” – คุณนนท์, กรุงเทพฯ
“ระบบไม่ล็อกยูส เล่นได้ทุกเกม ชอบตรงที่ไม่ต้องแอดไลน์ ไม่ต้องแชร์ให้วุ่นวาย สมัครง่าย ถอนง่าย” – คุณแนท, ขอนแก่น
🔒 ความน่าเชื่อถือที่คุณตรวจสอบได้
- ✅ amb168 เปิดให้บริการมากกว่า 3 ปี มีฐานผู้เล่นหลักแสนคน
- ✅ มีรีวิวจริงจาก Facebook และกลุ่มผู้เล่นสล็อตทุกวัน
- ✅ หน้าเว็บโหลดไว มีใบรับรอง SSL ปลอดภัยระดับสากล
- ✅ รองรับการถอนผ่านบัญชีไทยทุกธนาคาร + TrueMoney Wallet
เราไม่เพียงให้บริการที่รวดเร็วเท่านั้น แต่ยังใส่ใจเรื่องความโปร่งใสในทุกขั้นตอน เพราะความน่าเชื่อถือคือ “เหตุผลที่ผู้เล่นอยู่กับเรานาน”
💬 คุณไม่ต้องเชื่อเราทันที — แค่ลองใช้ แล้วคุณจะรู้ว่า amb168 คือของจริง
เรายินดีให้คุณลองใช้ระบบแบบไม่เสี่ยงด้วย เครดิตฟรี 50 ไม่ต้องแชร์ ไม่ต้องฝาก แค่สมัครก็รับเลย แล้วลองหมุนสล็อตได้จริง ดูระบบเอง แล้วค่อยตัดสินใจว่าควรอยู่ต่อหรือไม่

🔚 สรุป: amb168 คือเว็บสล็อตเว็บตรงของจริงที่คุณคู่ควร
หากคุณต้องการ เว็บสล็อตแตกง่าย ถอนได้จริง ไม่ล็อกยูส ที่แจก เครดิตฟรี 50 ตั้งแต่ครั้งแรก และยังมีระบบฝากถอนออโต้ รองรับมือถือทุกระบบ — amb168 คือทางเลือกที่ “ครบที่สุด” ในปี 2025
- 💠 เว็บตรงแท้ ไม่ผ่านเอเย่นต์
- 💠 ไม่ล็อกยูส เล่นได้ก็ถอนไปเลย
- 💠 รองรับทั้งธนาคารและทรูวอเลท
- 💠 มีสล็อตทุกค่ายให้เลือก
- 💠 ระบบเข้าใจง่าย เหมาะกับมือใหม่และเซียน
amb168 คือแพลตฟอร์มที่คุณจะรู้สึก “ไว้ใจได้ตั้งแต่คลิกแรก”

❓ คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: amb168 เป็นเว็บตรงจริงไหม?
A: ใช่ 100% ไม่มีเอเย่นต์ รับตรงจากค่ายสล็อต ไม่ผ่านคนกลาง และถอนผ่านระบบออโต้เท่านั้น
Q: เครดิตฟรี 50 ถอนเงินได้จริงไหม?
A: ได้ครับ เมื่อทำยอดเทิร์นตามที่กำหนด ระบบจะให้คุณถอนเข้าบัญชีได้ทันที
Q: ถ้าฝากเงิน จะโดนล็อกยูสไหม?
A: ไม่แน่นอน amb168 ไม่มีระบบล็อกยูส ทุกยูสได้รับอัตราชนะตามจริง
Q: เว็บมีค่ายอะไรบ้าง?
A: PG SLOT, JOKER, PRAGMATIC, SLOTXO, RED TIGER, EVOPLAY และอีกมากมาย
Q: รองรับมือถือไหม?
A: ได้ทั้ง Android และ iOS รวมถึงเล่นผ่าน Browser ไม่ต้องโหลดแอป
🔗 ลิงก์ที่เกี่ยวข้อง (Internal + External Links)
🚀 พร้อมลุยหรือยัง? amb168 รอให้คุณพิสูจน์ด้วยตัวเอง
คุณไม่ต้องเชื่อคำโฆษณา ลองเองเลยตอนนี้ — สมัครฟรี, รับเครดิตฟรี 50, ปั่นได้ทุกเกม, ถอนได้จริง!



📚 สารบัญนิยาย amb168
Shut up, malevolent dragon! I don’t want to have any more children with you
หุบปากซะยัยมังกรตัวแสบ ฉันไม่อยากมีลูกกับเธอเพิ่มอีกแล้ว
- บท 152: ความกล้า
- บท 153: อย่าได้บังอาจขึ้นเตียงเชียว
- บท 154: การแต่งงานให้อะไรกับผู้ชายบ้าง
- บท 155: เลี้ยงลูกในท้องได้นะ แต่ห้ามเลี้ยงไขมัน
- บท 156: ไม่ล้างสามวัน หยิ่งทะนงทะลุฟ้า
- บท 157: พายุใกล้เข้ามาแล้ว
- บท 158: คำสัญญา
- บท 159: ราชามังกรเพลิงชาดมาเยือน
- บท 160: สิ่งที่เรียกว่าความแข็งแกร่งเหนือใคร
- บท 161: ชายที่แกร่งที่สุดกับภรรยาของเขา
- บท 162: ปากของคุณพ่อแข็งมากเลยเหรอ?
- บท 163: ยีนมังกร
- บท 164: ป้าตัวปั่น
- บท 165: ดั้นสด
- บท 166: ปัญญาล้ำเลิศ
- บท 167: ไม่เป็นไร ตัวเล็กก็ยังน่ารักอยู่ดี
- บท 168: รู้ไหมว่าฉันผ่านหกเดือนนี้มายังไง?
- บท 169: รอสไวส์? แม่มดสาวผู้ถักทอ!
- บท 170: บรรยากาศเผ่ามังกรช่างคึกคักสุดๆ
- บท 171: ปลดล็อคความเป็นมูน (ภาคแรก)
- บท 172: ปลดล็อคความเป็นมูน (ภาคสอง)
- บท 173: ยังมีผู้หญิงอีกคนงั้นเหรอ?
- บท 174: ตรอมตรม
- บท 175: กอดลูกสาว
- บท 176: การตัดสินใจ
- บท 177: ออโรร่า
- บท 178: ขอบใจนะ เจ้าลา
- บท 179: โลลิปืนคู่!
- บท 180: จักรวรรดิ
- บท 181: สีเหลือง การพนัน ยาเสพติด และเทคนิคการหลอมโลหะ
- บท 182: ปล่อยให้คุณลุงเป็นคนหาทางออก
- บท 183: ใช่คอนสแตนตินคนเดียวกับที่คุยรึ
- บท 184: กัปตัน รอยสักเรืองแสงได้ไง
- บท 185: รอสไวส์ 518 ครั้ง
- บท 186: Crossing this Mountain
- บท 187: Please turn on the voice
- บท 188: Layout
- บท 189: The Player in Control
- บท 190: The Weak and Infirm’s Abode
- บท 191: มิเคยจากลา
- บท 192: เจ็บตรงไหน เดี๋ยวตรวจให้
- บท 193: ราชินีมังกรเงินขี้หิง
- บท 194: เสียงกู่ก้อง 2.0
- บท 195: ออโรร่า
- บท 196: ยัยมังกรอยากให้ผมสารภาพรัก
- บท 197: ถึงเวลาเดท
- บท 198: ซื้อชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่
- บท 199: คืนนี้ ผ่อนคลายมากกว่าเดิม
- บท 200: ความหัวดื้อคือสกิล
- บท 201: เข้าใจอีกครั้ง
- บท 202: ลิตเติ้ลไลท์ซัดลีออน
- บท 203: เด็กไม่ควรดู
- บท 204: จูบนำไปสู่การตั้งครรภ์
- บท 205: สระน้ำมีไว้เล่นแบบนี้
- บท 206: ใครบอกว่าฉันซื้อชุดว่ายน้ำมาแค่ชุดเดียว
บท 152: ความกล้า คลิกตรงนี้เพื่ออ่าน
ฤดูหนาวมาถึงพร้อมกับวันหยุดของโนอา
ก่อนหน้านี้ ลีออนสัญญากับเธอไว้ว่าจะสอนเวทสายฟ้าขั้นสูงให้ในช่วงปิดเทอมฤดูหนาว เพราะแบบนั้น เขาจึงต้องเร่งหาทางแก้ปัญหาการสูญเสียมานาของตัวเองให้เร็วขึ้น
แม้จะยังไม่พบ “สาเหตุที่แท้จริง” แต่ตลอดเดือนที่ผ่านมา ลีออนก็เรียนรู้วิธีหลอกระบบของร่างกายตัวเองจนสามารถกักเก็บมานาไว้ในรอยสักมังกรได้มากพอสมควร
ด้วยพลังที่สะสมไว้ ต่อให้ต้องสาธิตหรือสอนโนอาโดยตรงก็ไม่มีปัญหาแน่นอน แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาสะสมมานาได้มากขนาดนี้ในเวลาแค่เดือนเดียว… ก็มาจากยัยมังกร
ตั้งแต่คืนนั้นที่มีเรื่องเกี่ยวกับรูปถ่าย ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรอสไวส์ก็ดูจะผ่อนคลายขึ้น—อย่างน้อยก็ไม่มีสถานการณ์ “ทะเลาะกันทุกวัน รบกันทั้งคืน” เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ลีออนรู้สึกว่าสาเหตุหลัก ๆ น่าจะเป็นเพราะท้องของรอสไวส์ที่เริ่มโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และเธอยังไม่คิดหา “วิธีเล่นสนุกแบบใหม่” มาแกล้งเขาก็เท่านั้น
แต่ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร การสะสมมานาได้มากขึ้นก็ถือเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว ถ้าวันไหนรอสไวส์กลับมาสวยสะพรั่งและทวงคืนชื่อเสียงของมังกรในตำนาน แล้วเกิดอยาก “ส่งการบ้าน” กับเขาอีกล่ะก็…
เขาจะทำให้มังกรร้ายตัวนี้ไม่มีทางได้ใจดีไปง่าย ๆ แน่
“คราวนี้มีเวทสายฟ้าอยู่เต็มมือ ถ้ายังทำให้หางเธอชาไม่ได้ อย่าเรียกผมว่าลีออน!”
ฤดูหนาวมาถึงพร้อมกับหิมะโปรยปรายปกคลุม วิหารมังกรเงิน ให้ขาวโพลน
ที่สนามฝึก มูนในชุดกันหนาวสีชมพู พร้อมที่ปิดหูลายอุ้งเท้ามังกรและถุงมือหนา ๆ กำลังเข็นก้อนหิมะขนาดมหึมา ซึ่งดูใหญ่เกินตัวเธอไปมาก
“พ่อบอกว่าหิมะที่เพิ่งตกใหม่ ๆ จะเกาะกันแน่นที่สุด เหมาะกับการปั้นตุ๊กตาหิมะที่สุด เพราะงั้นถ้าอยากได้ตุ๊กตาหิมะกลมสวยล่ะก็ ตอนนี้เป็นเวลาที่ดีที่สุดเลย!”
มังกรน้อยเพิ่งปั้นส่วนล่างของตุ๊กตาหิมะเสร็จ ตอนนี้กำลังตั้งใจปั้นส่วนบนอย่างขะมักเขม้น
หลังจากสอนลูกสาวคนเล็กให้สร้างตุ๊กตาหิมะเสร็จ ลีออนก็หันไปเริ่มสอนลูกสาวคนโตเกี่ยวกับเทคนิคขั้นสูงของเวทสายฟ้า
“โนอา ก่อนอื่นบอกพ่อหน่อยว่าเรียนไปถึงไหนแล้วที่สถาบัน” ลีออนพูด “พ่อจะได้รู้ว่าควรเริ่มสอนตรงไหน”
ถ้าอธิบายแบบผิวเผินเกินไป โนอาอาจจะเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นจากสถาบันไปแล้ว ทำให้เสียเวลาเปล่า แต่ถ้าลงลึกเกินไป ต่อให้เป็นเด็กหัวไวแบบโนอา เธอก็อาจจะสับสนได้ ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเรียนรู้
โนอาพยักหน้า “ได้เลยพ่อ ที่สถาบันหนูเรียนเวทสายฟ้าระดับ B ไปแล้ว แล้วเทอมหน้าจะเริ่มเรียนระดับ A เพราะงั้นหนูอยากทำความคุ้นเคยกับมันล่วงหน้าก่อน”
อีคิวสูง: “ทำความคุ้นเคยกับมันล่วงหน้า”
อีคิวต่ำ: “เทอมหน้าจะได้มีของไว้ตบเพื่อนร่วมห้อง”
โนอาเป็นเด็กที่รู้ตัวเองเสมอว่าต้องการอะไร โดยเฉพาะเรื่องการเรียน นักเรียนแบบนี้ไม่ต้องให้ใครคอยจ้ำจี้จ้ำไช พวกเขาจะจัดการตัวเองได้ดี ทำให้เป็นลูกศิษย์ที่สอนง่ายสำหรับอาจารย์
ที่เธอพูดถึง “ระดับ A” และ “ระดับ B” นั้น เป็นการจัดระดับความยากของเวทมนตร์ ทั้งมนุษย์และมังกรใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษในการจัดระดับความซับซ้อนของเวท
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากความแตกต่างระหว่างสองเผ่าพันธุ์ เวทเดียวกันอาจถูกจัดอยู่ในระดับ A สำหรับมนุษย์ แต่เป็นแค่ระดับ B สำหรับมังกรก็ได้
แน่นอน เรื่องพวกนี้เป็นแค่รายละเอียดเล็กน้อย ลีออนเตรียมตัวมาอย่างดีล่วงหน้าแล้ว เขาไม่มีทางพลาดเรื่องการใช้ระบบจัดระดับผิดพลาด เพราะถ้าทำแบบนั้น มันจะกลายเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของโนอาแทน
เพื่อเห็นแก่ลูกสาวสุดที่รัก ลีออนถึงขั้นนั่งท่องจำระบบจัดระดับเวทมนตร์ใหม่หมดทั้งชุด
“เวทระดับ A งั้นเหรอ… ได้เลย” ลีออนตอบ
โดยส่วนใหญ่แล้ว ระดับความยากของเวทมนตร์มักจะสะท้อนถึงพลังทำลายของมัน อย่างเช่น เวทระดับ C ก็มักจะสร้างความเสียหายได้น้อยกว่าเวทระดับ A เสมอ
แต่ทำไมถึงบอกว่า “โดยส่วนใหญ่” และ “มักจะ” ล่ะ?
ก็เพราะว่า… มันมีข้อยกเว้นอยู่เสมอ
เวทมนตร์ยังถูกแบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก ๆ ได้แก่ เวทต่อสู้ เวททักษะ และเวทสนับสนุน ซึ่งโนอายังไม่ได้ศึกษาเรื่องพวกนี้อย่างจริงจัง ลีออนจึงไม่ได้ลงรายละเอียดให้มากนัก เพียงแค่เกริ่นแนวคิดโดยสังเขปเท่านั้น
โนอาตั้งใจฟังอย่างเต็มที่ พอเธอเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับระดับเวทในเชิงลึกขึ้น ลีออนก็เข้าเรื่องทันที
“งั้นพ่อจะสอนเวทสายฟ้าระดับ A ที่ใช้ได้จริงที่สุด แล้วก็เป็นเวทที่พ่อชอบที่สุดด้วย”
“อื้ม!” โนอาส่ายหางไปมาอย่างตื่นเต้น
เธอไม่รู้สึกเขินอายเวลาแสดงความรู้สึกออกมาต่อหน้าลีออนอีกแล้ว ก็เขาเป็นพ่อของเธอนี่ จะอ้อนพ่อบ้างมันผิดตรงไหนกัน?
ลีออนยกมือขวาขึ้น หงายฝ่ามือ นิ้วงอเล็กน้อย ก่อนจะร่ายเวททันที
ในพริบตา สายฟ้าสีจางแล่นวาบขึ้นมา ห่อหุ้มฝ่ามือของเขาทั้งหมด ประกายไฟฟ้านับไม่ถ้วนกระจายตัวในอากาศ ส่งเสียงแตกเปรี๊ยะเป็นจังหวะชัดเจน
แสงจากสายฟ้าสะท้อนอยู่ในดวงตาของโนอา เธออ้าปากเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความอิจฉา
ในฐานะเด็กหัวกะทิอันดับหนึ่งของภาควิชามังกรเยาว์ โนอารู้ได้ทันทีว่าเวทสายฟ้าระดับ A บทนี้ยากแค่ไหน การรวบรวมมานาสายฟ้าความบริสุทธิ์สูงให้อยู่ในจุดเดียวและตรึงมันไว้กับมือได้อย่างมั่นคงนั้น เป็นอะไรที่ต่างจากแค่ “รวมพลังงาน” แบบธรรมดาโดยสิ้นเชิง
ถ้าควบคุมไม่ได้ดีพอ อาจทำร้ายตัวเองได้เสียด้วยซ้ำ การจะใช้เวทนี้ได้อย่างคล่องแคล่วเหมือนที่ลีออนทำ ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก และต้องมีพรสวรรค์ระดับหนึ่ง
“ท่านี้มีสองวิธีในการปล่อยพลัง” ลีออนอธิบาย พลางพาโนอาไปที่หุ่นซ้อม
จากนั้น เขาขยับมืออย่างรวดเร็ว ก่อนใช้คมมีดสายฟ้าฟันทะลุหุ่นซ้อมได้อย่างง่ายดาย
“วิธีแรก ใช้โจมตีระยะประชิดแบบนี้ อาศัยพลังระเบิดของสายฟ้าในการสร้างแรงโจมตีที่รุนแรงถึงชีวิต”
“ท่าที่ทรงพลังที่สุดมักเป็นการโจมตีที่เรียบง่ายที่สุด”—นี่คือข้อได้เปรียบของเวทสายฟ้า
“แล้ววิธีที่สองล่ะ?” โนอาถามด้วยความสนใจ
“วิธีที่สองต้องอาศัยสายตาที่เฉียบคมกับทักษะทางกายภาพที่ยอดเยี่ยม” ลีออนอธิบาย “ถ้าเธอสร้างระยะห่างจากศัตรูได้แล้ว ก็สามารถใช้ท่านี้หลังจากพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูง แรงเฉื่อยจากการพุ่งจะเพิ่มพลังทะลวงของการโจมตีอย่างมาก แน่นอนว่ามันมีพลังทำลายสูงกว่าวิธีแรก แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่มากขึ้น”
โนอาขบคิด ก่อนพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เพราะงั้น เวลาที่พ่อบอกว่าต้องมีสายตาที่เฉียบคมกับทักษะทางกายภาพ มันคือเพื่อป้องกันไม่ให้โดนขัดจังหวะหรือโดนซุ่มโจมตีระหว่างพุ่งเข้าโจมตีใช่ไหม?”
ลีออนยิ้มออกมา พลางลูบหัวลูกสาว “โนอาฉลาดมาก ใช่เลย”
“แล้วพ่อ ท่านี้มีชื่อไหม?” โนอาถามด้วยความอยากรู้
“แน่นอนว่ามันมีชื่อ” ลีออนตอบ ก่อนจะรวบรวมพลังสายฟ้าอีกครั้ง ประกายไฟฟ้าปะทุขึ้น พร้อมเสียงแตกเปรี๊ยะก้องอากาศ
“เพราะเวลาที่ใช้ พลังเวทจะเสียดสีกับอากาศ ส่งเสียงแหลมสูง ราวกับเสียงนกร้องนับพันตัว เพราะงั้น ท่านี้มีชื่อว่า…”
โนอาจ้องตาไม่กะพริบ กล่าวอย่างตื่นเต้น
“ สายฟ้าทะลวงใช่มั้ยคะ”
ท่าที่ทรงพลังที่สุด ไม่เพียงแต่ใช้การโจมตีที่เรียบง่ายที่สุดเท่านั้น ควรมาพร้อมกับชื่อที่ตรงไปตรงมาที่สุดอีกด้วย
“แต่พ่อคะ แล้วชื่อท่านี้มันเกี่ยวอะไรกับเสียงนกพันตัวที่พ่อพูดเมื่อกี้?” โนอาหรี่ตาล้อเลียนเล็ก ๆ
“ไม่เกี่ยวหรอก พ่อแค่โชว์สกิลเปรียบเปรยเฉย ๆ” ลีออนหัวเราะ “หรืออยากให้พ่อสอนวิชาการเปรียบเปรยให้ด้วย?”
โนอายิ้มขำ “ฮ่า ๆ พ่อนี่ตลกจริง ๆ”
แต่แน่นอนว่า เรื่องนี้ก็สำคัญอยู่บ้าง
เผ่ามังกรเรียกเวทสายฟ้าสำหรับโจมตีร่วมกันนี้ว่า “สายฟ้าทะลวง”—ชื่อเรียบง่าย ไร้ความคิดสร้างสรรค์ เหมือนกับท่าเปิดฉากสุดคลาสสิกของพวกเขา “เพลิงมังกร” เผ่ามังกรนี่ช่างป่าเถื่อนจริง ๆ รู้แต่เรื่องต่อสู้ล้วน ๆ!
“เรื่องตั้งชื่อนี่มันต้องยกให้เผ่ามนุษย์สิ” ลีออนคิดในใจ
หลังจากที่มนุษย์นำเวทนี้มาพัฒนาต่อ พวกเขาตั้งชื่อมันใหม่ตามเสียงที่ดังขึ้นเวลาร่าย—เสียงแหลมสูงที่เหมือนเสียงนกนับพันร้องประสานกัน
“พันปักษา”
แต่แค่ก ๆ แน่นอนว่า ลีออนไม่สามารถบอกชื่อนี้ให้โนอารู้ได้ แม้แต่จะบอกว่า “จริง ๆ แล้วพ่อมีชื่อที่เท่กว่านี้นะ” ก็ยังไม่กล้าพูด!
ด้วยความฉลาดของโนอา ถ้าวันหนึ่งเธอไปเจอชื่อท่านี้ในหนังสือที่บันทึกว่าเป็นเวทที่มนุษย์คิดค้นขึ้น มันคงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ทำให้เธอเชื่อมโยง “พ่อแก่ ๆ” ของตัวเองเข้ากับเผ่ามนุษย์
และถ้าเธอถูกปลูกฝังแนวคิดแบบ “หลักสูตรการศึกษาของสถาบันเซนต์ไฮส์” จนซึมลึกเข้าไปจริง ๆ ไม่แน่ว่า “พ่อมนุษย์” อาจกลายเป็น “โปรเจกต์จบ” ของเธอขึ้นมาก็ได้!
ลีออนส่ายหัว สลัดความคิดไร้สาระออกไป แต่ในเมื่อเผลอคิดมาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะไตร่ตรองถึงสถานะความเป็นมนุษย์ของตัวเอง กับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูกสาวทั้งสอง
แต่ก่อนที่เขาจะคิดไปไกลกว่านั้น เสียงหิมะกรอบแกรบดังขึ้นใกล้ ๆ ทางเข้า สนามฝึก
พ่อกับลูกหันไปมองพร้อมกัน
เป็นรอสไวส์
เธอยืนอยู่ท่ามกลางหิมะ สวมเสื้อคลุมเงินตัวหนา ร่างระหงดูอ่อนช้อยและสง่างาม ใบหน้าละเอียดอ่อนของเธอบริสุทธิ์ราวกับหิมะที่เพิ่งโปรยปรายลงมา
บท 153: อย่าได้บังอาจขึ้นเตียงเชียว
บท 153: อย่าได้บังอาจขึ้นเตียงเชียว คลิกตรงนี้เพื่ออ่าน
“แม่~”
มูนยืนอยู่ข้างก้อนหิมะสองก้อน—ก้อนหนึ่งใหญ่ อีกก้อนเล็ก โบกแขนเล็ก ๆ เรียกหารางวัลสายตาจากรอสไวส์
รอสไวส์โบกมือกลับ ก่อนจะเหลือบมองลีออนกับโนอา ดูจากสภาพหุ่นซ้อมที่เสียหายยับเยินข้าง ๆ ทั้งสองคน คงกำลังฝึกเวทโจมตีกันอยู่แน่ ๆ
“เวลาใช้เวท ระวังอย่าให้ตัวเองบาดเจ็บนะ โนอา”
เธอไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปแทรกแซงการสอนของลีออนอยู่แล้ว—เขามีพรสวรรค์ในการสอนเด็ก ๆ เป็นทุนเดิม เธอจึงไม่จำเป็นต้องกังวลมาก
“ค่ะ แม่”
หลังจากตอบ โนอาก็หันไปโฟกัสกับการรวมพลังสายฟ้าในมืออีกครั้ง
ลีออนเงยหน้าขึ้นมองราชินีมังกรผู้เลอโฉม เกล็ดหิมะร่วงหล่นลงบนเรือนผมสีเงินและลาดไหล่ของเธอ ราวกับแต่งแต้มให้เธอดูงดงามยิ่งกว่าตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่ได้รับการสร้างสรรค์อย่างประณีต
รอสไวส์สบตาลีออน แต่ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่แลกเปลี่ยนสายตากันสั้น ๆ ก่อนที่รอสไวส์จะเบือนหน้ากลับไปแล้วเดินไปหามูน
“พ่อสอนคนโต แม่ดูแลคนเล็ก แบ่งงานกันชัดเจน”
“มูนกำลังปั้นตุ๊กตาหิมะเหรอ?” รอสไวส์ถามขณะเดินเข้าไปใกล้
“อื้ม! มูนปั้นส่วนตัวกับส่วนหัวเสร็จแล้ว แต่ว่า… แต่ว่ามูนตัวเตี้ยไปหน่อย ต่อมันเข้าด้วยกันไม่ได้” มูนเงยหน้ามองแม่ ดวงตากลมโตเป็นประกายส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
รอสไวส์ยิ้ม “ให้แม่ช่วยไหมคะ?”
“โอเค~”
รอสไวส์พยักหน้า ก่อนก้มลงยกส่วนหัวของตุ๊กตาหิมะขึ้น แต่เพราะท้องของเธอเริ่มนูนขึ้นชัดเจนจากการตั้งครรภ์ได้เกือบสี่เดือน การยืดตัวขึ้นจึงเริ่มเป็นเรื่องลำบากเล็กน้อย
เห็นดังนั้น มังกรน้อยก็รีบวิ่งเข้ามาข้าง ๆ ยกแขนขึ้นสุดตัวช่วยแม่พยุงอีกด้านของก้อนหิมะ แถมยังเขย่งเท้าให้สูงขึ้นอีกด้วย หางเล็ก ๆ ของเธอก็ดูเหมือนจะออกแรงช่วยเหมือนกัน
สุดท้าย ด้วยความร่วมมือของแม่ลูก หัวของตุ๊กตาหิมะก็ถูกวางลงบนตัวอย่างสมบูรณ์แบบ
“แม่เก่งที่สุดเลย!” มูนวิ่งเข้ามาเขย่าแขนรอสไวส์ด้วยความตื่นเต้น
รอสไวส์ลูบหัวลูกสาว “มูนก็เก่งเหมือนกันนะ ตอนนี้หน้าตุ๊กตาหิมะยังว่างอยู่เลย เรามาทำตากับปากให้มันกันเถอะ”
“โอเค!”
รอสไวส์เคยผ่านฤดูหนาวมากว่าสองร้อยครั้ง แต่ไม่เคยปั้นตุ๊กตาหิมะกับใครมาก่อน
แม้แต่ตอนเป็นเด็ก เธอก็ไม่สนใจเกมแบบนี้เลย ตอนที่อิซาเบลล่าเคยชวนออกไปปั้นตุ๊กตาหิมะหรือเล่นปาหิมะ เธอกลับเฉยเมย ไม่เคยเข้าใจเลยว่าการกลิ้งก้อนหิมะให้เป็นก้อนใหญ่แล้วปั้นเป็นคนนั้น จะมี “ความสำเร็จ” ตรงไหน
สำหรับรอสไวส์ในตอนนั้น การใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือเพิ่ม หรือฝึกฝนเวทมนตร์น่าจะเป็นประโยชน์กว่าการเสียเวลาเล่นอะไรแบบนี้เสียอีก แม้แต่ตอนที่ลูกสาวทั้งสองได้สัมผัสฤดูหนาวเป็นครั้งแรก เธอก็ทำแค่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ ไม่เคยร่วมเล่นด้วย
แต่หลังจากใช้ชีวิตร่วมกับลีออนมานานเข้า เธอก็ค่อย ๆ ลด “ความยโส” ที่แม่คนหนึ่งไม่ควรมีลงไปเรื่อย ๆ
จากจุดเริ่มต้นที่ให้ลูกสาวสองคนเลิกเรียกเธอว่า “ท่านแม่” แล้วเปลี่ยนเป็น “แม่”
จากการยอมถ่ายรูปครอบครัว เข้าร่วมงานกีฬาของโรงเรียน
ช่วยโนอาเขียนเรียงความหัวข้อ “ความรักของพ่อแม่”
จนมาถึงตอนนี้—ปั้นตุ๊กตาหิมะกับมูน
เธอเปลี่ยนไปมากจริง ๆ
เมื่อก่อนเธอคงไม่มีทางทุ่มเทให้กับกิจกรรมแบบนี้เต็มที่แน่ ๆ ถึงจะไม่อยากยอมรับว่าคนที่เปลี่ยนเธอคือ ลีออน แต่ความเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ก็เริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่เขาฟื้นขึ้นมา
แต่ก็นั่นแหละ—ต่อให้เปลี่ยนไปแค่ไหน เรื่องที่เกี่ยวกับลูก ๆ เท่านั้นที่ได้รับอิทธิพลจากลีออน ส่วน “ทัศนคติต่อเชลยศึก” น่ะ ราชินีผู้นี้ไม่มีวันเปลี่ยนเด็ดขาด!
พอวางเรื่องฟุ้งซ่านในหัวออกไปได้ ตุ๊กตาหิมะก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว พวกเธอหาของมาแทนตา ปาก และแขนได้หมดแล้ว ขาดแค่จมูกเท่านั้น
มูนยืนกอดอกมองตุ๊กตาหิมะตัวเกือบเสร็จ ก่อนจะเกาหัวที่เต็มไปด้วยเกล็ดหิมะเบา ๆ “มูนหากิ่งไม้ที่เหมาะจะทำจมูกไม่ได้เลย”
รอสไวส์กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
เมื่อหันกลับไป ก็เห็นว่าเป็น ลีออน
“โอ้โห สร้างเสร็จเร็วเหมือนกันนะ” ลีออนพูดขณะมองตุ๊กตาหิมะ ก่อนจะเหลือบสายตาไปที่จุดที่ควรเป็นจมูก “แต่ทำไมยังไม่มีจมูกล่ะ?”
“กิ่งไม้ที่หาได้มันเล็กไปค่ะ ไม่เหมาะจะทำเป็นจมูกเลย” มูนอธิบาย
ลีออนนั่งยอง ๆ ลงก่อนจะหยิกจมูกเล็ก ๆ ของมูนเบา ๆ “งั้นทำไมไม่ให้มันมีจมูกเล็ก ๆ แบบมูนล่ะ?”
“แต่แม่บอกว่าถ้าทำแบบนั้น ตุ๊กตาหิมะจะไม่มีเอกลักษณ์ค่ะ” มูนเถียง
ลีออนอุ้มมูนขึ้น ก่อนเดินไปหารอสไวส์ “ไม่มีเอกลักษณ์อะไรล่ะ? จมูกเล็ก ๆ น่ะน่ารักออก”
“ความน่ารักของมูนไม่เกี่ยวกับจมูก” รอสไวส์ตอบเสียงเรียบ
เธอลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยบอกลีออนไว้ว่า “น่ารัก” เป็นคำดูถูกสำหรับมังกร
แต่ก็ช่วยไม่ได้นี่นะ—รอสไวส์หาคำคุณศัพท์ที่เหมาะกับลูก ๆ ของเธอไม่ได้เลย สุดท้ายก็เลยปล่อยเลยตามเลย ยอมใช้ตามลีออนไป
“ตุ๊กตาหิมะควรจะมีจมูกยาว” รอสไวส์ยืนกราน
ลีออนเลิกคิ้ว “แต่ฉันว่ามันควรมีจมูกเล็กนะ”
“จมูกยาว”
“จมูกเล็ก”
“จมูกยาว!”
“โอเค ๆ จมูกยาวก็ได้” ลีออนยอมถอย—เถียงกับหญิงท้องไม่มีทางชนะอยู่แล้ว เขามองไปรอบ ๆ “แต่ดูเหมือนพวกเธอจะยังไม่เจออะไรที่ใช้เป็นจมูกยาวเลยนะ?”
“หึ ไม่ต้องหาหรอก ฉันเตรียมมาแล้วก่อนออกมา” รอสไวส์พูด “กำลังจะหยิบออกมาอยู่พอดี นายก็ดันเดินมาซะก่อน”
ลีออนกระพริบตาปริบ ๆ ฟังดูเหมือนรอสไวส์จะกำลังแขวะว่าเขาไม่ได้ตั้งใจสอนโนอา แต่แค่หนีมาหาเรื่องเล่นสนุก เขารีบแก้ตัวทันที “โนอากำลังฝึกอย่างดี ผมแค่เดินมาดูพวกเธอแค่นั้นเอง”
รอสไวส์ยักไหล่ “ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น หมายถึงนายมาได้ถูกจังหวะพอดี”
“ถูกจังหวะ? หมายความว่ายังไง?”
ราชินียิ้มมุมปาก ก่อนก้มลงล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านในของเสื้อคลุม
—แครอท
ท่ามกลางบรรยากาศเย็นเยือก เจ้าแท่งสีส้มอันตรายนี้โดดเด่นขึ้นมาทันทีในสายตาลีออน
เขาถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ “นี่น่ะเหรอที่เธอเรียกว่าจมูกที่เหมาะสม?”
“อื้ม~” รอสไวส์ตอบอย่างภาคภูมิใจ ก่อนหมุนตัวไปติดแครอทไว้ใต้ดวงตาของตุ๊กตาหิมะ
คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะดูเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด
“สมบูรณ์แบบ” รอสไวส์พยักหน้าพอใจสุด ๆ
“หึ” ลีออนพ่นลมหายใจแรง ๆ อย่างไม่สบอารมณ์
รอสไวส์หันกลับมามองเขา “อะไร? ไม่พอใจเหรอ? ถ้าไม่ชอบ มีตัวเลือกสำรองให้นะ”
“มันคือ?”
ทันทีที่พูดจบ รอสไวส์ก็ล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋าด้านในของเสื้อคลุม
—มะเขือยาว
ลีออน: “…ไม่น่าถามเลยจริง ๆ”
“เย้~ ตุ๊กตาหิมะเสร็จแล้ว~”
มูนส่ายหางเล็ก ๆ ของเธอด้วยความตื่นเต้น ปอยผมบนหัวแกว่งไปมาตามจังหวะ
ลีออนวางเธอลงบนพื้น ปล่อยให้ลูกสาวได้ชื่นชมผลงานของตัวเองอย่างเต็มที่
ขณะที่พวกเขาสองพ่อลูกสนุกกันดี คู่สามีภรรยาก็ขยับมายืนคุยกันเงียบ ๆ อีกมุมหนึ่ง
ลีออนเหลือบมองท้องที่เริ่มนูนชัดของรอสไวส์ “แล้วถ้าเธอ… ลื่นล้มในหิมะเข้าไปล่ะ?”
“มังกรไม่ล้มง่าย ๆ หรอก” รอสไวส์สะบัดหางยาวสีเงินเบา ๆ “หางของเผ่ามังกรนอกจากจะบ่งบอกฐานะกับอายุแล้ว ยังช่วยให้เรารักษาสมดุลได้ดีกว่าด้วย”
ลีออนหรี่ตาลง พิจารณาหางเรียวยาวที่แกว่งไปมาเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “หืม… ก็มีประโยชน์หลายอย่างดีแฮะ”
“หึ่… บากะ”
รอสไวส์เข้าใจความนัยของเขาทันที ก่อนจะพึมพำเบา ๆ แล้วรีบหดหางกลับลงมา
ลีออนหัวเราะเบา ๆ ก่อนกอดอกถาม “แอนนาไม่เห็นเหรอว่าเธอแอบออกมา?”
ตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายน ต่อให้รอสไวส์ไม่พูดอะไร แอนนาและเหล่าสาวใช้ก็รู้ได้เองว่า ราชินีทรงพระครรภ์
ยิ่งเป็นช่วงฤดูหนาวแบบนี้ อย่างที่ลีออนบอก—พื้นหิมะเย็นจัด แถมลื่นง่ายสุด ๆ ดังนั้น ช่วงนี้แอนนาและเหล่าสาวใช้จึงจับตาดูรอสไวส์อย่างใกล้ชิด ไม่ยอมให้เธอเดินไปไหนไกล ๆ
ส่วนเรื่อง “ออกไปข้างนอก” น่ะเหรอ?
หึ ฝันไปเถอะ!
“การจำกัดพื้นที่เพื่อราชินี” ฟังดูเหมือนเป็นการกบฏและล่วงเกินอำนาจจนถึงขั้นอาจมีหัวหลุดจากบ่าได้
แต่รอสไวส์ไม่ใช่ทรราชไร้ความสามารถ สาวใช้ที่คอยดูแลเธอล้วนทำไปเพราะหวังดีจริง ๆ—พวกเธอจึงไม่ยอมให้เธอออกไปเดินเตร็ดเตร่ตามใจชอบ และถ้ารอสไวส์หันไปตำหนิพวกเธอเข้า ก็คงทำร้ายจิตใจพวกเธอเปล่า ๆ
ดังนั้น ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา รอสไวส์จึงเปิด “ศึกชิงไหวพริบ” กับทีมสาวใช้ของเธอ
ถึงภายนอกเธอจะดูเยือกเย็นและไม่ใส่ใจอะไร แต่แท้จริงแล้ว เธอเป็นคนที่ดื้อเงียบมาก ถ้าสาวใช้เผลอปล่อยการ์ดตกแม้แต่นิดเดียว เธอก็จะ “ปิ้ว!” หายตัวออกไปในพริบตา และไม่มีใครตามตัวทัน
และในฐานะ “สามีของราชินี” ลีออนก็ถูกดึงให้กลายเป็น “ผู้สมรู้ร่วมคิด” ไปโดยปริยาย
แน่นอนว่า สถานะ “ผู้สมรู้ร่วมคิด” นี้ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจ—แต่เกิดจากการถูกขู่
รอสไวส์ยื่นคำขาดไว้ว่า “ถ้ากล้าฟ้องแอนนา ฉันจะให้นายกลับไปทำการบ้านทุกวัน!”
ดังนั้น เพื่อมานาที่ยอมลำบากสะสมมาอย่างยากเย็น ลีออนจึงได้แต่กัดฟันทน…
ความจริงแล้ว ในฐานะสามีผู้ใกล้ชิดกับรอสไวส์ที่สุด ลีออนเข้าใจสภาพร่างกายของเธอดีกว่าแอนนาด้วยซ้ำ เธอไม่ได้อ่อนแอจนถึงขั้นต้องขังตัวเองอยู่แต่ในบ้านทุกวัน—ออกมาเดินเล่นสักหน่อยก็ไม่มีปัญหา
แต่ปัญหาคือ… แอนนาในฐานะหัวหน้าสาวใช้ รับหน้าที่ดูแลสุขภาพของราชินีโดยตรง และเธอไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดได้แม้แต่นิดเดียว
“ไม่หรอก ฉันแอบออกมาทางประตูข้าง พวกนางไม่เห็นแน่” รอสไวส์ตอบ ก่อนจะหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเสริมขึ้นมา “แต่ต่อให้เห็นแล้วไง? ฉันเป็นราชินีนะ ไม่เชื่อหรอกว่าแอนนาจะกล้านำสาวใช้ทั้งกองมาลากกลับไป”
ลีออนอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สายตาของเขาเหลือบไปมองเลยไหล่ของรอสไวส์ ราวกับว่าเห็นอะไรบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้แสดงท่าทีผิดปกติแต่อย่างใด และยังคงพูดต่อไปว่า
“ฟังดูเหมือนเธอไม่กลัวหัวหน้าสาวใช้ของตัวเองเลยนะ”
“กลัวที่ไหนล่ะ? ต่อให้พวกนางจับฉันกลับไป ฉันก็จะหาทางหนีออกมาอยู่ดี” รอสไวส์ยักไหล่ อย่างไม่สะทกสะท้าน
“โอ้โห ๆ กระตือรือร้นอยากออกไปข้างนอกขนาดนี้เลยเหรอ?” ลีออนแซว
“เฮ้อ เพิ่งท้องได้แค่สี่เดือนเองนะ ไม่ใช่ว่าจะคลอดพรุ่งนี้ซะหน่อย” รอสไวส์สวนกลับ เธอรู้สภาพร่างกายตัวเองดีที่สุด และเธอก็ไม่ได้พูดผิด—แต่ในสายตาของเหล่าสาวใช้ผู้จงรักภักดี ความเสี่ยงใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับองค์ราชินีล้วนต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก
ลีออนมองท่าทีมั่นใจของรอสไวส์ก่อนจะค่อย ๆ ปรบมือช้า ๆ “สมกับเป็นราชินีมังกรเงินจริง ๆ งั้นพอแอบหนีออกมาได้แล้ว คิดจะทำอะไรต่อ?”
รอสไวส์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อืม… อาจจะสอนเวทไฟให้มูน หรือไม่ก็ปั้นตุ๊กตาหิมะอีกตัวดี? หรือจะเล่นปาหิมะก็น่าสนุกเหมือนกัน”
“ถ้าแอนนารู้ว่าเธอวางแผนจะเล่นสนุกขนาดนี้ นางคงลากเธอกลับทันที” ลีออนแซวขำ ๆ
รอสไวส์โบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ก็แอนนาไม่ได้อยู่ที่นี่นี่—”
“ฝ่าบาท”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
เส้นขนบนร่างของรอสไวส์ลุกชันขึ้นทันที “…”
“เวทไฟ… ปั้นตุ๊กตาหิมะ… ปาหิมะ…” แอนนาเอ่ยเสียงเนิบช้า “ท่านคิดว่าหญิงตั้งครรภ์ควรทำอะไรพวกนี้ได้อย่างนั้นหรือ?”
น้ำเสียงของหัวหน้าสาวใช้เต็มไปด้วยความปลงตก
รอสไวส์ยังคงหันหลังให้แอนนา แต่เธอกลับต้องเผชิญหน้ากับลีออนแทน
ราชินีมังกรจ้องมองนักล่ามังกรผู้น่าชังอย่างเอาเรื่อง กัดฟันแน่นก่อนพึมพำเสียงต่ำ “นายหักหลังฉัน!”
“ผมก็แค่ถาม ไม่ได้ฟ้องสักหน่อย ไม่เกี่ยวกับผมนะ” ลีออนรีบตีตัวออกห่างจากรอสไวส์ทันที
“นาย!”
“ฝ่าบาท โปรดกลับไปกับหม่อมฉันเถอะเพคะ หากพระองค์ทรงหกล้ม มันจะเป็นความผิดของหม่อมฉัน” แอนนากล่าว น้ำเสียงอ่อนโยน
เธอรับใช้ราชินีมานานหลายสิบปี รู้ดีว่าการพูดหว่านล้อมอย่างนุ่มนวลย่อมได้ผลดีกว่าการออกคำสั่งแบบแข็งกร้าว
รอสไวส์ถลึงตาใส่ลีออนอีกครั้ง—แววตาของมังกรเงินสะท้อนอารมณ์ชัดเจนว่าถ้าไม่มีแอนนาอยู่ตรงนี้ และถ้าไม่มีมูนเป็นพยาน เธอคงกดลีออนลงไปฝังในหิมะไปแล้ว!
ลีออนทำหน้าใสซื่อสุดชีวิต
“เชื่อเถอะ ผมไม่ได้ฟ้องจริง ๆ!”
“แคสมอด!” รอสไวส์กัดฟันแน่น ” คืนนี้นายห้ามเข้าห้องนอน!”
บท 154: การแต่งงานให้อะไรกับผู้ชายบ้าง
บท 154: การแต่งงานให้อะไรกับผู้ชายบ้าง คลิกตรงนี้เพื่ออ่าน
ตอนเย็น ลีออนอาบน้ำชำระความเหนื่อยล้าของทั้งวัน พอออกจากห้องน้ำมาก็เห็นว่าภรรยาของเขา “รอสไวส์” ล้มตัวลงนอนบนเตียงเรียบร้อยแล้ว
กลางวันวันนี้ “ยัยมังกร” ถูกสาวใช้ของตัวเองจับได้คาสนามฝึก ก่อนจะโดนกักตัวอยู่ในวิหารทั้งวัน ขณะนั้นเอง เธอขู่เขาไว้ว่าถ้ามีปัญญานัก คืนนี้ก็อย่าเข้าห้องนอน!
หึ คิดว่าผมจะกลัวหรือไง?
ผมไม่ได้ฟ้อง ไม่ได้ทำให้เธอโกรธ แล้วทำไมจะเข้ามานอนไม่ได้ล่ะ?
ลีออนเช็ดผมให้แห้ง ก่อนเดินไปที่อีกฝั่งของเตียงขนาดใหญ่ ยกผ้าห่มขึ้นแล้วล้มตัวลงนอนตามปกติ
รอสไวส์ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากนัก เธอนอนนิ่ง ๆ ปล่อยแขนพ้นจากผ้าห่ม วางมือบนหน้าท้อง ดวงตาสวยจ้องมองเพดานคล้ายกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ลีออนเหลือบมองเธอเล็กน้อย ก่อนจะปิดโคมไฟข้างเตียง “ฝันดี”
“ฉันยังไม่ง่วง” รอสไวส์ตอบเรียบ ๆ
“อืม งั้นผมนอนก่อนแล้วกัน”
“ห้ามนอน”
ลีออนหันไปมองเธอ “ทำไมล่ะ?”
“ราชินีที่กำลังตั้งครรภ์ยังไม่นอน แล้วเชลยอย่างเจ้าจะมานอนก่อนได้ยังไง?” รอสไวส์กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
…เออ ก็สมเหตุสมผลดี
ลีออนถอนหายใจอย่างปลง ๆ “แล้วราชินีผู้ทรงพระครรภ์ต้องการอะไรล่ะ?”
รอสไวส์คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบ “อยากฟังนิทาน เล่าให้ฟังหน่อย”
ลีออนกลอกตา “เธออายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย?”
“เพิ่งฉลองวันเกิดไปหมาด ๆ ลืมแล้วเหรอ?” รอสไวส์พูดเสียงเรียบ “สองร้อยสิบแปด”
“รู้ตัวไหมว่าอายุเกินสองร้อยปีแล้ว? ไม่ใช่เด็กสักหน่อย จะมาฟังนิทานทำไม?”
“ไม่สน ฉันอยากฟัง”
“อย่ามาเล่นแง่ นอนได้แล้ว”
“อยากฟัง ๆๆๆ!”
รอสไวส์เริ่มทำตัวเหมือนเด็ก—ไม่สิ เหมือนมังกรน้อย? เอาเถอะ จะเด็กหรือมังกรก็ช่างเถอะ—เธอดิ้นไปมาภายใต้ผ้าห่ม เตะขาสุ่ม ๆ เหมือนเด็กที่งอแงเพราะไม่ได้ขนม
และไม่รู้ว่าเธอจงใจหรือไม่ แต่ลีออนโดนลูกหลงจากแรงเตะของเธอไปหลายทีแล้ว เขาถอยร่นจนชิดขอบเตียง แต่ก้นเขาก็ยังหนีเคราะห์กรรมไม่พ้น
“พระเจ้าให้เธอมีขายาวเพื่อให้ใส่ถุงน่องกระต่ายให้สามีดู ไม่ใช่ให้เอามาเตะก้นสามีบนเตียงนะ ยัยตัวแสบ!”
สุดจะทนกับความวุ่นวาย ลีออนตัดสินใจพูดขึ้นเสียงเรียบ “รอสไวส์”
เท้าของรอสไวส์หยุดค้างอยู่ตรงเอวของเขา “ว่าไง? จะเริ่มเล่านิทานแล้วเหรอ?”
“ผมจะทนเธอให้แค่หกเดือน” ลีออนกัดฟันพูด
รอสไวส์หรี่ตาลงก่อนยิ้มออกมา “งั้นอีกหกเดือนนายค่อยอาละวาดก็แล้วกัน ตอนนี้ฉันกำลังท้อง อารมณ์แปรปรวน นายต้อง อดทน จำไม่ได้เหรอว่าตอนแรกนายเป็นคนรับปากเอง?”
…พลาดแค่ครั้งเดียว ผิดไปตลอดชีวิต
“อารมณ์แปรปรวน” ในความเข้าใจของลีออน ดูเหมือนจะไม่เหมือนกับความเข้าใจของรอสไวส์เลยแม้แต่นิดเดียว…
ตอนที่เขารับปากกับเธอในตอนนั้น ลีออนคิดว่าเธอคงจะระเบิดอารมณ์ออกมาแบบคุมไม่อยู่ สาปแช่งฟ้าดิน ด่าทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ก้อนอากาศ แล้วระบายความอัดอั้นตลอดสองร้อยปีลงมาที่เขาในช่วงตั้งครรภ์
แน่นอนว่าลีออนเตรียมใจไว้แล้ว—เพื่อเห็นแก่ลูกคนที่สอง เขาจะอดทนให้ถึงที่สุด
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นไปตามที่เขาคิดเลยสักนิด
พักหลังมานี้ รอสไวส์เริ่มออกคำสั่งแปลก ๆ กับเขา โดยใช้ข้ออ้างว่า “ฉันกำลังท้อง อารมณ์แปรปรวน”
ซึ่งคำสั่งเหล่านั้นมีตั้งแต่—
“ฉันอยากเห็นนายขอแต่งงานกับแครอท แล้วให้มะเขือยาวเป็นพยาน”
“เชลย ลีออน! ลุกขึ้น! ลุกนั่งห้าร้อยครั้ง ปฏิบัติ!”
“มาเล่นเป่ายิ้งฉุบกัน ใครแพ้ต้องล้างเท้าให้คนชนะ… อ้อ แล้วนายต้องออกค้อนเท่านั้นนะ”
“ฉันไม่อยากกินข้าวเย็น”
—ห้านาทีต่อมา—
“ฉันอยากกินของว่างตอนเที่ยงคืน”
“…”
ลีออนเคยได้ยินคำว่า “ตั้งท้องที โง่ไปสามปี” มาก่อน แต่เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่ามันมี “ช่วงฟักตัวของความโง่” ด้วย
ราชินีมังกรเงินที่ไหนกัน? นี่มันมังกรเงินเด็กเกรียนชัด ๆ!
ลีออนถอนหายใจเงียบ ๆ ในใจ แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า…
เมื่อเทียบกับคำขอแปลก ๆ พวกนั้น การ “เล่านิทาน” ถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก
“อยากฟังเรื่องอะไร?” ลีออนถาม
“อะไรก็ได้ ฟังหมดแหละ” รอสไวส์ตอบเสียงหวาน
…หืม วันนี้ดูอ้อนเป็นพิเศษแฮะ
ลีออนรู้สึกว่าความน่ารักของเธอช่วยลดความขุ่นมัวไปได้เยอะพอสมควร พอคิดได้แบบนั้น เขาก็เลือกเรื่องเล่าออกมาได้อย่างรวดเร็ว
พูดก็พูดเถอะ ผมเองก็มีสต็อกนิทานเยอะอยู่แล้ว ในฐานะพ่อที่กำลังจะมีลูกเพิ่ม เรื่องเล่านี่มันเป็นทักษะพื้นฐานเลยนะ
“งั้นเล่าเรื่อง ‘มังกรน้อยข้ามแม่น้ำ’ ให้ฟังดีไหม?”
“อื้ม”
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีมังกรน้อยตัวหนึ่งอยากข้ามแม่น้ำสายเล็ก ๆ แต่กระแสน้ำไหลเชี่ยวมาก เธอกลัวว่าจะถูกพัดไปเสียก่อน จึงไปถามมังกรเฒ่าที่ผ่านมา มังกรเฒ่าบอกว่าน้ำตื้น เดินข้ามได้ง่าย ๆ”
“จากนั้น มังกรน้อยไปถามกระรอกที่อยู่แถวนั้น เจ้ากระรอกบอกว่าน้ำลึก อันตรายเกินไป มังกรน้อยจึงลังเลและ—”
“เดี๋ยว ๆ มีคำถาม” รอสไวส์ขัดขึ้นมากลางคัน
“อะไร?”
“ทำไมกระรอกพูดได้?”
“…”
“แล้วทำไมมังกรน้อยไม่ข้ามสะพานไปล่ะ?”
“เอ่อ…”
“แล้วทำไมมังกรเฒ่าที่ผ่านมาไม่อุ้มเจ้ามังกรน้อยข้ามไปเลย? เรื่องนี้มันใจร้ายมาก เปลี่ยนเรื่องเถอะ”
“เฮ้อ… ผู้ใหญ่ไม่เข้าใจจิตวิญญาณของเด็กจริง ๆ”
ลีออนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเรื่อง
“งั้นเรื่องต่อไปชื่อว่า ‘อีกากระหายน้ำ’”
“อื้ม”
“กาลครั้งหนึ่ง มีอีกาตัวหนึ่งกระหายน้ำมาก จนกระทั่งมันเจอขวดน้ำใบหนึ่ง แต่ว่าคอขวดแคบเกินไป และน้ำในขวดก็มีน้อยจนอีกาก้มลงไปดื่มไม่ได้ หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน อีกาก็เกิดไอเดียขึ้นมา มันบินไปที่ริมแม่น้ำ คาบก้อนหินเล็ก ๆ มาหลายก้อนแล้วหย่อนลงไปในขวด น้ำในขวดค่อย ๆ สูงขึ้น จนกระทั่งอีกาสามารถดื่มน้ำได้ เรื่องนี้สอนให้เรา—”
“เดี๋ยว มีคำถาม”
“อ่า… อีกแล้วเหรอ?” ลีออนเริ่มรู้สึกถึงลางไม่ดี
รอสไวส์หันมามองเขาด้วยดวงตาสีเงินสวยคู่นั้น ก่อนถามอย่างจริงจัง
“ถ้าอีกาตัวนี้บินไปถึงริมแม่น้ำได้ แล้วทำไมมันไม่ดื่มจากแม่น้ำไปเลย ทำไมต้องแบกหินกลับไปเติมขวดด้วย?”
“เอ่อ… มันอาจจะ… เป็นพวกคลั่งความสะอาด?” ลีออนตอบเสียงอ่อย
“ทำไม? น้ำในแม่น้ำสกปรกเหรอ? เพราะมังกรน้อยไปทำมันสกปรกระหว่างข้ามแม่น้ำ?”
—เส้นทางการเชื่อมโยงแบบแฟนตาซีที่ไม่มีใครคาดถึง—
ลีออนถอนหายใจ “รอสไวส์ แค่รักษาจิตวิญญาณของเด็กไว้หน่อย มันยากขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“หึ ถ้าไม่อยากเล่านิทานให้ดี ๆ ก็ช่างเถอะ แล้วก็อย่ามาหาว่าฉันขาดจิตวิญญาณของเด็กด้วย”
—ไม่ใช่ว่าผมไม่เล่าให้ดี แต่เป็นเธอต่างหากที่ไม่ตั้งใจฟังเอง!—
การเล่านิทานให้ “รอสไวส์” ซึ่งมาโดยมีเจตนาก่อกวนตั้งแต่แรก ถือเป็นการทรมานตัวเองโดยสมบูรณ์แบบ…
ขณะที่ลีออนกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้ เตียงก็ขยับเล็กน้อย รอสไวส์พลิกตัวนอนหันหลังให้เขา
เฮ้อ… ลีออนถอนหายใจเงียบ ๆ ในใจ ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะรอดพ้นจากบททดสอบสุดทรมานไปได้แล้ว
ภายในห้องนอนเงียบสงบ มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาที่ดังเป็นจังหวะ
ลีออนพลิกตัว เปลี่ยนเป็นท่านอนที่สบายขึ้น แล้วค่อย ๆ ปิดตาลง
เมื่อความง่วงเข้าครอบงำ ลีออนเผลอหาวออกมาเบา ๆ
เขาไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จิตสำนึกของเขาค่อย ๆ จมลงสู่ภวังค์กึ่งหลับกึ่งตื่น จนกระทั่งในฝัน เขาเห็นลาแก่ของอาจารย์ตัวเอง—
แต่ในตอนนั้นเอง เสียงของมังกรสาวก็ดังขึ้นจากด้านหลังอีกครั้ง
“ฉันอยากกินแอปเปิ้ล”
ลีออนพึมพำงึมงำ ก่อนแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน…
ทันใดนั้นเอง เท้าเรียวสวยก็กดลงบนเอวของเขา พร้อมน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจ
“ฉันอยากกินแอปเปิ้ล”
ปลายเท้านุ่มนิ่มกดแน่นกับเอวของเขา นิ้วเท้าเรียวเล็กขยับเขยื้อนไปมาเล่น ๆ ทำให้ลีออนที่ง่วงแทบขาดใจต้องตื่นเต็มตาอีกครั้ง
เขาถอนหายใจหนัก ๆ—แค่คืนนี้คืนเดียว เขาถอนหายใจมากกว่าทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมารวมกันเสียอีก—ก่อนจะค่อย ๆ พลิกตัวกลับมา
มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิกแก้มรอสไวส์เบา ๆ แล้วจับหน้าของเธอให้หันไปมองนาฬิกาบนผนัง
“บอกผมสิ เมลค์วี ตอนนี้กี่โมงแล้ว?”
ริมฝีปากของรอสไวส์เป็นรูปตัว “โอ” จากแรงบีบของเขา แต่เธอก็ยังตอบอย่างว่าง่าย
“ตีสามยี่สิบ”
“งั้นตีสามยี่สิบ คิดจะกินแอปเปิ้ลอะไร?” ลีออนถามเสียงเหนื่อยหน่ายสุดขีด
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมตอนกลางวัน รอสไวส์ถึงพูดว่า “ถ้ามีปัญญานัก คืนนี้อย่าเข้าห้องนอนก็แล้วกัน”
มันไม่ใช่คำขู่ แต่มันคือ “คำแนะนำ”
และตอนนี้… ลีออนก็มานั่งอดหลับอดนอน โดนทรมานจนตีสามเข้าให้แล้ว
“ถ้าไม่เอาแอปเปิ้ลมาให้ ฉันจะอาละวาดเดี๋ยวนี้แหละ”
…อันนี้สิถึงจะเป็นคำขู่จริง ๆ
สุดท้าย ลีออนก็จนปัญญาจะสู้ ได้แต่ยกผ้าห่มออกแล้วลุกจากเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยาก
เขาเดินไปหยิบแอปเปิ้ลกับมีดปอกผลไม้ ก่อนกลับมานั่งข้างเตียง เปิดโคมไฟข้างเตียง แล้วค่อย ๆ ปอกแอปเปิ้ลอย่างประณีต
เปลือกแอปเปิ้ลหลุดออกมาเป็นเส้นยาวบาง โดยที่ไม่ขาดเลยแม้แต่จุดเดียว
รอสไวส์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ “ฝีมือใช้มีดไม่เลว”
“ขอบใจสำหรับคำชม ผมฝึกมาจากการปอกให้ลา—”
“หุบปาก” รอสไวส์ส่งสายตาเชือดเฉือน ก่อนฉวยแอปเปิ้ลจากมือเขาแล้วกัดเข้าคำโต
แอปเปิ้ลหวาน กรอบ และอร่อย รอสไวส์เอนตัวพิงหัวเตียง ค่อย ๆ ถือแอปเปิ้ลไว้ในมือ กินไปทีละคำอย่างตั้งอกตั้งใจ
ถึงลีออนจะไม่เข้าใจว่า “กินแอปเปิ้ล” มันต้องจริงจังขนาดนี้เลยเหรอ แต่หลังจากผ่านช่วงเวลานี้มาหลายวัน เขาได้เรียนรู้อย่างหนึ่ง—
อย่าไปถามหาเหตุผลหญิงตั้งครรภ์
“อิ่มแล้ว จัดการที่เหลือซะ” รอสไวส์ยื่นแอปเปิ้ลที่กินไปครึ่งลูกให้ลีออน
ลีออนก้มลงมอง… และมันถูกกัดไปครึ่งหนึ่งแบบพอดิบพอดี ไม่มีขาด ไม่มีเกิน
โอ้โห… นี่เธอตั้งใจจริง ๆ ใช่ไหม? กินไปครึ่งลูกเป๊ะ ๆ เพื่อให้ผมจัดการที่เหลือ? แล้วมันต่างอะไรกับกินหมดเองกันล่ะ—
…ช่างเถอะ อย่าคิดเยอะเรื่องของหญิงตั้งครรภ์
ลีออนรับแอปเปิ้ลมาก่อนกัดเข้าคำหนึ่ง เนื้อแอปเปิ้ลหวานฉ่ำ ไม่แน่ใจว่ามันเป็นรสชาติของผลไม้เอง… หรือเป็นกลิ่นลิปมันที่ติดอยู่จากริมฝีปากของรอสไวส์กันแน่
ความจริงแล้ว ช่วงนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลีออนต้องกินของที่รอสไวส์กินไม่หมด อาการ “อยากกินนู่นนี่” ของหญิงตั้งครรภ์มาเร็วไปเร็ว และมันก็ดูจะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไปถ้าจะทิ้งของกินเหล่านั้นไปเปล่า ๆ
ดังนั้น พักหลัง ๆ มานี้ คู่สามีภรรยาจึง “กินร่วมกัน” อยู่บ่อย ๆ
ลีออนคาบแอปเปิ้ลไว้ในปาก มือก็เก็บเปลือกผลไม้กับมีดปอกเข้าที่ไปพร้อมกัน ส่วนคนท้องกินอิ่มแล้วก็ซุกตัวกลับเข้าเตียงไปอย่างสบายใจ
ลีออนเหลือบมองเธอ—คราวนี้ “บททดสอบแห่งค่ำคืน” น่าจะจบลงเสียทีใช่ไหม?
แต่แล้ว สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็น ลิ้นชักข้างเตียง
มันแง้มออกเล็กน้อย ด้านในดูเหมือนจะมีเอกสารบางอย่างวางอยู่…
ลีออนหยิบมันขึ้นมาดู แล้วพบว่ามันคือ แบบฟอร์มลงทะเบียนคลาสโยคะสำหรับหญิงตั้งครรภ์
ความคิดของเขาย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนก่อน ตอนที่เขากับรอสไวส์ไปซื้ออาหารเสริมใน นครนภา แล้วได้พบกับ อิซาเบลล่า น้องสาวของรอสไวส์
เป็นอิซาเบลล่านี่เองที่ช่วยรอสไวส์ลงทะเบียนคลาสโยคะนี้ให้
ได้ยินว่าคลาสนี้เหมาะกับหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์สามเดือนขึ้นไป
แต่รอสไวส์ไม่เคยพูดถึงมันเลยสักครั้ง
ลีออนจ้องมองแบบฟอร์มลงทะเบียนในมือ ก่อนจะมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว
“กลางคืนไม่นอน แปลว่ากลางวันคงเบื่อมากสินะ หึ ๆ… ยัยมังกร เล่นงานผมมาตั้งนาน คงต้องตอบแทนคืนบ้างแล้วล่ะ!”
ด้วยไฟแห่งการแก้เผ็ดที่ลุกโชนขึ้นในใจ ลีออนตัดสินใจว่าได้เวลาหาทาง “ให้รอสไวส์มีกิจกรรมทำตอนกลางวัน” เสียที!
amb168 เครดิตฟรี 50 ล่าสุด 2025
บท 155: โอเคที่จะเลี้ยง
บท 155: โอเคที่จะเลี้ยง คลิกตรงนี้เพื่ออ่าน
เช้าวันต่อมา รอสไวส์ยืนอยู่บนระเบียง มองออกไปยังสวนหลังของวิหาร
โนอากับมูน สองพี่น้องกำลังเล่นหิมะกับเหล่าสาวใช้ ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสดใสไร้เดียงสา
ส่วนราชินี ที่ถูก “กักบริเวณ” อยู่แต่ในห้องของตัวเอง ทำได้แค่ยืนมองอยู่เงียบ ๆ
เฮ้อ…
เมื่อก่อน ตอนที่มีคนมาชวนเธอไปเล่นหิมะ เธอปฏิเสธอย่างไม่ไยดี—แต่พอตอนนี้เธออยากเล่นเองบ้าง กลับออกไปไม่ได้เสียแล้ว
บ้าเอ๊ย… ทุกอย่างเป็นความผิดของลีออน แคสมอดทั้งนั้น!
ถ้าไม่ใช่เพราะหมอนั่น เธอคงไม่ต้องมาตั้งท้อง—ถ้าเธอไม่ตั้งท้อง แอนนากับพวกสาวใช้ก็คงไม่จับเธอกักตัวอยู่แต่ในวิหารแบบนี้!
รอสไวส์ฮึดฮัดคิดอย่างเจ็บใจ
ถ้าออกไปได้เมื่อไหร่ จะปั้นตุ๊กตาหิมะชื่อ “ลีออน” กองให้สูง ๆ
จากนั้นจะเตะมันกระจาย แล้วกระทืบซ้ำให้แหลกเป็นผุยผงเลยคอยดู!
แค่คิดก็รู้สึกสะใจแล้ว
รอสไวส์หลับตาจินตนาการภาพนั้นในหัว และรู้สึกดีขึ้นทันที
แต่พูดถึงลีออน… เช้านี้เธอยังไม่เห็นหน้าเขาเลย หมอนั่นหายไปไหน? หรือกำลังวางแผนเจ้าเล่ห์อะไรอยู่อีก?
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นที่หน้าประตู ฟังจากจังหวะฝีเท้าแล้ว น่าจะมีสามคน
รอสไวส์ก้าวไปทางประตู และเมื่อเปิดออก ก็เห็นว่ามี “ลีออน” กับ “แอนนา” และอีกหนึ่งสาวใช้—“มิลาน” ซึ่งเป็นสาวใช้ที่อ่อนโยนและเอาใจใส่
ก่อนที่รอสไวส์จะทันได้ถามว่าพวกเขามาทำอะไรกัน สายตาของเธอก็เห็นว่า แอนนาเดินเข้ามาพร้อมกับแบบฟอร์มลงทะเบียน ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเพิ่งรู้ว่าพระองค์อยากเรียนโยคะมาตลอด นี่เป็นความผิดของหม่อมฉันเอง ที่ไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของพระองค์” แอนนากล่าวด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด
รอสไวส์กระพริบตาปริบ ๆ “ฉันไปพูดตอนไหนว่าอยากเรียนโยคะ?”
“หือ? ฝ่าบาทจำไม่ได้หรือเพคะ? ตอนที่พระองค์กับองค์ชายไปนครนภาเมื่อไม่นานมานี้ พระองค์ลงทะเบียนคลาสโยคะสำหรับหญิงตั้งครรภ์ไม่ใช่หรือ?”
แอนนายื่นแบบฟอร์มลงทะเบียนให้รอสไวส์ดู
“หม่อมฉันลองดูวันที่ลงทะเบียนแล้ว เห็นว่าพระองค์สมัครตั้งแต่ตอนที่ทรงพระครรภ์ได้เพียงสองเดือนเองเพคะ”
“อ่า…ก็ใช่…แต่เรื่องนี้—”
“ดูเหมือนว่าองค์ชายจะคิดไม่ผิดจริง ๆ คู่สามีภรรยาก็ต้องเข้าใจกันดีที่สุดสินะเพคะ”
น้ำเสียงของแอนนาเจือไปด้วยความ “อิจฉาแบบสาวใช้”—ไม่ว่าจะเป็นห่วงและใส่ใจราชินีแค่ไหน ก็ไม่มีทางเข้าใจพระองค์ได้ดีเท่ากับคนที่เป็น “คู่ชีวิต” อยู่ดี
รอสไวส์หรี่ตาลงเล็กน้อย ขบคิดถึงคำพูดของแอนนาที่ว่า “องค์ชายคิดไม่ผิดจริง ๆ”
…เดี๋ยว หมอนั่นไปพล่ามอะไรไว้อีก?
เธอเหลือบมอง “ลีออน แคสมอด” นักล่ามังกรตัวดีที่ยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้ากึ่งขำกึ่งกวนประสาท
—ดีมาก แคสมอด เจ้าเล่นตลกอะไรไว้ ข้าจะจัดการปิดปากสกปรกของเจ้าเองคืนนี้!—
“หลังจากที่พระองค์ทรงเริ่มบ่มเพาะรัชทายาท ภารกิจสำคัญของเผ่ามังกรเงินก็ถูกมอบหมายให้หม่อมฉันดูแลทั้งหมด” แอนนากล่าวต่อ
“องค์ชายบอกกับหม่อมฉันเมื่อเช้านี้ว่าบางทีพระองค์อาจกังวลว่าหม่อมฉันจะยุ่งเกินไป เลยไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องโยคะ แต่ฝ่าบาทเพคะ ไม่ว่าหม่อมฉันจะยุ่งแค่ไหน หม่อมฉันไม่มีวันละเลยความต้องการของพระองค์ ถ้ามีอะไร พระองค์สามารถบอกหม่อมฉันได้เสมอ”
“พอองค์ชายพูดถึงเรื่องนี้ หม่อมฉันก็นึกถึงมิลานขึ้นมาทันที ก่อนที่นางจะมาเป็นสาวใช้ นางเคยฝึกโยคะมาหลายปีและสามารถช่วยสอนพระองค์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
“การเดินทางไปนครนภาไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บเช่นนี้ หม่อมฉันคิดว่าการเรียนที่บ้านก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกันเพคะ”
ในเรื่องส่วนตัวบางอย่าง แอนนาอาจไม่เข้าใจ “ราชินีของเธอ” ได้ลึกซึ้งเท่ากับลีออน “สามี” ตัวดีคนนั้น
แต่เมื่อได้รับมอบหมายงานใด ๆ แอนนาจะปฏิบัติอย่างรอบคอบไร้ที่ติเสมอ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอโดดเด่นเหนือสาวใช้คนอื่น ๆ และได้เป็นหัวหน้าสาวใช้ในที่สุด
มิลาน สาวใช้อีกคนที่ถูกเอ่ยถึง ก้าวออกมาด้านหน้า ก่อนคุกเข่าโค้งคำนับตามมารยาทอย่างสมบูรณ์แบบ “ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่หม่อมฉันจะได้ฝึกโยคะร่วมกับพระองค์เพคะ”
“ว่าไงเพคะ ฝ่าบาท คิดเห็นอย่างไรบ้าง?” แอนนายิ้มถาม
…คิดเห็นอะไรล่ะ?
ฉันไม่ต้องคิดก็เดาออก ไม่ต้องใช้หัวสมอง ใช้แค่หัวเข่าไตร่ตรองยังรู้ว่านี่เป็นแผนของหมาเจ้าเล่ห์อย่างลีออนแน่ ๆ หมอนี่แค่หาเรื่องแกล้งฉันชัด ๆ!
แน่นอนว่า รอสไวส์ ก็เข้าใจเหตุผลของ ลีออน ที่คิดจะแกล้งเธอ
ก็คงเพราะช่วงนี้ เธอใช้อำนาจแห่ง “หญิงตั้งครรภ์” บังคับเขาให้ทำอะไรแปลก ๆ อยู่ตลอด วัน ๆ เอาแต่ทรมานเขา เลยถูกเอาคืนบ้าง
แต่ลีออนก็มีขีดจำกัดของตัวเอง การแก้แค้นแบบธรรมดา ๆ ใช้กับหญิงตั้งครรภ์ไม่ได้ เขาก็เลยต้องใช้วิธีนี้—“กลยุทธ์ที่รุกก็ได้ รับก็ดี”
ถ้ารุก—เขาก็สามารถบอกได้ว่า “ฉันทำเพื่อเธอนะ ที่รัก!”
ถ้ารับ—เขาก็สามารถแกล้งพูดว่า “โอ้ ไม่! ที่รักของฉัน เธอไม่เข้าใจความรักของฉันเลย!”
…เธอควรจะอดทนกับชีวิตคู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ใช่ไหม?
ตอนแรก รอสไวส์ ตั้งใจจะปฏิเสธข้อเสนอของแอนนา
แต่พอคิดดูดี ๆ… ถ้าเธอปฏิเสธการฝึกโยคะ ชีวิตการบ่มเพาะรัชทายาทของเธอคงเหลือแค่ “กิน-นอน-วนลูป”
แล้วถ้าขี้เกียจขนาดนั้น… เธอต้องอ้วนขึ้นแน่ ๆ
รอสไวส์นึกถึงเรื่องน่าอับอายเกี่ยวกับ “น้ำหนัก” ของเธอหลังคลอด โนอา กับ มูน ขึ้นมาได้
ถึงแม้เหล่าสาวใช้จะคิดว่า “ราชินีที่อวบขึ้นนิดหน่อยดูงามสง่ากว่าเดิม” แต่ก็เพราะ “ความอ้วนไม่ได้อยู่บนตัวพวกหล่อนเอง” น่ะสิ พวกเธอเลยพูดแบบนั้นได้เต็มปาก
แต่สำหรับรอสไวส์—การรีดน้ำหนักกลับมาหุ่นเดิมหลังคลอด เป็นเรื่องที่เหนื่อยแทบตาย!
…ฉันไม่อยากเจอเรื่องนั้นอีกแล้ว!
ถ้างั้น… ครั้งนี้ก็ปล่อยลีออนชนะไปเถอะ ฝึกโยคะรักษารูปร่างหน่อยก็คงไม่เสียหาย!
“ตกลง ขอบใจมากนะ แอนนา” รอสไวส์ตอบรับในที่สุด
“ไม่เป็นไรเลยเพคะ ฝ่าบาท ถ้าพระองค์มีอะไรเพิ่มเติมก็บอกหม่อมฉันได้ตลอดเลยนะเพคะ” แอนนาโค้งศีรษะเล็กน้อย
“ได้ ฉันจะบอก” รอสไวส์พยักหน้ารับ
“ถ้าอย่างนั้น หม่อมฉันจะไม่รบกวนเวลาของฝ่าบาทกับองค์ชายแล้ว มิลาน เจ้าไปจัดตารางเรียนกับฝ่าบาทให้เรียบร้อย ห้ามมีผิดพลาดเด็ดขาด”
“รับทราบค่ะ หัวหน้าสาวใช้” มิลานพยักหน้าอย่างนอบน้อม
เมื่อสั่งการเสร็จเรียบร้อย แอนนาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าโล่งใจ
ด้านลีออน—เมื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว—ก็ทำตัวว่าง่าย นั่งนิ่ง ๆ อยู่มุมหนึ่งกลายเป็นเพียงผู้ชม
รอสไวส์ถลึงตาใส่เขาแรง ๆ แต่เพราะยังมีคนอื่นอยู่ในห้อง เธอจึงยังไม่ต่อปากต่อคำอะไรตอนนี้
พูดตอนนี้เดี๋ยวมิลานจะเข้าใจผิด คิดว่าเราสองคนกำลัง “ออเซาะ” กันอยู่ก็ยุ่งเลย…
…ไว้ค่อย “สอบสวนเชลย” ตอนอยู่กันสองคนก็แล้วกัน!
รอสไวส์หันไปมองมิลานที่อยู่ข้าง ๆ “เริ่มเลยไหม?”
“ได้เลยเพคะ ฝ่าบาท” มิลานตอบรับอย่างกระตือรือร้น
จากนั้น มิลานก็เดินไปที่ประตู ก่อนกลับเข้ามาพร้อมกับโยคะสองผืนในอ้อมแขน—หนึ่งสีดำ อีกหนึ่งสีฟ้า
“เตรียมพร้อมดีเหมือนกันนี่” รอสไวส์เอ่ย ขณะมิลานกำลังปูเสื่อโยคะลงบนพื้น
มิลานเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มถาม “ฝ่าบาทชอบสีไหนเพคะ?”
“ดำ” เธอตอบอย่างไม่ลังเล
เธอชอบสีดำจริง ๆ และลีออนก็รู้ข้อนี้ดีด้วย ตอนที่ทำแบบฝึกหัดทดสอบความเข้ากันได้ในการสอบเข้าโรงเรียนเซนต์ไฮส์ของโนอา พวกเขาต้องตอบสีที่อีกฝ่ายน่าจะเลือก
ตอนนั้นพวกเขาก็มองสีผมของกันและกันแล้วตอบว่า “เงิน” กับ “ดำ”
แน่นอน… นั่นไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษหรอก—อย่างน้อยลีออนกับรอสไวส์ก็ “เชื่อแบบนั้น” เสมอมา
หลังจากเลือกเสื่อเสร็จ มิลานก็ถามต่ออย่างสุภาพ
“ฝ่าบาทมีชุดกางเกงที่แนบตัวและระบายอากาศได้ดีไหมเพคะ?”
“มีสิ เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนก่อน” รอสไวส์พูดพลางเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อกล้ามสปอร์ตกับกางเกงโยคะที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายออกมา
หลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ เธอก็มัดผมสีเงินยาวของตัวเองเป็นหางม้าให้แกว่งอยู่ด้านหลัง
เรียวขายาวสวยที่ถูกกางเกงแนบเนื้อรัดเอาไว้ ดูเด่นสะดุดตา และแม้ท้องของเธอจะนูนขึ้นเล็กน้อยเพราะตั้งครรภ์ แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความงามโดยรวมลงเลยแม้แต่น้อย
ทรวดทรงของเธอยังชัดเจน—แถมเสื้อผ้าชุดนี้ยังช่วยขับให้รูปร่างของเธอยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้น
ไม่เหมือนกับรูปลักษณ์แบบสาวนักกีฬาในงานกีฬาของโรงเรียนคราวก่อน เวอร์ชันนี้ของรอสไวส์กลับมีความเย้ายวนแฝงอยู่
ลีออนที่อยู่มุมห้อง…เงียบ ๆ มองอยู่โดยไม่พูดอะไร
ปกติแล้ว ลีออนสามารถหาเรื่องจับผิดเธอได้แทบทุกอย่าง แต่ถ้าเป็นเรื่อง รูปร่างกับหน้าตา ของรอสไวส์—เขาไม่มีอะไรจะติเลยจริง ๆ
ในแง่นี้ ทั้งคู่ก็คล้ายกันไม่น้อย เพราะครั้งหนึ่งรอสไวส์เองก็เคยพูดไว้ตอนที่เห็นลีออนในคุกใต้ดินว่า “ชายคนนี้หน้าตาดีไม่เลว”
สรุปได้เลยว่า… สามีภรรยาคู่นี้เป็นพวกบูชาหน้าตาอย่างแท้จริง
ลีออนเบือนสายตาไปทางอื่น ไม่อยากมองนานเกินไป เพราะไม่อยากเผลอไปหลงใหลในข้อดีของภรรยาเข้าจริง ๆ
และแล้ว… คลาสโยคะก็เริ่มขึ้น
ลีออนถอนหายใจอย่างโล่งอกในใจ—ในที่สุด เธอก็มีอะไรให้ทำแล้ว… จะได้เลิกวุ่นวายกับผมสักที~
บท 156 สามวันอันภาคภูมิใจ
บท 156 สามวันอันภาคภูมิใจ คลิกอ่านที่นี่
รอสไวส์ มีความยืดหยุ่นของร่างกายดี และการประสานกล้ามเนื้อก็ยอดเยี่ยม ทำให้การเรียนโยคะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเธอเลย
มิลาน เองก็รู้สึกประหลาดใจกับศักยภาพทางร่างกายของราชินี และความสามารถในการเรียนรู้ที่รวดเร็ว
นี่ไม่ใช่คำเยินยอ แต่เป็นความรู้สึกจริงจากใจ
ส่วนลีออน… นั่งฟังอยู่ไม่ถึงสิบห้านาทีก็ลุกเดินออกจากห้อง โดยอ้างว่า จะไปเล่นกับโนอาและมูน
มันไม่ใช่ว่า นักล่ามังกร ขาดความอดทนหรอก—แต่ให้โทษที่ว่า “ขายาวของแม่มังกร” มันสะดุดตาเกินไปต่างหาก
ถ้ามัวแต่มองต่อไปเรื่อย ๆ มีหวัง รอยสักมังกรในตัวเขาคงเปล่งแสงแวววาวแน่ ๆ!
เมื่อเห็นลีออนรีบออกจากห้องไป รอสไวส์ก็อดคิดไม่ได้ว่า
“หนอย คิดว่าจะมีความอดทนฟังคลาสจนจบ ที่ไหนได้ นั่งอยู่ไม่ถึงสิบนาทีก็ชิ่งหนีแล้ว”
หึ ช่างเถอะ ไปก็ดี ถ้ายังอยู่ตรงนี้ ฉันก็คงไม่มีสมาธิฝึกหรอก
เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ
ไม่รู้ทำไม เวลาที่ลีออนอยู่ใกล้ ๆ เธอทีไร ความสนใจของเธอก็จะไขว้เขวทุกที
และดูเหมือนว่าอาการนี้จะเริ่มต้นเมื่อสองเดือนก่อน…
ตอนนั้น เธอยังต้องทำงานต่อเนื่องในห้องทำงานตอนกลางคืน ถ้างานยุ่งเกินไป ลีออนก็จะทำของว่างง่าย ๆ มาให้เธอ
บางครั้งเขาก็แค่นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้าง ๆ คอยดูเธอทำงาน
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น รอสไวส์ก็ยังคงเสียสมาธิอยู่ดี…
คนบ้างานอย่างเธอ ไม่เคยเสียสมาธิเพราะสิ่งรอบข้าง
แต่ไม่รู้ทำไม… ลีออน กลับส่งอิทธิพลต่อเธอได้อย่างประหลาด
ชิ หมอนี่มันหมาแท้ ๆ—เห็น ๆ อยู่ว่าฉันกับเขาเข้ากันไม่ได้ แล้วทำไมถึงมีผลกับฉันแบบนี้ก็ไม่รู้!
รอสไวส์ส่ายหัวเล็กน้อย ไล่ความคิดกระจัดกระจายออกจากหัว แล้วกลับมาตั้งใจฝึกโยคะอย่างจริงจัง
พูดตามตรง—การฝึกโยคะนี่ได้ผลดีทีเดียว
ประโยชน์ของโยคะครอบคลุมทั้งร่างกาย ไม่เพียงแค่ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อทุกส่วนเท่านั้น แต่ยังส่งผลดีต่อ การฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด อีกด้วย
ที่สำคัญที่สุดคือ—การฝึกโยคะช่วยทำให้จิตใจของรอสไวส์สงบลงได้ด้วย
การพึ่งพาแต่ของเสริมเช่น ผลมังกรหยก ที่มีสรรพคุณกล่อมครรภ์และบำรุงจิตใจ แม้จะได้ผลดี แต่ก็ยังมีขีดจำกัดในระดับหนึ่ง
แต่ถ้าได้ฝึกโยคะควบคู่กันอย่างเหมาะสม จะเป็นผลดีต่อทั้งตัวรอสไวส์เอง และตัวเด็กในครรภ์ด้วย
“เจ้านั่น… ลีออน หมอนั่นทำเรื่องที่มีประโยชน์กับฉันโดยไม่ตั้งใจอีกแล้วสินะ” รอสไวส์คิดในใจ
คลาสโยคะยังคงดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น
กระทั่งหลายชั่วโมงผ่านไป—ลีออนก็กลับมาจากข้างนอก
ร่างกายของลีออนเต็มไปด้วยไอเย็น เขาไม่ได้เดินเข้าบ้านทันที แต่เลือกถอดเสื้อคลุมที่เต็มไปด้วยหิมะไว้ที่หน้าประตูก่อน แล้วปัดหิมะออกจากศีรษะ รอให้ความเย็นจางลงเล็กน้อยถึงค่อยใส่รองเท้าแตะแล้วเดินเข้ามา
หญิงตั้งครรภ์กลัวความหนาวเย็น และลีออนก็รู้ข้อนี้ดี—เขาจึงใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
เมื่อมาถึงห้องนอน เขาก็พบว่า มิลาน กลับไปแล้ว เหลือเพียง รอสไวส์ ที่ยังคงฝึกโยคะอยู่
เธอได้ยินเสียงฝีเท้า ก็รู้ทันทีว่าเป็นลีออน จึงไม่หันกลับไป มุ่งมั่นฝึกท่าต่อไปอย่างเงียบ ๆ
ท่าโยคะที่รอสไวส์กำลังฝึกอยู่ตอนนี้เรียกว่า “Pilates Push-Up” ซึ่งแตกต่างจากวิดพื้นทั่วไป เพราะต้องวางเข่าข้างหนึ่งไว้บนพื้น อีกข้างเหยียดตรงต่อเนื่องกับแนวกระดูกสันหลัง ขณะที่ข้อศอกทั้งสองข้างต้องชิดลำตัวมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ท่านี้จะช่วยลดภาระจากแขน และไปเน้นการใช้แรงจาก “แกนกลางลำตัว” โดยเฉพาะบริเวณเอวและหน้าท้องแทน
“โอ้ ท่ามาตรฐานเลยนะ” ลีออนเดินเข้ามา ก่อนนั่งขัดสมาธิลงข้าง ๆ รอสไวส์
รอสไวส์ยังคงวิดพื้นต่อไป แขนของเธอเรียวแต่ไม่บางจนเกินไป ส่วนเอวและสะโพกก็เคลื่อนไหวเป็นจังหวะอย่างงดงาม ราวกับแนวเขาที่ทอดตัวอย่างมีชีวิตชีวา
เธอเหลือบมองลีออนแวบหนึ่ง “มิลานก็บอกว่าฉันทำได้มาตรฐานเหมือนกัน นายอยากให้ฉันสอนไหมล่ะ?”
“ไม่ล่ะ ขอบาย ผมไม่อยากใส่กางเกงรัด ๆ แล้วต้องทำท่าแปลก ๆ แบบนี้ ออกกำลังกายแบบเดิม ๆ เหมาะกับฉันมากกว่า”
“หึ!”
รอสไวส์เชิดหน้าหน่อย ๆ ก่อนเมินเขา แล้ววิดพื้นต่อไปอย่างมุ่งมั่น
ก่อนกลับ มิลานได้บอกไว้ว่าท่านี้ถือเป็นพื้นฐานที่สุดของพื้นฐาน และการฝึกซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จะช่วยวางรากฐานที่มั่นคงให้กับคลาสโยคะในอนาคต
บังเอิญเหลือเกิน… ตอนนี้รอสไวส์ก็มีเวลาเหลือเฟือ จะฝึกนานแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา
ลีออนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นภาพตรงหน้า ก็อดนึกถึง งานกีฬาสีของโรงเรียน ไม่ได้
ตอนนั้นเขาทุ่มเทเต็มที่เพื่อช่วยให้ โนอา ทำผลงานได้ดีในวันงาน ถึงขนาดฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายของตัวเองเต็มที่
วิดพื้น ซิทอัพ วิ่งระยะไกล—กลายเป็นกิจวัตรประจำวัน
และเขาจำได้แม่นเลยว่า ครั้งหนึ่งขณะวิดพื้น…
รอสไวส์ เคยเลื่อนตัวลอดใต้เขา แล้วแกล้งพูดกับเขาว่า:
“ถ้าหมดแรงขึ้นมา… นายต้องจูบฉันนะ~”
ตอนนั้น—ห้าร้อยครั้ง ถือเป็นจำนวนที่เกินขีดจำกัดของลีออนในสภาพที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่เพราะมีแม่มังกรตัวดีนอนอยู่ใต้ตัวในฐานะ “ตาข่ายรองรับ” แบบนั้น เขาจึงกัดฟันทำจนสำเร็จ
เขายังจำได้ดีเลยว่า… คืนนั้นตอนกินข้าว แขนเขาอ่อนแรงจนยกช้อนไม่ไหว ต้องให้ มูน ป้อนข้าวให้แทน
ตัดกลับมาปัจจุบัน—ลีออนหรี่ตาลง มองรอสไวส์อย่างพินิจพิเคราะห์
ความซนในท้องเริ่มปั่นป่วนแล้ว…
ไม่กี่วินาทีต่อมา สายตาของรอสไวส์ก็เหลือบมาเจอหน้าเขาพอดี—แต่เป็นมุมกลับหัว
เพราะท่า Pilates Push-Up แตกต่างจากวิดพื้นแบบดั้งเดิม ทำให้ลีออนไม่สามารถเลื่อนตัวไปอยู่ใต้รอสไวส์ได้แบบเดิม…
นอกจากนี้ ตอนนี้เธอก็กำลังตั้งครรภ์อยู่—ถ้าบังเอิญไปกระแทบท้องเข้าล่ะก็ คงไม่ดีแน่
ดังนั้น ลีออนจึงเปลี่ยนวิธีแทน—เขาเอียงตัว แล้วเลื่อนศีรษะเข้าไปอยู่ ตรงใต้ใบหน้าของรอสไวส์พอดี
แม้ใบหน้าของทั้งคู่จะกลับหัวกลับหางจากมุมมองของกันและกัน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา—อิมแพคยังคงได้ผลเหมือนเดิม
“นายทำอะไรของนาย?” รอสไวส์ถามเสียงเย็น ขณะที่ยังค้างท่าอยู่โดยใช้แขนยันตัวไว้
“ก็แค่จะให้แรงบันดาลใจเธอเพิ่มขึ้นนิดหน่อยไงล่ะ ถ้าเธอหมดแรงขึ้นมาล่ะก็… ต้องจูบนักล่ามังกรคนนี้นะ เธอไม่อยากเหรอ?” ลีออนพูดยิ้มเจ้าเล่ห์
บทสนทนาแบบนี้—คลาสสิกสุด ๆ และยังคงเขย่าใจรอสไวส์ได้ทุกครั้ง
เธอรู้ดีว่าลีออนจงใจหยิบเรื่องเก่ามาเล่น แต่สุดท้ายก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “เด็กน้อยจริง ๆ เลย”
แม้จะว่าเขาเป็น “เด็กน้อย” แต่รอสไวส์ก็ไม่ได้ผลักเขาออกไปแต่อย่างใด—เธอยังคงวิดพื้นต่อไป
จากมุมมองของลีออน ใบหน้าที่งดงามของเธอเคลื่อนไหวขึ้นลง—บางครั้งห่าง บางครั้งก็ใกล้จนแทบสัมผัส
เส้นผมสีเงินของเธอปลิวเบา ๆ ลูบแก้มของเขา สร้างความรู้สึกจั๊กจี้แบบอ่อนโยน
หลังจากฝึกโยคะต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง ใบหน้าของรอสไวส์ก็มีเหงื่อซึมบาง ๆ เคลือบอยู่ ดวงตาสีเงินที่เปล่งประกายเหลือบมองเขาลงมาอย่างเกียจคร้าน แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์
ไม่รู้ว่าเธอเริ่มเหนื่อย หรือแค่ “แกล้งทำเป็นเหนื่อย”
ลมหายใจอุ่น ๆ ของเธอพ่นลงมาบนใบหน้าของลีออนอย่างแผ่วเบา แฝงกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากริมฝีปากของเธอ
ไม่นานนัก จังหวะการวิดพื้นของรอสไวส์ก็เริ่มช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
หลายครั้งที่ริมฝีปากของเธอสัมผัสจมูกของลีออนเบา ๆ แล้วรีบดึงกลับทันที…
“ถ้าหมดแรงก็ยอมแพ้เถอะ ข้ามไปสองสามท่า กล้ามเธอไม่ได้หายไปไหนหรอกน่า” ลีออนหัวเราะเบา ๆ
ไอ้ลูกหมานี่จะยิ้มอะไรนักหนา?
ถ้าเธออยากหยุด เธอก็หยุดได้อยู่แล้ว—เธอไม่ได้ตั้งเป้าไว้ด้วยซ้ำ!
ที่เธอฝืนทำมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่เพราะ “ความเคยชินที่อยากเอาชนะหมอนี่” เท่านั้น
ดูท่าหมอนี่จะเหลิงอีกแล้ว
ลีออน แคสมอด… ไม่แกล้งนายสักสามวัน นายก็เหลิงใหญ่เลยใช่ไหม?
ในจังหวะที่ลีออนกำลังได้ใจอยู่นั้น—รอสไวส์หยุดวิดพื้นกะทันหัน แล้วเปลี่ยนมาค้ำข้อศอกลงบนเสื่อโยคะแทน
ใบหน้าสวยของเธอโน้มลงมาใกล้ลีออน ดวงตาทั้งคู่สบกันแนบแน่น ราวกับจะถ่ายทอดลมหายใจถึงกันและกัน…
รอยยิ้มของลีออนแข็งค้างในทันที—เขารู้สึกถึง “บางอย่างไม่ชอบมาพากล”
เขาพยายามขยับตัวเล็กน้อยเพื่อจะเลี่ยงออกไปเงียบ ๆ…แต่ช้าไปหนึ่งก้าว
รอสไวส์ยื่นมือมาจับคางของเขาไว้—กันไม่ให้หนีออกจากใต้ใบหน้าของเธอ
ด้วยตำแหน่งที่กลับหัวพอดิบพอดี การจับคางแบบนี้จึงดูเป็นธรรมชาติเสียเหลือเกิน
ลีออนสบตากับเธอตรง ๆ แม้ใบหน้าของเขาจะอยู่ในมุมกลับหัว แต่ก็ยังคงความหล่อเหลาทรงเสน่ห์ไม่เปลี่ยน
สายตาของทั้งคู่ประสานกันแนบแน่น—ในใจเริ่มมี “ความโหยหา” และ “แรงปรารถนา” ที่คุ้นเคยค่อย ๆ แทรกขึ้นมาอีกครั้ง
มือหนึ่งของรอสไวส์จับคางลีออนไว้อย่างมั่นคง ส่วนอีกมือหนึ่งก็ค่อย ๆ ลูบเล่นเบา ๆ ที่ติ่งหูของเขาซึ่งเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของราชินีมังกร…ผุดขึ้นบนใบหน้าเธออย่างช้า ๆ
“นายพูดถูกเลยนะ ที่รัก… ฉันทำต่อไม่ไหวแล้วล่ะ… ขอรับโทษจากนายก็แล้วกัน”
“รอสไวส์—”
เธอไม่รู้หรอกว่าเขากำลังจะพูดอะไร แต่การจูบให้เงียบไปก่อนก็ดูเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย
การจูบในมุมกลับหัวแบบนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยลองมาก่อน
ความรู้สึกแปลกใหม่แต่นุ่มนวล… ลึกซึ้งและชวนหลงใหล
ในตำแหน่งนี้ จมูกของลีออนสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ลอยออกมาจากลำคอของรอสไวส์
กลิ่นหอมของหญิงตั้งครรภ์… ทั้งลึกลับ ทั้งเย้ายวน จนแทบจะทำให้หลงใหล
ริมฝีปากและปลายลิ้นที่สัมผัสกัน—ในมุมและทิศทางที่ไม่เหมือนเดิม—สร้างความรู้สึกที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยในคราวเดียวกัน…
หลังจากห่างหายไปนาน พวกเขาทั้งสองก็ได้กลับมา “เสพติดกันและกัน” อีกครั้ง—แต่ในรูปแบบใหม่โดยสิ้นเชิง
ฝ่ามือที่อ่อนโยนค่อย ๆ ลูบแก้มของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนไปที่ท้ายทอย เพิ่มแรงกดเล็กน้อยเพื่อให้ริมฝีปากแนบชิดยิ่งขึ้น
หากการจูบในอดีตต้องอาศัย “ความมืดของยามค่ำคืน” เป็นฉากหลัง เพื่อให้หัวใจกล้าขึ้น—
แล้วจะอธิบายยังไงกับจูบกลางวันแสก ๆ บนพื้นเสื่อโยคะนี่ล่ะ?
จะให้สารภาพว่า “ฉันแค่อยากจูบนาย” หรือ “ผมแค่อยากจูบเธอ” …ดูจะยากไปหน่อยสำหรับคู่สามีภรรยาคู่นี้
เมื่อจูบดำเนินไปถึงจุดที่ลึกซึ้งที่สุด—เกล็ดมังกรบนร่างเริ่มเปล่งแสงแผ่วเบา
ทั้งสองคนจึงหยุดไว้ก่อน—หยุดอย่างพอดิบพอดี
แน่นอนว่า…ก่อนจะสิ้นสุดจูบอย่างสมบูรณ์ รอสไวส์ก็โน้มตัวลงมาข้างหน้าแล้ว ประทับริมฝีปากเบา ๆ บนลูกกระเดือกของลีออน
จากนั้นเธอก็เอนตัวลงบนเสื่อโยคะอย่างผ่อนคลาย…
ทั้งสองนอนหันหน้าเข้าหากัน—แม้จะยังอยู่ในมุมกลับหัว แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อความรู้สึกใด ๆ เลย
รอสไวส์เกี่ยวแขนเรียวยาวไว้ก่อนค่อย ๆ คลึงติ่งหูอีกข้างของลีออนอย่างอ้อยอิ่ง ไม่ยอมปล่อยมือ
ขณะที่ลีออนก็ปล่อยให้ปลายนิ้วอุ่น ๆ ของเธอ ลูบไล้ไปทั่วใบหน้าของเขาอย่างอิสระ
พวกเขารับฟังเสียงลมหายใจของกันและกันที่ค่อย ๆ สงบลง
รอสไวส์มองเพดานอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรู้สึกตัวแล้วถามออกมาเบา ๆ
“จริงสิ… นายไม่ได้ให้ฉันฝึกโยคะเพราะอยากแกล้งฉันหรอกใช่ไหม?”
ลีออนหลับตา เอื้อมมือไปจับข้อมือของเธอไว้แผ่วเบา
“เปล่า ผมก็แค่อยากแกล้งเธอเท่านั้นเอง”
“เหรอ? ไม่ใช่ว่า… นายเป็นห่วงภรรยาท้องโตที่เหงาและเบื่ออยู่บ้าน เลยวางแผน ‘การแก้เผ็ด’ แบบเนียน ๆ ที่ดูเหมือนจะเข้ากับสไตล์ของนายเป๊ะ แต่จริง ๆ แล้วเป็นการซ่อนเจตนาแท้จริงไว้อย่างแนบเนียนงั้นเหรอ?”
นักล่ามังกรที่ยอดเยี่ยมแบบลีออน จะ “เผลอทำ” อะไรได้ยังไงกัน?
ทุกอย่างที่เขาทำ… ล้วนผ่านการวางแผนอย่างรอบคอบ คิดเผื่อทุกความเป็นไปได้มาแล้วทั้งนั้น
ลีออนจ้องมองกลับมาที่เธอ ก่อนจะเอ่ยชื่อเธอออกมาอย่างช้า ๆ
“รอสไวส์…”
“หืม?”
เธอจ้องตาเขาอย่างลึกซึ้ง คิดว่าอีกฝ่ายคงจะพูดอะไรซึ้ง ๆ จนเธอต้องอายตัวม้วนแน่แล้ว
แต่…เธอก็ประเมินหมอนี่สูงเกินไปอีกครั้ง
“บ่ายนี้ วิดพื้นห้าร้อยครั้งด้วย… เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงนะ ที่รัก”
“…ไสหัวไปตายซะไป้!”
บท 157: พายุใกล้เข้ามาแล้ว
บท 157: พายุใกล้เข้ามาแล้ว คลิกอ่านที่นี่
“บันทึกราชินี” (ฉบับคุณแม่ตั้งครรภ์):
“วันที่ 13 มกราคม วันนี้หิมะตกอีกแล้ว และแอนนาก็ยังไม่ยอมให้ฉันออกจากบ้านตามเคย ฉันเลยต้องฝึกโยคะกับมิลานต่อในบ้าน วันนี้ลีออนอยู่ดูตลอดคลาสด้วย พอคลาสจบ ฉันก็ไปยืนที่ระเบียง มองดูลูกสาวทั้งสองคนเล่นหิมะอยู่ในสวนเหมือนทุกวัน”
“ลีออนยืนอยู่ข้าง ๆ ฉันอยู่พักหนึ่ง ก็ดูเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก แล้วรีบวิ่งออกไป พอกลับมา… เขาถือ ‘ตุ๊กตาหิมะตัวเล็ก’ ที่ละลายไปเกือบครึ่งไว้ในมือ”
“ตุ๊กตาหิมะตัวนั้นชัดเจนว่าเป็น ‘ผู้หญิง’ มีผมยาว หน้ารูปไข่ และมีหางที่แม้จะทำหยาบ ๆ แต่ก็สื่อออกมาได้ชัดว่า ‘ตัวนี้คือรอสไวส์’”
“ตอนแรกฉันก็ว่าจะชมเขาหน่อยนะ ว่ารู้จักทำอะไรน่ารัก ๆ เอาใจฉันบ้างแล้ว แต่แล้วหมอนั่นกลับพูดว่า ‘มันน่ารักใช่ไหมล่ะ?’ แล้วก็ฟาดตุ๊กตาหิมะนั่นจนแหลกคามือ!!”
“การกระทำของหมอนั่นตีเข้าแสกหน้าจังๆสองจุดในคราวเดียว: หนึ่ง มันเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำกับเขามานานแล้ว แต่เขาดันทำก่อน; สอง หิมะที่ละลายเปื้อนพื้นห้องฉันจนเลอะเทอะ”
“ก็ได้…เขาปั้นตุ๊กตาหิมะเป็นฉันตอนกลางวัน งั้นฉันก็จะปั้น ‘ผู้ชายตัวจิ๋ว’ เป็นเขาตอนกลางคืน! และแน่นอนว่า หมอนั่นก็ยอมแพ้ แล้วปั้นตุ๊กตาหิมะตัวใหม่ให้ฉันอีกรอบ วางไว้หน้าระเบียงให้เสร็จสรรพ”
“อืมม… ก็พอใจอยู่ล่ะนะ”
“วันที่ 14 มกราคม: โยคะ”
“วันที่ 15 มกราคม: โยคะ”
“วันที่ 16 มกราคม: โยคะ”
“วันที่ 17 มกราคม: ฉันให้มิลานหยุดหนึ่งวัน”
“ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่เป็นไปอย่างที่คิดไว้แต่แรก ถึงโยคะจะช่วยฆ่าเวลาได้ก็จริง แต่พอฝึกนานเข้า มันก็เริ่มน่าเบื่อขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ดี”
“ฉันนึกอยากจะออกไปเดินเล่นข้างนอก…แต่ก็คงไม่ต้องเดาเลยว่าแอนนาจะยอมไหม”
“วันที่ 18 มกราคม: พระราชวังของฉันกลายเป็น ‘คุก’ สำหรับฉันโดยสมบูรณ์ และตอนนี้ฉันกำลังวางแผนแหกคุก โดยมีลีออน แคสมอดเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด!”
“วันนี้เราวางแผนหลบหนีอย่างละเอียดถี่ถ้วน”
“หนึ่ง—หลังอาหารเย็นพรุ่งนี้ ลีออนจะไปหาแอนนา โดยอ้างว่าจะตรวจสอบงานที่เธอรับผิดชอบแทนฉัน และตรวจตราพื้นที่ต่าง ๆ ภายในวัง”
“ระหว่างนั้น ฉันจะแอบเล็ดรอดออกไปทาง ‘ประตูหน้า’ เพราะที่อันตรายที่สุดก็คือที่ปลอดภัยที่สุด—แอนนาไม่มีทางคาดคิดแน่ ๆ ว่าฉันจะกล้าออกทางประตูใหญ่!”
“สอง—ฉันจะเตรียมชุดสาวใช้ไว้ให้เรียบร้อย เพื่อให้ทหารยามเข้าใจผิด คิดว่าฉันเป็นคนของกองสาวใช้ จะได้ไม่ก่อให้เกิดความสงสัย”
“สุดท้าย—กว่าแอนนาจะรู้ตัวว่าราชินีของเธอหลบหนีสำเร็จ ฉันก็คงได้เล่นหิมะกับลูกสาวสุดที่รักไปนานแล้วล่ะ!”
“เมื่อแผนไร้ที่ติ… การหลบหนีจึงต้องสำเร็จแน่นอน!”
“วันที่ 19 มกราคม: แผนหลบหนีล้มเหลว”
แอนนากล่าวว่า องค์ชายไม่เคยสนใจเรื่องงานของเผ่ามังกรเงินอยู่แล้ว อยู่ดี ๆ มาตรวจงานก็ผิดปกติชัดเจน เธอจึงระวังตัว และในที่สุดก็จับพิรุธของแผนหลบหนีของฉันได้!”
“เจ้าบื้อแคสมอด! แค่ภารกิจง่าย ๆ ยังจัดการไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไรต่อราชินีคนนี้กัน?!”
“…”
“วันที่ 20 กุมภาพันธ์: เข้าสู่เดือนที่หกของการตั้งครรภ์—ท้องเริ่มใหญ่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ปวดหลังบ่อย ลุกยืนหรือยืนนานเกินไปก็ไม่ไหว คลาสโยคะก็ต้องหยุดไปโดยปริยาย”
“ชีวิตประจำวันตอนนี้เหลือแค่—เตียง โต๊ะอาหาร และห้องน้ำ…วนลูปซ้ำ ๆ ไปวัน ๆ”
“วันที่ 21 กุมภาพันธ์: ลีออนเอาของเล่นใหม่ ๆ มาให้ฉันเพียบเลย—รูบิค รถไม้ ตัวต่อ ปริศนาเก้าห่วง แล้วก็ของจุกจิกแปลก ๆ อีกหลายอย่าง ฉันถามว่าไปเอามาจากไหน หมอนั่นบอกว่า ‘ทำเอง’… แต่ของพวกนี้มันคือ ‘ผลึกแห่งปัญญาของมนุษย์’ ไม่ใช่หรือ? พวกมังกรอย่างพวกนายมีของแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“วันที่ 25 มีนาคม: โนอากำลังจะเปิดแทอมอีกครั้ง เทอมที่สองของโรงเรียนเซนต์ไฮส์ ฉันตั้งตารอดูว่าลูกสาวของฉันจะทำผลงานได้ดียิ่งขึ้นแค่ไหน”
“…”
“วันที่ 5 มีนาคม: ขณะวัดส่วนสูงของมูน ฉันพบว่าเธอโตขึ้นมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว”
“จากที่เคยเป็น ‘เจ้าจิ๋วไซซ์มินิ’ ตอนนี้กลายเป็น ‘เด็กน่ารักไซซ์กลาง’ แล้วล่ะ และถ้ายังโตต่อไปแบบนี้… สิ้นปีนี้คงกลายเป็น ‘เด็กน่ารักเต็มตัว’ แน่ ๆ”
“ลีออนบอกว่าลูกสาวของเรายิ่งโตยิ่งน่ารัก—เหมือนเขาไม่มีผิด”
“ฉันก็บอกเขาไปว่า ‘หน้าไม่อาย’”
“เขาก็หน้าแดงลนลานใหญ่เลย”
“ไม่ต้องห่วงนะ… ถึงตานายเขินตัวม้วนจะมาถึงแน่ ๆ”
“วันที่ 6 มีนาคม: หมอประจำเผ่ามาตรวจร่างกายให้ฉัน บอกว่าเด็กในท้องกำลังพัฒนาได้ดี คาดว่าน่าจะคลอดได้ประมาณช่วงปลายเดือนมิถุนายนปีนี้”
“หมอยังบอกอีกว่า สุขภาพโดยรวมของฉัน—โดยเฉพาะสภาพจิตใจ—ดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับตอนท้องโนอากับมูน ซึ่งจะส่งผลดีต่อพัฒนาการของเด็กในครรภ์อย่างมาก”
“ก่อนกลับ หมอก็แอบกระซิบใส่ฉันเบา ๆ ว่า— ‘ฝ่าบาท ที่ปีนี้สุขภาพจิตดีขนาดนี้…เพราะมีองค์ชายอยู่เคียงข้างใช่ไหมเพคะ?’”
“ถึงฉันจะไม่อยากยอมรับ… แต่ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ลีออนก็ช่วยบรรเทาความเครียดของฉันช่วงตั้งครรภ์ได้มากจริง ๆ”
‘100 วิธีใช้เชลยศึกให้คุ้มค่า: รับบทเป็นสามีจำแลง’
“…”
“วันที่ 7 เมษายน: พี่สาวฉันเขียนจดหมายมาหา ในจดหมายนั้นพูดถึง ‘ราชามังกรเพลิงชาด คอนสแตนติน’ ซึ่งเราเคยพูดถึงกันตอนเจอกันที่นครลอยฟ้าครั้งก่อน”
“เธอบอกว่าไม่นานมานี้ คอนสแตนตินได้ส่งกองกำลังจำนวนมากไปรบกวนแถบที่อยู่ของเผ่ามังกรลม ก่อให้เกิดการปะทะขนาดย่อยขึ้นหลายครั้ง คล้ายกับพยายามจุดชนวนความขัดแย้งให้กลายเป็นสงครามระหว่างสองเผ่า”
“แต่สิ่งที่แปลกคือ คอนสแตนตินยังไม่ได้ส่งกำลังหลักหรือทัพเอกเข้าไปเลย เขาแค่คอยจับตาพรมแดนของเผ่ามังกรลมอย่างใกล้ชิดเท่านั้น”
“เรื่องนี้อาจเป็นลางบอกเหตุของสงครามที่ใกล้จะปะทุ พี่สาวฉันบอกว่าเธอกำลังแอบติดต่อกับเผ่ามังกรลมอย่างลับ ๆ เพราะกลัวว่าคอนสแตนตินจะใช้กลอุบายอะไรบางอย่าง ที่จะทำให้เผ่ามังกรแดงต้องกลายเป็นฝ่ายถูกโจมตีเสียเอง”
“ด้วยเหตุนี้ เธอจึงยังมาเยี่ยมฉันช่วงตั้งครรภ์ไม่ได้ และก็เขียนมาขอโทษในเรื่องนั้นด้วย”
“ฉันก็ตอบกลับไปว่าไม่จำเป็นต้องขอโทษ หากจำเป็น ฉันสามารถส่งกำลังบางส่วนของเผ่ามังกรเงินไปช่วยเธอได้ตามที่เราเคยตกลงกันไว้ก่อนหน้า”
“เธอบอกว่ายังไม่จำเป็นในตอนนี้—แต่ถ้าถึงเวลาจริง เธอจะขอความช่วยเหลือจากฉันแน่นอน”
“ฉันได้แต่ภาวนาขอให้พี่ปลอดภัยดี”
“…”
“วันที่ 15 พฤษภาคม: โนอากลับบ้านช่วงสุดสัปดาห์ และบอกว่าปลายเดือนหน้าเธอจะเริ่มปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว”
“โนอาบอกว่า หลังจากฉันคลอดลูกแล้ว พวกเราครอบครัวห้าคนจะไปเที่ยวทะเลด้วยกันทั้งบ้าน แน่นอนว่า… ฉันก็ตอบตกลงทันที”
“ในขณะเดียวกัน ฉันก็อดถอนหายใจไม่ได้—เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ ตอนนี้ใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มทีแล้ว”
“วันที่ 29 พฤษภาคม: ช่วงบ่าย มีเสียงฟ้าร้องกึกก้องดังมาจากภูเขาด้านหลังวิหาร และแม้แต่ท้องฟ้าก็เริ่มมืดครึ้มไปด้วยก้อนเมฆสีดำ เพราะแรงปะทะของเวทมนตร์ที่รุนแรงเกินต้าน”
“ตอนแรกฉันคิดว่าอาจมีสัตว์เวทอันตรายแอบลอบเข้ามา… จนกระทั่งเห็นลีออนแอบย่องกลับมาจากภูเขาหลังวิหารผ่านระเบียงตาเปล่า ฉันก็รู้ทันที—หมอนั่นต้องไปก่อเรื่องแน่ ๆ”
“ระหว่างมื้อเย็น ฉันถามเขาว่าไปทำอะไรที่หลังภูเขา ถึงได้ก่อความวุ่นวายขนาดนั้น?”
“หมอนั่นอึกอัก เหมือนมีอะไรปิดบังอยู่ ไม่อยากพูดใช่ไหม? ได้เลย งั้นนัดกันตีสองครึ่ง คืนนี้เล่นเกม ‘พิสูจน์ความจริง’ ชำระหนี้เก่ากันสักรอบ!”
“สุดท้ายก็ได้รู้ว่า ตอนบ่ายหมอนั่นไป ‘ทดสอบระดับการฟื้นตัวของเวทมนตร์ตัวเอง’”
“ดูจากเสียงฟ้าร้องสนั่นและฉาก ‘ฟ้าถล่มดินทลาย’ แบบเวอร์ ๆ นั่น… ดูเหมือนว่า เจ้าลูกหมาจะฟื้นพลังกลับมาเต็มที่แล้วสินะ!”
“แต่สิ่งที่เพิ่งรู้ก็คือ—ก่อนหน้านี้หมอนั่นอยู่ในสภาวะปริมาณเวทมนตร์พร่อง! บ้าเอ๊ย… ปิดได้มิดชะมัด! ถ้าฉันรู้เร็วกว่านี้นะ… ฉันคงกลั่นแกล้งเขาให้หนักกว่านี้ก่อนที่พลังจะฟื้นตัวเต็มที่แน่ ๆ!”
“วันที่ 29 มิถุนายน: วันคลอดของรอสไวส์”
“ช่วงเย็น ห้องนอนเต็มไปด้วยสมาชิกทีมสาวใช้ และหมอหญิงฝีมือเยี่ยมจากเผ่าหลายคน”
“การคลอดของราชินีเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด—ห้ามมีข้อผิดพลาดใด ๆ เด็ดขาด”
เธอนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ร่างกายอ่อนแรงจนแทบขยับไม่ได้—เป็นระยะ ๆ ก็มีอาการบีบรัดของมดลูกเกิดขึ้น ทำให้เหงื่อหอม ๆ ผุดขึ้นเต็มหน้าผากและแก้มของเธอ
หมอหญิงหลายคนคอยตรวจสอบอาการของราชินีอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการคลอด
เหล่าสาวใช้ต่างก็วิ่งวุ่น ไม่มีใครได้หยุดพักแม้แต่นาทีเดียว
ช่วงเวลาสุดท้ายแบบนี้—ลีออนไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก เขาจึงได้แต่นั่งเงียบ ๆ บนระเบียง กอดมูนไว้บนตัก ขณะที่โนอายืนอยู่ข้าง ๆ จับมือน้องสาวไว้แน่น
ทั้งสามคนนั่งรออย่างเงียบงัน… รอคอยปาฏิหาริย์แห่งชีวิตครั้งใหม่
แต่ไม่รู้เพราะอะไร ลีออนกลับรู้สึกกังวลใจอย่างไร้เหตุผล—เหมือนกับว่ากำลังจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้น
โนอาดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความวิตกของพ่อ จึงพูดปลอบเขาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า—
“พ่อคะ แม่ต้องไม่เป็นไรแน่นอน หลังจากแม่คลอดแล้วแล้วพักฟื้นเสร็จ พวกเราจะได้ไปเที่ยวทะเลด้วยกันทั้งครอบครัวนะคะ”
ลูกสาวตัวน้อยที่แสนรู้ใจ… เป็นแบบนี้เสมอ
ลีออนปรับอารมณ์ตัวเอง พลางลูบหัวเธอเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ
“อื้ม”
จากนั้น เขาหันหน้าไปมองขอบฟ้า—ยามเย็นอาบฟ้าเป็นสีแดงฉาน ราวกับไฟกำลังลุกไหม้อยู่บนท้องฟ้า
บท 158: คำสัญญา
บท 158: คำสัญญา คลิกอ่านที่นี่
ค่ำคืนย่างกรายเข้ามาอย่างเงียบงัน
ลีออนมองไปยังกลุ่มสาวใช้และหมอที่กำลังล้อมเตียงใหญ่ไว้แน่นหนา พยายามสอดสายตาแทรกผ่านช่องว่างเล็ก ๆ เพื่อมองให้เห็นใบหน้าของรอสไวส์
แต่พวกเธอรายล้อมราชินีไว้อย่างแน่นหนา จนเขาได้ยินเพียงเสียงครวญเบา ๆ จากฝั่งนั้นเท่านั้น
ปกติแล้ว การคลอดตั้งแต่เริ่มเจ็บครรภ์ไปจนถึงทารกคลอดออกมาสำเร็จจะใช้เวลาประมาณแปดถึงสิบชั่วโมง
ในช่วงเวลานี้—ความเจ็บปวดที่รอสไวส์ต้องเผชิญ เป็นสิ่งที่ลีออนในฐานะผู้ชายไม่มีทางเข้าใจได้เลย
เขาเคยอ่านหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการดูแลก่อนคลอดมากมาย เข้าใจดีว่า ‘การให้กำเนิดชีวิต’ นั้นเจ็บปวดแค่ไหนสำหรับผู้หญิง…
ในขณะเดียวกัน ลีออนก็รับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงความรู้สึก ‘ไร้พลัง’ ของตัวเอง
เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย—ทุกอย่างต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอและสาวใช้ที่เชี่ยวชาญ
เสียงครวญเบา ๆ ของรอสไวส์ที่เล็ดลอดออกมา ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาทันที
“พ่อคะ… แม่เจ็บมากเลยใช่ไหมคะ?”
มูนเกาะแขนเสื้อของลีออนไว้แน่น ดวงตากลมโตเอ่อล้นด้วยน้ำตา เสียงสั่นเครือเล็กน้อย
“มูนไม่อยากได้น้องสาวแล้ว… มูนไม่อยากให้แม่เจ็บมากกว่านี้…”
ลีออนก้มหน้าลง จับมือเล็ก ๆ ของมูนที่เย็นเฉียบไว้ แล้วลูบหัวเธอเบา ๆ พลางเอ่ยคำปลอบใจ
“ไม่เป็นไรนะมูน… ไม่ต้องห่วง… แม่จะต้องปลอดภัยแน่นอน”
ในหัวของลีออนวุ่นวายสับสนจนไม่รู้จะพูดอะไรดี—เพราะ คำปลอบใจใด ๆ ก็ดูจะไร้พลังและจืดจาง เมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า
โชคดีที่โนอาเป็นพี่สาวที่เข้มแข็งและเก่งมาก
เธอกอดน้องสาวไว้แน่น ปล่อยให้มูนซบลงบนไหล่ของเธอ ค่อย ๆ ลูบหลังเบา ๆ พร้อมกระซิบปลอบใจด้วยเสียงแผ่วเบา
ลีออนมองดูลูกสาวทั้งสองคน แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอ่อนโยน
“โนอา มูน… ให้พ่อพาไปพักที่ห้องก่อนดีไหม?”
“เดี๋ยวพอคุณแม่คลอดเสร็จแล้ว พ่อจะรีบเรียกพวกหนูกลับมาเลย โอเคไหม?”
ตอนนี้ยังเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นของการเจ็บครรภ์ แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้… รอสไวส์จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่รุนแรงกว่านี้อีกหลายเท่า
ลูก ๆ อยากอยู่ใกล้แม่ นั่นเป็นเรื่องที่น่ารักมาก…
แต่ลีออนไม่อยากให้พวกเธอต้องทนเห็น หรือผ่านช่วงเวลาอันแสนทรมานไปพร้อมกับเขา…
เมื่อได้ยินแบบนั้น โนอาก็ค่อย ๆ ดึงมือมูนเบา ๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า—อยากกลับไปพักก่อนแล้วค่อยมาเยี่ยมคุณแม่ทีหลังไหม
มูนสูดน้ำมูกหนึ่งที ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ
“งั้นพ่อจะพาหนูกลับห้องนะ”
ลีออนลุกขึ้น แล้วจับมือของลูกทั้งสองคนไว้ข้างละข้าง พาพวกเธอเดินออกจากห้องของรอสไวส์อย่างเงียบ ๆ
เขาค่อย ๆ ปิดประตูอย่างแผ่วเบา แล้วจูงลูกสาวทั้งสองคนเดินไปยังห้องนอน
อากาศเย็น ๆ ในโถงทางเดินช่วยปลอบประสาทเขาได้เล็กน้อย
ลีออนหลับตาแล้วถอนหายใจหนัก ๆ ออกมาหนึ่งครั้ง
เหมือนจะได้พักหายใจสักหน่อยในความเงียบสงบที่แสนตึงเครียดนี้
แต่ยังไม่ทันได้ผ่อนคลายเต็มที่—เสียงกระแทกดังสนั่นก็ดังขึ้นจากหน้าต่างในโถงทางเดิน!
ยังไม่ทันที่ลีออนจะได้ตั้งตัว—ร่างหนึ่งที่ถูกไฟลุกท่วมก็ดิ่งลงมาตรงหน้าเขาอย่างกับกระสุนปืนใหญ่พุ่งทะลุกระจก!
เศษกระจกแตกกระจายวาบผ่านหน้าตา ความร้อนแผดเผาใบหน้าเขาทันที
ดวงตาสีดำของลีออนเบิกกว้าง ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น
นี่มัน… โดนลอบโจมตี!?
สัญชาตญาณของนักล่ามังกรระดับแนวหน้าเข้าควบคุมร่างกายของเขาในเสี้ยววินาที
เมื่อเข้าใจสถานการณ์อย่างฉับพลัน ลีออนก็รีบควบคุมสติได้ทันที—ก่อนที่ลูกสาวทั้งสองจะได้ตั้งตัว เขาก็ยกมือขึ้นมาปิดตาของพวกเธอทันที
มูนที่ตกใจเสียงกระแทกดังสนั่น—รีบเกาะขากางเกงของพ่อแน่น
เธอพูดเสียงสั่นพร่า น้ำเสียงเต็มไปด้วยความวิตก
“พ่อ… เกิดอะไรขึ้นคะ?”
ลีออนประคองมือปิดตาลูกสาวอย่างเบาที่สุด—ไม่อยากกดแรงจนพวกเธอยิ่งตื่นกลัว
เขากวาดตามองศพที่ไหม้เกรียมตรงหน้าอย่างรวดเร็ว—หางและชุดเกราะยังมีควันลอยขึ้นบาง ๆ บ่งบอกชัดว่าเป็นทหารของเผ่ามังกรเงิน
ไม่ผิดแน่… วิหารของเผ่ามังกรเงินกำลังถูกโจมตี!
“แต่ทำไมต้องเป็นตอนนี้…” ลีออนพึมพำในลำคอ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฝีเท้าด่วน ๆ วิ่งตรงเข้ามาจากด้านหลัง
“องค์ชาย! องค์ชาย! ฝ่าบาทกับเจ้าหญิงปลอดภัยไหมเพคะ!?”
เป็นเสียงของ มิลาน ที่รีบวิ่งเข้ามาหาพวกเขาอย่างร้อนรน
เมื่อเธอเห็นศพของเพื่อนร่วมเผ่าที่นอนตายอยู่กลางโถง สีหน้าก็ซีดเผือดทันที—ความตกใจและสยองขวัญสะท้อนชัดในดวงตา
ลีออนขยับตัวไปยืนบัง โนอา และ มูน ไว้ ใช้ร่างกายของตนปิดบังภาพอันเลวร้ายจากสายตาของเด็กทั้งสอง
“อย่าหันกลับไปมอง… ไปกับพี่มิลาน กลับไปหาคุณแม่”
โนอาหายใจไม่สม่ำเสมอ—ด้วยความฉลาดของเธอ คงพอจะเดาได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังรวบรวมความกล้าจับมือน้องสาวไว้แน่น แล้วพามูนเดินกลับไปยังห้องของรอสไวส์ภายใต้การคุ้มกันของมิลาน
เมื่อแน่ใจว่าลูกสาวทั้งสองปลอดภัยแล้ว—ลีออนจึงลุกขึ้น เดินไปยังหน้าต่างที่แตกละเอียด แล้วเงยหน้ามองออกไปไกล
แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดลงไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ยังเห็นแสงสีแดงเรือง ๆ ลอยอยู่ไกล ๆ บนขอบฟ้า
เหมือนประกาศถึงภัยพิบัติที่กำลังจะมาเยือน
การตอบโต้ของวิหารมังกรเงินรวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน—ทันทีที่ถูกโจมตี
ทหารระดับสูงทั้งหมดถูกรวบรวมมาที่รอบวิหาร
และมังกรเงินสองตัวยักษ์ก็บินโฉบอยู่เหนือศีรษะ พร้อมเข้าสู่สถานะเฝ้าระวังเต็มขั้น
เสียงฝีเท้าวิ่งอันชุลมุนดังแว่วจากปลายทางเดิน—ลีออนหันไปตามเสียง เห็นบรรดาทหารและสาวใช้กลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาเพื่อจัดการกับศพบนพื้น
หนึ่งในสาวใช้รีบวิ่งตรงเข้าห้องของรอสไวส์
ลีออนก็ตามเข้าไปทันที
“หัวหน้าแม่บ้าน! มัน… มันคือการจู่โจมของเผ่ามังกรเพลิงชาดค่ะ!”
สาวใช้คนนั้นรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ บนร่างมีรอยไหม้หลายแห่ง—เป็นหลักฐานชัดเจนว่าเธอเพิ่งผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดมา
แอนนา ขมวดคิ้วแน่นทันที
“เผ่ามังกรเพลิงชาดงั้นเหรอ? คอนสแตนติน? ทำไมถึงมาโจมตีเผ่ามังกรเงินอย่างกะทันหันแบบนี้? แล้วที่สำคัญคือ…”
สายตาของเธอหันไปมองเตียงที่ ราชินีกำลังเจ็บท้องคลอดอยู่…
รอสไวส์นอนหลับตาแน่น ใบหน้าสวยซึ้งเต็มไปด้วยเหงื่อ ความเจ็บปวดฉายชัดในทุกอณูของสีหน้า
“แล้วทำไมต้องเป็นตอนนี้… ตอนที่ฝ่าบาทอ่อนแอที่สุด…”
แอนนาอดพึมพำในใจไม่ได้
แต่เวลานี้—ไม่มีเวลามาวิเคราะห์แรงจูงใจของคอนสแตนตินอีกแล้ว
ตลอดปีที่ผ่านมา มังกรเพลิงคลั่งตนนั้นบุกโจมตีเมืองและเขตแดนไม่ยั้งมือ
นี่อาจเป็นแค่การจู่โจมแบบสุ่ม… หรืออาจไม่ใช่เลยก็ได้
“เกิด…อะไรขึ้น… แอนนา…”
เสียงของรอสไวส์เปล่งออกมาแผ่วเบา เธอลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก
แอนนากัดริมฝีปากแน่น แล้วโน้มตัวลงตอบด้วยเสียงอ่อนโยน
“ฝ่าบาท… ตอนนี้เรากำลังถูกคอนสแตนตินลอบโจมตีเพคะ ข้าจะรีบจัดเตรียมกองกำลังป้องกันทุกอย่างให้เรียบร้อย”
“ได้โปรดทรงมีสมาธิกับการคลอดเถิดเพคะ… ทุกอย่างจะปลอดภัยแน่นอน”
“คอนสแตนติน… ไม่… ฉันต้อง… ต้องอยู่กับพวกเธอ—”
เสียงหอบหายใจของรอสไวส์ถี่จัด ดวงตาสีเงินสั่นระริกขณะพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง
แต่ หมอหญิงที่อยู่ข้าง ๆ รีบยื่นมือมาห้ามไว้ทันที
“ฝ่าบาท! ตอนนี้ห้ามขยับเด็ดขาดเพคะ มิฉะนั้นจะเป็นอันตรายต่อทั้งพระองค์และทารกในครรภ์!”
น้ำเสียงของหมอเด็ดขาดและจริงจัง
รอสไวส์ล้มตัวลงกลับไปบนเตียง—ความเจ็บปวดที่แล่นมาจากท้อง ทำให้เธอไม่อาจคิดอะไรได้อย่างเป็นระบบอีกต่อไป
แต่แล้วเธอก็พร่ำพึมพำเบา ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว…
“ลูก… ลูกล่ะ… ลีออน… ลีออน…”
เหล่าสาวใช้และหมอที่อยู่รอบข้างรีบเปิดทางทันที…
ลีออนฝ่าฝูงคนเข้าไปถึงข้างเตียง จ้องมองรอสไวส์ที่ใบหน้าซีดเซียวด้วยแววตาหนักแน่น
เธอลืมตาแง้มเล็กน้อย สบตากับเขา—ริมฝีปากสั่นเทา เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“ลีออน… ปกป้องลูกสาวของเรา…”
เธอรู้ดีว่าคอนสแตนตินแข็งแกร่งเพียงใด และสถานการณ์ตอนนี้คับขันขนาดไหน
แต่ในขณะเดียวกัน… เธอก็รู้ว่า
มีเพียงลีออนเท่านั้น ที่สามารถปกป้องลูกของเธอ
“เข้าใจแล้ว รอสไวส์… ผมสัญญา”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่นเด็ดขาด
เขาไม่เคยให้สัญญากับรอสไวส์มาก่อน—นี่คือครั้งแรก
และเขาหวังว่า… จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
“องค์ชายเพคะ” แอนนาเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง
“เพื่อความปลอดภัย พวกเราวางแผนจะอพยพฝ่าบาทไปยังภูเขาหลัง ขอความกรุณาให้องค์ชายพาเจ้าหญิงทั้งสองเสด็จไปพร้อมกันด้วยเพคะ”
เนื่องจาก รอสไวส์ใกล้คลอดเต็มที จึงไม่สามารถออกคำสั่งใด ๆ ได้—หน้าที่ทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่แอนนาเพียงคนเดียว
โชคดีที่เธอคือคนที่สามารถรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้
หลังจากช่วงเวลาตื่นตระหนกสั้น ๆ แอนนาก็วางแผนฉับไว
เผ่ามังกรเพลิงชาด มีพลังรบที่จัดอยู่ในระดับแถวหน้าของหมู่มังกรทั้งหมด
ยิ่งตอนนี้ราชินีอยู่ในสภาพอ่อนแอ—หากเผชิญหน้าตรง ๆ โดยไม่มีผู้นำ คงไม่สามารถต้านได้นาน
ดังนั้น… ทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ “อพยพชั่วคราว”
แต่สิ่งที่แอนนา ประเมินต่ำเกินไป คือ—
คอนสแตนตินไม่ได้โจมตีโดยบังเอิญ… แต่นี่คือการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วต่างหาก!
ขณะที่กำลังเตรียมอพยพรอสไวส์—สาวใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็รีบเข้ามารายงานด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“หัวหน้าแม่บ้านเพคะ! ด้านหน้ากับด้านหลังวิหารถูกเผ่ามังกรเพลิงชาดล้อมไว้หมดแล้ว! แม้แต่ทางลับก็ถูกทำลายหมด! แล้วยัง—”
ตูม!!
ก่อนที่สาวใช้จะทันพูดจบ—เสียงระเบิดดังสนั่นจากด้านบนก็กระแทกหูทุกคนเข้าอย่างจัง!
ในวินาทีถัดมา เงาขนาดมหึมาก็ร่วงลงมาจากนอกหน้าต่าง พุ่งกระแทกเข้ากับลานหน้าวิหารมังกรเงินอย่างรุนแรง!
แรงกระแทกจากการตกของร่างมังกรทำให้พื้นสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว
ลีออนรีบตั้งหลัก พร้อมจับมือลูกสาวทั้งสองไว้แน่น
เขามองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นภาพอันน่าสะเทือนใจ—
มังกรเงินตัวหนึ่งถูกลูกไฟขนาดใหญ่ทะลุหน้าอก เลือดมังกรไหลทะลักเปรอะเปื้อนต้นไม้และพุ่มไม้ทั่วลานด้านหน้า
มังกรตนนั้น… คือหนึ่งในองครักษ์มังกรเงินที่เพิ่งโฉบเวียนเฝ้าเวหาอยู่เมื่อครู่
แต่บัดนี้—เขาถูกสังหารโดยเผ่ามังกรเพลิงชาด
การล่มสลายของมังกรองครักษ์ตัวนี้หมายความว่า—
ไม่เพียงแต่พื้นดินถูกล้อมไว้ทั้งหมด… แต่แม้แต่ ‘น่านฟ้า’ ของเผ่ามังกรเงินก็ถูกยึดไปเรียบร้อยแล้ว!
ความเร็วของการโจมตีครั้งนี้ช่างน่าตกตะลึง
ราวกับว่าไม่ต้องใช้กลยุทธ์ ไม่ต้องมีการสอดแนมหรือข่าวกรองใด ๆ ทั้งสิ้น
แอนนากำหมัดแน่น กัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ
“รวบรวมทหารฝีมือดีทั้งหมด—ปฏิญาณจะปกป้องวิหารนี้จนถึงที่สุด!”
เมื่อไม่มีทางหนีหรือถอย… ตัวเลือกเดียวที่เหลือคือ ‘สู้ตราบลมหายใจสุดท้าย’
เมื่อสิบนาทีก่อนหน้า วิหารมังกรเงินยังเต็มไปด้วยความวุ่นวายจากการคลอดของราชินี
สิบนาทีต่อมา—สงครามได้ระเบิดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน… เหมือนฉากในละครที่ทั้งตลกร้ายและไร้เหตุผล
แอนนาไม่ปล่อยให้เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว—เธอเริ่มสั่งการรายละเอียดภารกิจการต่อสู้ทันที:
“ส่งคำสั่งให้เชอร์รี่รวบรวมหน่วยองครักษ์ชั้นยอดทั้งหมดภายใต้บังคับบัญชา—ห้ามออมมือ! สกัดการบุกรุกของเผ่ามังกรเพลิงแดงให้ถึงที่สุด!”
“จัดชุดสาวใช้ของข้าออกสี่ชุด พยายามฝ่าวงล้อมทางภูเขาหลัง! เป้าหมายหลักยังคงเป็น ‘อพยพราชินี’ ให้ปลอดภัย”
“ ระดมมังกรส่งสารทั้งหมดในวิหาร ส่งคำร้องขอความช่วยเหลือไปยังเผ่ามังกรใกล้เคียง …รวมถึงเผ่ามังกรแดงด้วย!”
“สุดท้าย—ข้าจะลงสนามด้วยตัวเอง เพื่อถ่วงเวลาให้ฝ่าบาทได้คลอดอย่างปลอดภัย!”
“ทุกคนเข้าใจชัดเจนแล้วใช่ไหม? ถ้าเข้าใจแล้ว… ลงมือได้!”
บท 159: ราชามังกรเพลิงชาดมาเยือน คลิกอ่านที่นี่
นี่คือการบุกโจมตีที่รวดเร็วราวสายฟ้า เมื่อเผ่ามังกรเพลิงชาดพุ่งทะลวงแนวป้องกันของอาณาเขตมังกรเงินด้วยความเร็วแสง มุ่งตรงสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์
ซากศพที่ไหม้เกรียมซึ่งถูกโยนเข้าไปในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของมังกรเงิน ทำหน้าที่เป็นระฆังเตือนภัยครั้งแรก บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของสงคราม
ภายนอกวิหารศักดิ์สิทธิ์ในขณะนี้ มังกรยักษ์หลายร้อยตัวโบยบินวนเวียนอยู่กลางอากาศ
เปลวเพลิงของพวกมันส่องสว่างทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน เสียงคำรามของมังกรดังก้องไม่ขาดสาย และซากศพมังกรจำนวนมากร่วงหล่นจากฟากฟ้า
สมรภูมิบนพื้นดินยิ่งโหดเหี้ยมยิ่งกว่า ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กองทัพของมังกรเงินและเผ่ามังกรเพลิงทับทิมก็เข้าสู่ช่วงดุเดือดเลือดพล่าน
มนตร์ปะทะมนตร์ ดาบปะทะดาบ ทุกยุทธวิธีถูกงัดออกมาใช้อย่างถึงที่สุด
พื้นดินถูกย้อมเป็นสีแดงด้วยเลือดมังกร แขนขาถูกตัดขาด เนื้อหนังแหลกเหลว สายตาแลไปไกลเท่าไรก็มีแต่ซากศพนับไม่ถ้วน
ในขณะนั้น ท้องฟ้าราวกับถล่มลงมา ประหนึ่งเป็นจุดจบของโลก
สงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มังกรได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของถ้อยคำใด ๆ ที่จะบรรยายถึงความโหดเหี้ยมได้
ห่างจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ราวสิบกิโลเมตร แอนนา หัวหน้าสาวใช้ ได้นำทีมสาวใช้หน่วยพิเศษเข้าต่อสู้อย่างสิ้นหวัง
เชอร์ลี่ร่วมมือกับเธอ ต่อต้านการโจมตีหลายระลอกจากเผ่ามังกรเพลิงชาด
พวกเธอยังไม่ได้แปลงร่างเป็นมังกรเพื่อต่อสู้
การคงสภาพในร่างมนุษย์ช่วยให้ปล่อยเวทมนตร์ได้แม่นยำกว่า และยังอำนวยต่อการสั่งการและสังเกตการณ์สนามรบ ในขณะที่ร่างมังกรนั้นเคลื่อนไหวได้ช้ากว่าเล็กน้อย และอาจสร้างความเสียหายแก่ฝ่ายเดียวกันได้ง่ายในสมรภูมิที่ดุเดือดเช่นนี้
ดังนั้น ในการรบภาคพื้นดิน ร่างมนุษย์จึงมีความได้เปรียบอยู่บ้าง
อีกฟากหนึ่ง กองกำลังพิทักษ์ของมังกรเงินบางส่วนสามารถยึดอำนาจการควบคุมในท้องฟ้าไว้ได้ เผ่ามังกรเงินมีข้อได้เปรียบโดยธรรมชาติในเรื่องความเร็ว ถึงแม้จะไม่แข็งแกร่งเทียบเท่าเผ่ามังกรเพลิงทับทิมโดยรวม แต่พวกเขาก็ยังสามารถรักษาความได้เปรียบในการรบทางอากาศไว้ได้ด้วยความเร็วที่เหนือกว่า
การโจมตีครั้งที่ห้าของเผ่ามังกรเพลิงชาดถูกต้านทานไว้ได้ แอนนาและเชอร์ลี่พิงหลังกัน หอบหายใจเพื่อพักฟื้นแรงชั่วครู่
“แนวปิดล้อมด้านหลังภูเขาถูกเจาะทะลุแล้วหรือยัง?” เชอร์ลี่ถาม
“ยัง แต่พวกมันมาพร้อมแผน เตรียมซุ่มโจมตีไว้ล่วงหน้าพอสมควร แม้แต่ทางหนีฉุกเฉินก็ถูกทำลายหมดแล้ว” แอนนาตอบ พลางเช็ดเลือดจากใบหน้า
“แล้วกำลังเสริมล่ะ? ไม่มีเผ่ามังกรใกล้เคียงส่งทหารมาช่วยเลยหรือ?”
แอนนากัดริมฝีปากแล้วส่ายหน้า “พวกเขาต่างหวาดกลัวว่าจะมีปัญหากับคอนสแตนติน ไม่มีใครกล้าส่งทัพมาสนับสนุนเราเลย”
“พวกโง่! ถ้าเผ่ามังกรเงินล่มสลายจริง พวกเขาคิดหรือว่าคอนสแตนตินจะไว้ชีวิตพวกนั้น?” เชอร์ลี่สบถ
ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนา ทหารนายหนึ่งก็วิ่งมารายงานว่า “หัวหน้าสาวใช้ ราชินีอิซาเบลลาแห่งเผ่ามังกรแดงตอบกลับมาแล้ว พวกเขาทราบสถานการณ์ที่นี่แล้ว แต่กำลังถูกกองกำลังส่วนหนึ่งของเผ่ามังกรเพลิงชาดตรึงไว้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วโมงกว่าจะเดินทางมาถึง”
“ถูกกองกำลังของเผ่ามังกรชาดทับทิมตรึงไว้…” ดวงตาของแอนนาไหวระริก ความคิดล่องลอยไปไกล
เธอระลึกได้ว่าไม่นานมานี้ ฝ่าบาทเคยเอ่ยว่าเผ่ามังกรเพลิงชาดมีแผนจะโจมตีเผ่ามังกรสายลม และกษัตริย์มังกรลมได้ร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของพระองค์ พระราชินีอิซาเบลลา
อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา กลับไม่มีสงครามใดปะทุขึ้น มีเพียงการปะทะและคุกคามขนาดเล็กเท่านั้น แต่ตอนนี้ เมื่อวิหารศักดิ์สิทธิ์ของมังกรเงินถูกโจมตี และกำลังเสริมจากเผ่ามังกรแดงล่าช้าเพราะถูกกองกำลังของเผ่ามังกรเพลิงชาดตรึงไว้ตั้งแต่ต้น…
ทั้งหมดนี้คือแผนของคอนสแตนติน!
เจตนาแต่ต้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะโจมตีเผ่ามังกรลมหรือเผ่ามังกรแดงเลย เขาเพียงแสร้งทำเป็นโจมตีและคุกคามเผ่ามังกรสายลม เพื่อเบนความสนใจมังกรทางนั้น
จากนั้น เขาก็เปิดฉากโจมตีในวันที่รอสไวส์ให้กำเนิดบุตร ปล่อยให้วิหารศักดิ์สิทธิ์ของมังกรเงินต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ผู้นำ!
แม้แผนการณ์ทั้งหมดนี้จะรัดกุมอย่างน่าประหลาดใจ แต่อันนาก็อดสงสัยไม่ได้ว่า…คอนสแตนตินรู้ได้อย่างไรว่าวันนี้คือวันนั้น?
“หัวหน้าสาวใช้ พวกมันมาอีกแล้ว”
ก่อนที่อันนาจะได้คิดต่อ การโจมตีครั้งที่หกจากเผ่ามังกรเพลิงชาดก็เริ่มต้นขึ้น
เธอกัดฟันแน่น ยกดาบขึ้น ชี้ตรงไปยังศัตรูที่กำลังบุกเข้ามา “ปกป้องพระราชินีตราบวาระสุดท้าย!”
เหล่าทหารมังกรเงินส่งเสียงตะโกนคำราม พลางเข้าสู้กับเผ่ามังกรเพลิงทับทิมอีกครั้งอย่างดุเดือด
ขณะเดียวกัน ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ รอสไวส์ยังคงอยู่ในห้วงของการให้กำเนิดบุตร
แม้เธอจะเคยผ่านความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน แต่ความรู้สึกเหมือนร่างถูกฉีกออกก็ยังคงเกินจะทานทน
หลายครั้งเสียงระเบิดจากเวทมนตร์ดังขึ้นมาจากด้านหลังภูเขา เป็นสัญญาณว่าหน่วยที่แอนนาส่งออกไปกำลังพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อฝ่าวงล้อม หวังเปิดทางให้พระราชินี องค์รัชทายาท และเจ้าหญิงทั้งสองสามารถล่าถอยได้อย่างปลอดภัย
ไม่นานหลังจากนั้น ประตูก็เปิดออก สาวใช้คนหนึ่งรีบเร่งเข้ามา เธอกวาดตามองรอบห้องและพบว่าแอนนาไม่อยู่
เมื่อรอสไวส์ยังไม่สามารถออกคำสั่งได้ในขณะนั้น สาวใช้จึงหันไปหา…ลีออน
“องค์ชาย…พวกเรา…พวกเราสามารถเปิดทางหนีออกมาได้แล้วค่ะ กองกำลังของเผ่ามังกรเพลิงทับทิมที่ตรึงเส้นทางนั้นได้ถอนตัวไปหมดแล้ว ฝ่าบาทสามารถหนีออกทางนั้นได้ค่ะ”
เมื่อได้ยินข่าวนี้ เหล่าสาวใช้และหมอในห้องบรรทมต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
การฝ่าวงล้อมได้ หมายถึงพวกเขาสามารถอพยพราชินีออกไปได้อย่างปลอดภัย
ทว่า…ลีออนกลับไม่ได้สั่งให้นำตัวรอสไวส์ออกไปทันที
เขาขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วพึมพำเบา ๆ ว่า “มีพิรุธ…”
“มีอะไรหรือเพคะ องค์ชาย?” หมอคนหนึ่งเอ่ยถาม
ลีออนเดินไปที่ระเบียง ก่อนจะหันกลับมามองสาวใช้ที่เป็นผู้นำข่าวมา
“เมื่อกว่าชั่วโมงก่อน เผ่ามังกรเพลิงชาดยังปิดล้อมด้านหลังภูเขาแน่นหนา กระทั่งแมลงวันยังบินผ่านไม่ได้ แล้วตอนนี้กลับถอนกำลังจากเส้นทางนั้นเฉย ๆ มันไม่ชอบมาพากลเลย พวกมันถอนจากจุดไหนกันแน่?”
สาวใช้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเม้มริมฝีปาก เดินเข้าไปใกล้ลีออนแล้วชี้ไปยังทางเดินเล็ก ๆ สายหนึ่งบนภูเขาด้านหลัง
ลีออนหรี่ตาลงเล็กน้อย “แน่ใจเหรอว่าเป็นตรงนั้น? กองกำลังของเผ่ามังกรเพลิงชาดถอนตัวจากเส้นทางนี้ทั้งหมดแล้ว?”
สาวใช้ลังเลอีกครั้ง แล้วจึงพยักหน้า “แน่ใจค่ะ”
ลีออนขมวดคิ้วแน่น จากนั้นค่อย ๆ ยกมือขึ้นแล้วดีดนิ้วหนึ่งที
ในวินาทีนั้น สายฟ้าสว่างจ้าแลบผ่านเหนือเส้นทางที่สาวใช้เพิ่งชี้ไป ใต้แสงฟ้านั้น มังกรสีแดงหลายตนพุ่งออกมาจากป่า พ่นเปลวเพลิงมังกรไปยังต้นทางของสายฟ้า ราวกับคิดว่านั่นคือกับดัก
แต่น่าเสียดาย…นั่นก็เวทที่ลีออนอวยพรวันเกิดรอสไว
หากพวกสาวใช้พารอสไวส์หลบหนีไปตามเส้นทางนั้นเมื่อครู่จริง พวกเธอคงตกอยู่ในกับดักของเหล่ามังกรแดงเพลิงไปแล้ว
ลีออนหันศีรษะช้า ๆ ไปมองสาวใช้ด้วยสายตาเย็นเยียบ “เวลารบ ต้องใช้สมองให้มากกว่านี้”
สาวใช้คนนั้นตกใจสุดขีด รีบคุกเข่าลงครึ่งตัว “นายท่าน…เป็นความประมาทของดิฉันเอง…ดิฉันสมควรตายเพคะ…”
ลีออนไม่สนใจเธออีก หันหลังเดินตรงไปหาบุตรสาวทั้งสองของตน
สาวใช้และหมอคนอื่น ๆ พากันเงียบกริบ มองหน้ากันไปมา ไม่รู้จะพูดอะไร หากไม่ได้คำเตือนอย่างรอบคอบขององค์ชายเมื่อครู่นี้ พวกเขาอาจก่อความผิดพลาดร้ายแรงไปแล้วก็เป็นได้
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ทุกคนก็กลับไปดูแลรอสไวส์ที่ยังอยู่ในช่วงคลอด ขณะที่ลีออนไม่เอ่ยอะไรเพิ่มเติม
แม้ลีออนจะไม่เข้าใจรายละเอียดของแผนยุทธการของเผ่ามังกรเงิน และไม่เหมาะสมที่จะออกคำสั่งเชิงกลยุทธ์ใด ๆ แต่เขาก็ยังสามารถมองออกถึงกลอุบายที่แฝงอยู่ในการศึกได้
จักรวรรดิ์เคยยกย่องเขาว่าเป็นนักล่ามังกรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ใช่เพียงเพราะจำนวนมังกรที่เขาฆ่าได้เท่านั้น แต่เพราะความสามารถในการบัญชาการ การวางแผน และการจัดวางกำลังพล ลีออนเชี่ยวชาญในทุกด้านเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อแอนนาได้จัดเตรียมแผนรบไว้เรียบร้อยแล้ว เขาจึงไม่ควรแทรกแซงการบัญชาการในเวลานี้ เพราะอาจทำให้จังหวะของกองทัพมังกรเงินรวนไปได้ และที่สำคัญ แอนนาเองก็มีความสามารถไม่น้อย
ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ที่ศัตรูบุกอย่างไม่คาดคิดและไร้ผู้นำ แอนนาถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่พวกเขามี ลีออนยืนกอดอก มองไปยังสมรภูมิที่ดุเดือดเบื้องหน้า พลางเห็นว่าเผ่ามังกรเงินเริ่มได้เปรียบขึ้นทีละน้อย
บนสนามรบ เชอร์ลี่แทงดาบทะลุหน้าอกของมังกรเพลิงชาดตนหนึ่ง แล้วเหวี่ยงร่างของมันออกไป ก่อนจะหันไปมองยังประตูวิหารศักดิ์สิทธิ์ พลางตระหนักว่าพวกเธอสามารถรุกคืบมาได้ไกลกว่าเจ็ดกิโลเมตรนับตั้งแต่สองชั่วโมงก่อน
ยอดเยี่ยม วงล้อมของเผ่ามังกรเพลิงชาดกำลังค่อย ๆ แตกออก บางทีพวกเธออาจต้านทานเอาไว้ได้จริง ๆ
แต่ในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี บางสิ่งที่ไม่คาดฝันก็กำลังจะเกิดขึ้น ใบหน้าของเชอร์ลี่ยังไม่ทันแสดงรอยยิ้มแห่งชัยชนะชั่วคราว เธอก็สังเกตเห็นเงาบนพื้นเริ่มเข้มและหนาขึ้นเรื่อย ๆ
ในชั่วขณะนั้น ราวกับเธอเข้าใจอะไรบางอย่าง และความหวาดกลัวก็ระเบิดขึ้นในหัวใจ ร่างทั้งร่างสั่นระริกเหมือนเครื่องจักรขึ้นสนิม เธอค่อย ๆ หันหลังกลับอย่างช้า ๆ
ในชั่วขณะนั้น ราวกับเธอเข้าใจอะไรบางอย่าง และความหวาดกลัวก็ระเบิดขึ้นในหัวใจ ร่างทั้งร่างสั่นระริกเหมือนเครื่องจักรขึ้นสนิม เธอค่อย ๆ หันหลังกลับอย่างช้า ๆ
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ท้องฟ้าทั้งผืนได้ถูกบดบังด้วยปีกของมังกรยักษ์คู่หนึ่ง
ทันใดนั้น ลมกระโชกแรงพัดถาโถมเข้ามา บีบให้เชอร์ลี่ต้องโน้มตัวลง
ลมหายใจของมังกรลึกและหนักแน่นพัดกวาดผ่านทั่วสนามรบ และสีแดงชาดของปีกกับหางยาวของมันได้เผยให้เห็นตัวตนของมังกรยักษ์ตนนี้
แรงกดดันรุนแรงที่แทรกซึมถึงกระดูกและวิญญาณ ทำให้เหล่ามังกรทุกตนในสนามถึงกับหายใจติดขัด
เคร้ง…
ดาบยาวของเชอร์ลี่ร่วงลงพื้น เธอเงยหน้าขึ้นอย่างงุนงง ดวงตาสีเงินของมังกรจ้องมองไปยังราชามังกรผู้สง่างามและทรงอำนาจ ขณะที่ม่านตาค่อย ๆ เลือนลางลง
“คอนสแตนติน…”
ราชามังกรเพลิงชาด คอนสแตนติน ปรากฏตัวบนสนามรบด้วยตนเอง
ความหวาดกลัวแผ่ซ่านเข้าสู่หัวใจของเชอร์ลี่ในทันที เธอแทบไม่ทันได้ตอบสนอง จนกระทั่งกลุ่มเปลวเพลิงมังกรอันดุเดือดเกือบจะเผาผลาญเธอจนมอดไหม้
โชคดีที่แอนนาตอบสนองได้รวดเร็ว คว้าคอเสื้อของเธอจากด้านหลังแล้วกระชากออกมาได้ทันก่อนถึงขอบเหวแห่งความตาย
เชอร์ลี่ทรุดตัวลงกับพื้น ความเจ็บปวดช่วยให้เธอได้สติกลับคืนมา
“รายงานกลับไป คอนสแตนตินปรากฏตัวแล้ว ระดมกำลังทั้งหมดเร่งฝ่าวงล้อมทางภูเขาด้านหลังโดยด่วน” แอนนาออกคำสั่ง
คำสั่งนี้หมายความว่าสมรภูมิที่นี่กำลังจะจบลงในไม่ช้า เมื่อคอนสแตนตินปรากฏตัว ช่องว่างของพลังระหว่างราชามังกรกับมังกรชั้นยอดอย่างแอนนา ช่างลึกและกว้างดุจเหวที่ไม่อาจข้ามผ่านได้
ดังนั้น เมื่อความพ่ายแพ้ในแนวหน้ากลายเป็นเพียงเรื่องของเวลา พวกเขาจึงต้องทุ่มสุดกำลังเพื่อฝ่าวงล้อมทางภูเขาด้านหลัง
พวกเขาอาจไม่สามารถรักษาวิหารศักดิ์สิทธิ์ของมังกรเงินไว้ได้ แต่ต้องรักษาชีวิตของพระราชินีไว้ให้ได้อย่างน้อยที่สุด
แอนนามองแผ่นหลังของเชอร์ลี่ พลางรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย
“พระองค์พูดถูกแล้วเพคะ พระราชินี… ชีวิตของมังกรมันยาวนานเกินไป ตอนนี้ ข้าก็ชอบความงามที่แสนสั้นดั่งพระองค์แล้ว” เธอกล่าวพลางหันกลับไปเผชิญหน้ากับคอนสแตนติน แผ่ปีกกางออกด้านหลัง เปลี่ยนร่างเป็นมังกรเต็มตัว
อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ในร่างมังกร แอนนาก็ยังมีขนาดเพียงหนึ่งในสี่ของราชามังกรคอนสแตนตินเท่านั้น
ต่อหน้าราชามังกร แอนนาไม่ต่างจากตั๊กแตนตำข้าวที่พยายามหยุดรถยนต์ แต่เธอก็ไม่มีวันถอย เพราะเหล่าสาวใช้ทุกคนได้สาบานไว้แล้วว่าจะปกป้องพระราชินีด้วยชีวิตของพวกตน
แอนนากระพือปีกอย่างแรง พุ่งเข้าหาศัตรูผู้สูงใหญ่ดั่งขุนเขา ราวกับผีเสื้อกลางคืนที่บินเข้าสู่เปลวไฟ แม้รู้ว่าหนทางเบื้องหน้าคือหายนะ แต่ก็ยังคงพุ่งไปข้างหน้า
เปลวเพลิงมังกรเริ่มรวมตัวในปากของเธอ ก่อนจะระเบิดออกอย่างรุนแรง ทว่าในดวงตาสีแดงชาดของคอนสแตนตินกลับมีเพียงแววเย้ยหยัน เขาแค่กระพือปีกเบา ๆ ก็สามารถสลายเปลวเพลิงมังกรที่แอนนาเปล่งออกมาสุดกำลังได้ในพริบตา
แม้แอนนาจะรู้สึกถึงแรงปะทะจากคลื่นกระแทก แต่เธอก็ปรับท่าทางกลางอากาศได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะโจมตีใส่คอนสแตนตินอีกครั้ง ลูกไฟหลายลูกพุ่งเข้าใส่ร่างมังกรขนาดมหึมานั้น แต่กลับไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้บนเกล็ดของเขาเลยแม้แต่น้อย
ร่างยักษ์ของคอนสแตนตินเคลื่อนไปอย่างช้า ๆ มุ่งหน้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์ โดยไม่สนใจการโจมตีของแอนนาและเหล่าทหารมังกรเงินเลย
เมื่อเห็นว่าเวทมนตร์ไม่มีผลใด ๆ แอนนาก็คำรามลั่น ก่อนจะลอยตัวมาขวางหน้าราชามังกรเพลิงชาด
เธอกระพือปีกเต็มแรง ใช้ร่างของตัวเองเป็นอาวุธ โดยไม่สนผลลัพธ์ที่จะตามมา แล้วพุ่งชนใส่คอนสแตนตินอย่างจัง ทว่ากับคอนสแตนตินแล้ว การโจมตีเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากแมงเม่าที่พุ่งชนต้นไม้ใหญ่
เขายกกรงเล็บมังกรอันแหลมคมและใหญ่โตขึ้น แล้วกดแอนนาแน่นลงกับพื้นอย่างง่ายดาย กรงเล็บของเขาทิ่มทะลุปีกของแอนนา เลือดไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุด
แม้จะถูกตรึงแน่นอยู่กับพื้น แอนนาก็ยังพยายามจะโต้กลับ ดิ้นรนพลางพ่นเปลวเพลิงมังกรใส่คอนสแตนตินอย่างต่อเนื่อง
แต่ทุกอย่างกลับไร้ผลโดยสิ้นเชิง
เมื่อสัมผัสได้ถึงช่องว่างของพลังที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงระหว่างตนกับคอนสแตนติน แอนนาก็ถึงกับตะลึงงัน
เธอแทบไม่อาจเชื่อได้เลยว่ามังกรตนหนึ่งจะทรงพลังได้ถึงเพียงนี้
แต่ก็เพราะราชามังกรที่มีพลังอำนาจน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้เท่านั้น จึงจะกล้าบุกโจมตีเผ่ามังกรอื่นอย่างไม่เกรงกลัวใด ๆ ใช่หรือไม่? ความสิ้นหวังค่อย ๆ กลืนกินหัวใจของแอนนา และทั้งกองทัพมังกรเงิน ตั้งแต่คอนสแตนตินปรากฏตัวบนสนามรบ ทุกสิ่งก็ราวกับถูกลิขิตไว้แล้ว
ภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ ความเงียบงันปกคลุมไปทั่ว บรรยากาศตกต่ำถึงขีดสุด มูนกลั้นน้ำตาไว้ ซุกใบหน้ากลมเล็กเข้ากับอ้อมอกของพี่สาว กำเสื้อของเธอแน่น
มือของโนอาสั่นระริก ภาพหายนะตรงหน้านั้นเกินกว่าที่เด็กคนหนึ่งจะรับไหว แต่เธอก็ยังคงกอดน้องสาวไว้แน่น พยายามปลอบโยนเธอ
มีลานและเหล่าสาวใช้มองแอนนาที่ถูกเหยียบย่ำจนยับเยิน และราชามังกรเพลิงชาดผู้ไร้ผู้ต้าน อย่างเงียบงัน ดูเหมือนว่า…พวกเขาไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอีกต่อไปแล้ว
รอสไวส์ลืมตาขึ้นท่ามกลางความเจ็บปวด รับรู้ได้ถึงพลังอันมหาศาลที่ปรากฏขึ้นบนสนามรบ กลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของราชามังกร เธอรู้ทันทีว่าคอนสแตนตินมาถึงแล้ว วีรบุรุษมังกรผู้ขยายอาณาเขตให้เผ่ามังกรเมื่อพันปีก่อน ผู้มีพลังโดดเด่นเหนือราชามังกรทั้งปวง
“ฝ่าบาท…” มีลานก้มหน้าลง ไม่อาจสบตากับรอสไวส์ได้ “หม่อมฉันขออภัย แต่เกรงว่า…พวกเราอาจจะแพ้ไปแล้ว ไม่มีใครฆ่าราชามังกรที่แข็งแกร่งในระดับคอนสแตนตินได้ ไม่มีใครเลย…”
ไม่มีใครคัดค้านคำพูดของมีลาน เพราะมันคือความจริงที่ทุกคนยอมรับ เพียงแค่มีลานกล้าพูดออกมาเท่านั้น
“ฆ่า…ราชามังกร…”
รอสไวส์พึมพำคำสี่คำนี้ออกมา พลางกำผ้าปูที่นอนแน่น ขณะที่ทนรับความเจ็บปวดรุนแรงในช่องท้อง “ฆ่าราชามังกร…มันไม่ใช่ความถนัดของใครบางคนหรือ…”
“ฝ่าบาทตรัสว่าอะไรนะเพคะ?” หมอที่อยู่ใกล้ ๆ ฟังไม่ชัดจึงถามขึ้น
รอสไวส์หลับตาลง รอยยิ้มอ่อนล้าและสิ้นหวังปรากฏบนใบหน้าซีดเซียวของเธอ ในเวลานี้ ไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออีกแล้ว
เธอเอ่ยชื่อของชายผู้นั้นเบา ๆ “ลีออน…”
เขาตอบรับ ก่อนจะเดินไปยังเตียงของรอสไวส์ สีหน้ายังคงเคร่งขรึมขณะมองเธอ
“ฉันหมดหนทางแล้ว…ลีออน เหลือเพียงตัวเลือกเดียวเท่านั้น เธอมองชายผู้เคยเป็นศัตรูด้วยดวงตาสีเงินที่เต็มไปด้วยความหมดหนทาง
ลีออนไม่พูดอะไร แต่รอสไวส์สามารถเห็นคำตอบในแววตาของเขาได้
เธอหลับตาลง น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงบนแก้มเปียกซึมหมอน “นายรู้อยู่แล้วว่าของอยู่ตรงไหน ส่วนกุญแจอยู่ในลิ้นชักที่สอง…”
ลีออนพยักหน้า เปิดลิ้นชักแล้วหยิบกุญแจออกมา
จากนั้นเขาเดินฝ่ากลุ่มคนไปหาน้องสาวทั้งสอง โนอาและมูน ก่อนจะย่อตัวลงครึ่งหนึ่ง
เขากุมมือเล็กเย็นเฉียบของมูนไว้แน่น แล้วจึงหันไปมองโนอา
พ่อกับลูกสาวสบตากันแน่นิ่ง ราวกับมีถ้อยคำมากมายที่อยากเอ่ยออกมา
แต่สุดท้าย ลีออนก็พูดเพียงว่า “ดูแลแม่กับน้องให้ดี ลูกทำได้แน่”
“พ่อคะ…พ่อ…จะกลับมาใช่ไหม?” โนอาถามเสียงสั่น
“อืม พ่อจะกลับมา เราเคยสัญญากันไว้ว่าจะไปทะเลด้วยกัน จำได้ไหม?” เขาลูบศีรษะของโนอาเบา ๆ ก่อนจะไม่พูดอะไรอีก ยืนขึ้นแล้วเดินไปยังประตู
“ลีออน!… ลีออน…” เสียงแผ่วเบาของรอสไวส์ดังขึ้น
ลีออนหยุดฝีเท้าที่หน้าประตู หันกลับมาเล็กน้อย แล้วตอบด้วยเสียงทุ้มหนักแน่น “สบายใจได้ ที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ผมเอง”
เมื่อพูดจบ เขาก็ไม่ลังเลอีก เปิดประตูแล้วรีบก้าวออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
เขามาถึงห้องลับของรอสไวส์ ใช้กุญแจไขประตู ก่อนจะเดินลงบันไดไปยังส่วนที่ลึกที่สุด
ที่นั่น เขาพบหีบไม้ใบหนึ่ง เมื่อเปิดออกก็พบกับชุดเกราะสีดำอยู่ภายใน ราวกับได้พบสหายเก่าที่จากกันไป ลีออนยื่นมือออกไป ปลายนิ้วลูบแผ่นอกของเกราะสีดำทองอย่างแผ่วเบา
“สหายเก่าเอ๋ย…ถึงเวลาเริงระบำในสนามรบด้วยกันแล้ว”
บท 160: สิ่งที่เรียกความแข็งแกร่งเหนือผู้ใด คลิกอ่านที่นี่
สถานการณ์ที่ราชามังกรปรากฏตัวในสนามรบด้วยตนเองนั้นหาได้ยากยิ่ง โดยทั่วไปแล้วจะมีเพียงสองกรณีเท่านั้นที่ทำให้ราชามังกรต้องลงสนามด้วยตนเอง: หนึ่ง คือสงครามนี้จำเป็นต้องชนะให้ได้ และสอง คือมีพลังระดับราชามังกรของฝ่ายตรงข้ามปรากฏขึ้นแล้ว
แอนนาไม่เข้าใจว่าเหตุใดเผ่ามังกรเพลิงชาดจึงต้องการยึดครองดินแดนของเผ่ามังกรเงิน พวกเขาไม่มีความบาดหมางกันเลยตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา แล้วเหตุใดจึงจู่โจมขึ้นมาอย่างกะทันหัน?
แอนนาซึ่งถูกกรงเล็บของคอนสแตนตินตรึงไว้กับพื้น เลือดมังกรในกายเกือบจะไหลหมดสิ้น เหลือเพียงลมหายใจรวยริน เธอไม่รู้เลยว่าพระราชินีทรงอพยพออกไปได้สำเร็จหรือไม่ เจ้าหญิงทั้งสองปลอดภัยหรือเปล่า หรือว่าเจ้าชาย ผู้ซึ่งดูเหมือนไม่มีพลังต่อสู้ จะสามารถปกป้องภรรยาและลูกได้หรือไม่
ร่างกายของแอนนาใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มที เธอรู้ดีว่าตนไม่อาจทานทนต่อการโจมตีครั้งต่อไปของคอนสแตนตินได้อีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังพยายามจะต่อต้าน เปลวเพลิงมังกรที่อ่อนแรงพ่นออกจากปากของเธออย่างไร้เรี่ยวแรง ทว่าคอนสแตนตินก็ไม่แม้แต่จะหลบเลี่ยงหรือป้องกัน เพราะการโจมตีที่อ่อนแอเช่นนี้ไม่อาจทำให้เขาใส่ใจได้เลย
คอนสแตนตินจ้องมองลงมาที่แอนนาด้วยแววตาเย้ยหยันและดูแคลน ดวงตามังกรสีแดงชาดของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม เปลวเพลิงมังกรความเข้มข้นสูงค่อย ๆ ก่อตัวในปากของเขา เตรียมจะยุติความเจ็บปวดของแอนนาเสียที
ในที่สุด แอนนาก็หยุดดิ้นรน หลับตาลงช้า ๆ มังกรเงินนับร้อยพุ่งเข้าใส่คอนสแตนตินโดยไม่หวั่นเกรงใด ๆ แต่เมื่อแอนนา ซึ่งเป็นผู้นำชั่วคราว ถูกสยบลง และกองทัพไร้ผู้นำ การบุกของพวกเขาก็ไม่ต่างจากการวิ่งเข้าหาความตาย
ขณะที่ความร้อนแผ่ซ่านกลืนกินทุกสิ่งไปทีละน้อย ท่ามกลางเปลวเพลิงสีแดงฉาน แอนนาราวกับเห็นยมทูตตัวจริงปรากฏต่อหน้า แต่แล้ว เสียงร้องแหลมของนกก็พลันดังขึ้นทะลุเข้าไปในโสตประสาทของเธออย่างฉับพลัน
ในชั่วขณะถัดมา เปลวเพลิงมังกรที่กำลังจะเผาผลาญแอนนากลับถูกสลายด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เธอลืมตาขึ้นอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อมองเห็นปฏิกิริยาของคอนสแตนติน เธอก็อดคิดไม่ได้ว่า…หรือว่าจะเป็นพระราชินีเสด็จมาช่วย?
ไม่สิ เป็นไปไม่ได้ พระราชินียังอยู่ในช่วงคลอด จะมาอยู่ที่นี่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าไม่ใช่พระราชินี แล้วจะมีใครอีกที่สามารถสลายเปลวเพลิงมังกรของคอนสแตนตินได้อย่างง่ายดายเช่นนี้?
คอนสแตนตินค่อย ๆ เงยหัวมังกรของตนขึ้น เผยให้เห็นร่องลึกที่ถูกผ่าออกด้วยสายฟ้าเบื้องหน้า และตามแนวร่องนั้นมีซากศพของมังกรเพลิงชาดนอนตายเกลื่อน
ที่ปลายอีกด้านของร่องลึกนั้น ด้านหน้าประตูวิหารมังกรเงิน มีร่างหนึ่งยืนอยู่ ร่างสูงเพรียวในชุดเกราะสีดำเงิน รายล้อมด้วยประกายสายฟ้าที่ลุกวาบ ไม่มีข้อกังขาเลยว่า บุคคลผู้นี้คือผู้ที่สังหารมังกรเพลิงชาดไปหลายตนในพริบตาเดียว และเป็นผู้ที่หยุดการโจมตีสุดท้ายของคอนสแตนตินที่มุ่งสังหารแอนนา
คอนสแตนตินหรี่ตามังกรลงเล็กน้อย “งั้นเจ้าก็คือเป้าหมายที่ ‘พวกเขา’ พูดถึงสินะ ดูท่าจะ…น่ากลัวไม่เบาเลย”
ลีออนก้าวเดินไปข้างหน้าช้า ๆ อย่างสงบ มุ่งหน้าเข้าสู่สนามรบตรงหน้า สีเงินที่เคลือบบนชุดเกราะดำทองของเขาค่อย ๆ แห้งลง นี่คือการปลอมตัวอย่างง่ายที่เขาเตรียมไว้ก่อนจะมาสนามรบ เพื่อซ่อนตัวตนมนุษย์ของตนเอง
สีที่ใช้ก็หาได้ง่าย เขาเคยใช้สีพวกนี้มากมายตอนทำของเล่นให้โนอาและมูน ในช่วงสงครามที่ผ่านมา มังกรส่วนใหญ่จำได้เพียงแค่ชุดเกราะสีดำชุดนี้เท่านั้น
แม้ว่าการปลอมตัวในครั้งนี้จะดูหยาบ ๆ ไปบ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน การจะมองเห็นรายละเอียดจากระยะไกลก็เป็นเรื่องยาก
การโจมตีเมื่อครู่ยังได้ใช้พลังเวทบางส่วนที่สะสมไว้ในรอยสักมังกรบนชุดเกราะของลีออนไปแล้ว เขายกมือขึ้น รู้สึกถึงพลังเวทที่ยังหลงเหลืออยู่ในตอนนี้
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองคอนสแตนตินผู้ยิ่งใหญ่เบื้องหน้า หลังจากคำนวณอย่างรวดเร็ว เขาก็คิดในใจว่า “ถ้าจะเก็บเจ้าหมอนี่ก่อนที่พลังเวทจะหมด ก็คงไม่ใช่ปัญหา”
เดิมที ตอนที่ลีออนเห็นว่าเผ่ามังกรเงินเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาก็คิดว่าไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เพียงอยู่ข้างรอสไวส์และลูกสาวทั้งสอง ทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันสุดท้ายก็เพียงพอแล้ว
แต่กระทั่งเมื่อคอนสแตนตินปรากฏตัวบนสนามรบ ใช้พลังมหาศาลแย่งความได้เปรียบกลับคืนมา ลีออนถึงได้ตระหนักว่ามังกรมเพศผู้ผู้นี้คลั่งชัยชนะในสงครามครั้งนี้เพียงใด
ถ้าอย่างนั้น…ในเมื่อคอนสแตนตินอยากชนะถึงขนาดนั้น ลีออนก็จะไม่มีทางยอมให้เขาได้มันไป การเผชิญหน้ากับมังกรตัวต่อตัวนั่นแหละคือความถนัดของเขา
เขากวาดตามองไปทั่วสนามรบที่เต็มไปด้วยซากศพ ประเมินจำนวนของมังกรเพลิงชาด แล้วก็คิดในใจอย่างลับ ๆ ว่า โชคดีที่เขายังไม่ได้ลงมือก่อนหน้านี้
ไม่อย่างนั้น เขาอาจเสียพลังเวทไปโดยเปล่าประโยชน์ แล้วตอนนี้ก็คงไม่มั่นใจพอที่จะต่อกรกับคอนสแตนติน ราชามังกรได้
ในสถานการณ์ที่มานายังมีจำกัด หากใช้สกิลทั้งหมดผลาญไปกับการเคลียร์ลูกกระจ๊อกหมด แล้วจะเหลืออะไรไว้สู้กับบอสล่ะ? เหลวไหลสิ้น!
เมื่อลีออนก้าวเข้าสู่สนามรบ เผ่ามังกรเพลิงชาดก็เริ่มตอบสนอง มังกรแดงหลายตนพุ่งเข้าใส่เขา ใช้ร่างของตนสร้างเป็น “กรง” ปิดล้อมลีออนไว้อย่างแน่นหนา จากนั้นจึงเริ่มรวมเปลวเพลิงมังกร หวังจะเผาลีออนทั้งเป็นภายในกรงเพลิงนี้
คอนสแตนตินเองก็อดประหลาดใจในความกล้าของมนุษย์ผู้นั้นไม่ได้ เขากล้าเดินตรงเข้ามาเช่นนี้ได้อย่างไร? หรือว่าเป็นคนบ้า? แต่ความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นว่า คอนสแตนตินระวังตัวมากเกินไป
ภายในกรงมังกรเบื้องหน้า สายฟ้าหลายสายแลบผ่านช่องว่างออกมา ทันใดนั้น เวทสายฟ้าอันทรงพลังก็ระเบิดออก ส่งมังกรเพลิงชาดที่ล้อมอยู่ปลิวกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
ขณะเดียวกัน ลีออนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม รายล้อมไปด้วยสายฟ้าร้อนแรงที่เปล่งประกาย ในนาทีนั้น ความกระหายเลือดมังกรที่หลับใหลในตัวเขาก็ถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง
แรงกดดันมหาศาลแผ่กระจายออกจากร่างของเขา และในสายตาของเหล่ามังกร ร่างเล็ก ๆ นั้นกลับดูราวกับเทพอัสนีที่จุติลงมา
ไม่เพียงแต่มังกรเพลิงชาดจะรู้สึกหวาดกลัว แม้แต่เหล่าทหารมังกรเงินเองก็ยังรู้สึกขนลุกต่อพันธมิตรนิรนามที่พวกเขาไม่เคยพบหน้ามาก่อนผู้นี้
“แค่ร่างมนุษย์เพรียวบาง แต่กลับปล่อยเวทมนตร์รุนแรงขนาดนี้ได้โดยไม่ต้องแปลงร่างเป็นมังกร…เขาเป็นราชามังกรที่เผ่ามังกรเงินเพิ่งฝึกฝนขึ้นมาหรือเปล่า?”
“แล้วแรงกดดันที่แผ่ออกมานั่น…รู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดเลยแฮะ”
“ใครกันแน่ที่อยู่ในชุดเกราะนั่น?”
เหล่านักรบมังกรเพลิงชาดอดไม่ได้ที่จะกระซิบถกกัน
แต่ด้วยเสียงคำรามของคอนสแตนติน ความตื่นตะลึงและความตระหนกทั้งหมดก็ถูกกดทับไว้ในทันที “ไม่ว่ามันจะเป็นใคร…ฆ่ามันซะ!”
ตามคำสั่งของคอนสแตนติน มังกรเพลิงชาดนับสิบก็พุ่งเข้าโจมตีลีออนอีกครั้ง เสียงร้องแหลมของนกดังก้องขึ้นอีกครา
ลีออนกางแขนออกเล็กน้อย พร้อมกับรวมพลังเวทสายฟ้า “พันปักษา” ไว้ที่มือทั้งสองข้าง เขาค่อย ๆ ลดลำตัวลง ก่อนจะเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งสองฝ่ายพุ่งเข้าหากันด้วยความเร็วดุจสายฟ้า เข้าปะทะกันอย่างดุเดือดในระยะประชิด ลีออนราวกับคมดาบที่หลอมจากสายฟ้า ผ่ากลุ่มมังกรเพลิงชาดกระจุยกระจาย
เลือดสาดกระเซ็น สายฟ้าแลบวาบ ท่ามกลางเสียงร้องของ “พันปักษา” ยังแว่วแทรกด้วยเสียงคำรามและเสียงกรีดร้องจากเผ่ามังกรเพลิงชาด ความเจ็บปวดจากสายฟ้านั้นเกินกว่าดาบใดจะเทียบได้
ร่างในชุดเกราะสีเงินดำเคลื่อนผ่านสนามรบดั่งพายุแห่งความตาย ทุกย่างก้าวที่เขาเหยียบย่ำ ล้วนบดขยี้กระดูกและสาดกระเซ็นเลือดไปทั่ว มันคือการสังหารหมู่ฝ่ายเดียวอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะร่างมนุษย์หรือร่างมังกร ก็ล้วนไร้พลังทัดทานต่อสายฟ้าที่ไม่มีใครต้านทานได้
แต่นี่ยังไม่ใช่พลังเต็มที่ของลีออนเลย เขาเพียงต้องการจัดการคอนสแตนตินให้ได้ก่อนที่พลังเวทจะหมด และจำเป็นต้องเก็บกวาดลูกสมุนที่ขวางทางไปพร้อมกันเท่านั้น
ภายในวิหาร โนอาเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก เธอแทบไม่อยากเชื่อเลยว่า เครื่องบดเนื้อบนสนามรบตรงหน้านั้นคือพ่อของเธอเอง
สุภาพบุรุษที่พูดจานุ่มนวล ทำอาหาร ทำงานบ้าน และดูแลแม่ของเธอ…ดูเหมือนจะเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง ถึงแม้โนอาจะเคยรู้สึกมาก่อนว่าพ่อของเธออาจไม่ธรรมดา แต่เมื่อได้เห็นกับตาตัวเองในวันนี้ เธอก็เริ่มสงสัยว่าหรือเขาจะเก่งเกินไปเสียแล้ว
“นึกว่า…องค์ชายไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ซะอีก” สาวใช้คนหนึ่งพึมพำ
“ใช่แล้ว ฉันเองก็ไม่เคยเห็นเขาในสนามรบมาก่อนเลย”
…หรือเป็นไปได้ว่า มังกรทุกตนที่เคยเห็นองค์ชายในสนามรบ ล้วนถูกเขากำจัดไปหมดแล้ว?
รอสไวส์นอนอยู่บนเตียง ฟังเสียงเหล่าข้ารับใช้พูดถึงชายคนนั้นอย่างเงียบงัน เธอหลับตาลง และหัวใจที่เคยร้อนรนก็เริ่มสงบลงทีละน้อย
“นี่แหละ…คือตัวตนที่แท้จริงของนาย…ลีออน คาสโมด”
บนสนามรบ ลีออนเหยียบหัวของมังกรเพลิงชาดตนหนึ่ง ใช้เป็นแรงดีดกระโดดขึ้นสู่ท้องฟ้า เขายกมือขวาขึ้นสูง รวมรวมพลังสายฟ้าอันมหาศาลไว้ในฝ่ามือ
เวทสายฟ้าแรงระดับ S: ล้างบางสวรรค์พิโรธ!
ลีออนไม่ต้องการเสียเวลาเล่นกับทหารระดับล่างพวกนี้อีกต่อไปแล้ว ด้วยการฟาดสายฟ้าเพียงครั้งเดียว เขาก็ทำให้มังกรเพลิงชาดรอบตัวกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
เขาลงสู่พื้นอย่างแผ่วเบา กวาดตามองไปรอบด้าน ก่อนจะหันไปมองเชอร์ลี่ที่อยู่ไม่ไกล
“พาคนของเธอไปจัดการเก็บกวาดมังกรเพลิงชาดที่เหลือให้เรียบร้อยด้วย”
เชอร์ลี่ถึงกับชะงัก เสียงที่ดังออกมาจากใต้ชุดเกราะนั้นฟังดูคุ้นเคยอย่างประหลาด “อ…องค์ชาย?!”
“ลีลาอะไรอยู่ ต้องให้เซ็นชื่อสำเนาถูกต้องด้วยรึไง?”
“ม-ไม่ใช่…ม..หมายถึง…”
“อยากจะพูดอะไร เก็บไว้บอกหลังจากผมฆ่าคอนสแตนตินแล้วกัน รีบไปทำตามคำสั่งสักที”
“เพคะ องค์ชาย!”
เชอร์ลี่รีบนำเหล่าทหารมังกรเงินที่เหลืออยู่บุกเข้าใส่ศัตรูอีกครั้ง การโจมตีต่อเนื่องของลีออนก่อนหน้านี้ได้พลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว
ลีออนไม่สามารถเสียพลังเวทไปกับทหารระดับล่างได้อีก และทหารมังกรเงินเหล่านี้ก็ไม่อาจยืนดูเฉย ๆ ได้เช่นกัน พวกเขาต้องลงมือช่วย
งั้นต่อไป…จะเกิดอะไรขึ้นอีก?
ลีออนหันกลับไปมองยังร่างยักษ์ของมังกรสีชาดที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ถึงเวลาของจานหลักแล้ว
คอนสแตนตินเองก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าสงครามครั้งนี้คงไม่อาจคว้าชัยมาได้ง่าย ๆ เขาปล่อยแอนนา แล้วเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ รูปลักษณ์ของชายหนุ่มผมแดง ดวงตาแดงก่ำ ในชุดคลุมยาวปรากฏขึ้น
ลีออนและคอนสแตนตินค่อย ๆ เดินเข้าหากันทีละก้าว จนเมื่อทั้งสองอยู่ห่างกันราวสิบเมตร พวกเขาก็หยุดลง
ต่างฝ่ายต่างเพ่งพินิจอีกฝ่ายอย่างเงียบงันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่คอนสแตนตินจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน “ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะลงมือจริง ๆ”
ในถ้อยคำของเขา ทำให้ลีออนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แม้จะเป็นประโยคสั้น ๆ แต่มันกลับแฝงข้อมูลไว้มากมาย อย่างน้อยที่สุด มันแสดงให้เห็นว่าคอนสแตนตินรู้อยู่ก่อนแล้ว…ว่าภายใต้ชุดเกราะนั้นคือมนุษย์คนหนึ่ง
แต่ลีออนเพิ่งเคยต่อสู้กับพวกทหารของเผ่ามังกรเพลิงชาดเท่านั้น และไม่เคยพบราชามังกรตนนี้มาก่อนเลย
“แล้วคอนสแตนตินรู้เรื่องของเขาได้อย่างไร?”
“ครั้งหนึ่ง เจ้าเคยได้รับการยกย่องว่าเป็นนักล่ามังกรที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิ กลับยอมยื่นมือเข้าช่วยเหลือเผ่ามังกร นี่มัน…น่าขันอยู่ไม่น้อยใช่ไหมล่ะ?” คอนสแตนตินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
ไม่เพียงเขาจะรู้ว่าภายใต้ชุดเกราะนั้นคือมนุษย์ แต่ยังสามารถยืนยันตัวตนของลีออนได้อีกด้วย
โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ลีออนรู้สึกมาตลอดว่าการโจมตีของเผ่ามังกรเพลิงชาดในครั้งนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงเพื่อขยายอาณาเขตเท่านั้น เบื้องหลังอาจมีแผนการอันใหญ่โตแอบแฝงอยู่
แต่ในตอนนี้ สถานการณ์กำลังวิกฤต ลีออนไม่มีเวลามาขบคิดเรื่องนี้อีก เขากลั้นความตะลึงไว้ แล้วตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ผมไม่คิดจะข้องแวะเรื่องทะเลาะกันภายในเผ่ามังกร แต่ถ้ามันกระทบถึงภรรยาและลูกผมนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
“หึ ภรรยาและลูกงั้นหรือ…คาสโมด ผู้เคยเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุด ตอนนี้กลับมีจุดอ่อน เช่นนี้ก็ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งอีกต่อไปแล้ว”
ลีออนค่อย ๆ ยกมือขวาขึ้น รวมพลังสายฟ้าไว้ที่ฝ่ามืออีกครั้ง
แสงสีฟ้าสะท้อนบนหมวกเกราะที่เปื้อนเลือด ชายผู้อยู่ภายใต้ชุดเกราะเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ชัดเจนในทุกถ้อยคำ
“คอนสแตนติน ผมจะสอนให้รู้ว่า อะไรคือความแข็งแกร่งที่แท้จริง และสิ่งเหล่านั้น…ไม่ใช่จุดอ่อน—”
ก่อนจะพูดจบ ร่างของลีออนก็หายไปจากที่เดิมในพริบตา
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง เขาได้พุ่งเข้าหาคอนสแตนตินด้วยความเร็วสายฟ้าจากด้านข้าง
“สิ่งนั้นคือครอบครัว”
เสียงกรีดร้องของพันปักษาดังกึกก้อง ขณะที่คอนสแตนตินกระโดดหลบออกไป พันปักษาพุ่งกระแทกพื้นจนฝุ่นคลุ้งตลบ
ยังไม่ทันที่คอนสแตนตินจะเตรียมตอบโต้ ลีออนก็พุ่งทะลุกลุ่มฝุ่นออกมาอีกครั้ง มุ่งหน้าเข้าใส่เขาโดยตรง
“เร็วมาก…” คอนสแตนตินอุทานในใจ ความเร็วระดับนี้ เทียบได้กับราชินีมังกรเงินเลยทีเดียว
คอนสแตนตินไม่มีเวลาพอจะโจมตีกลับได้ทัน จึงทำได้เพียงกางปีกมังกรออกในท่าตั้งรับ นี่คือสไตล์การต่อสู้เฉพาะของเผ่ามังกร: ถ้าสู้ไม่ได้…ก็ต้องเปลี่ยนรูปแบบ
ประสบการณ์การต่อสู้อันโชกโชนและสัญชาตญาณในกล้ามเนื้อของลีออนถูกปลุกขึ้นทั้งหมด เขาปรับท่าทางได้ทันเวลา เหยียบขึ้นบนปีกของคอนสแตนติน จากนั้นกระโดดขึ้นไปในอากาศแล้วอ้อมไปด้านหลังของคอนสแตนตินทันที
ก่อนที่คอนสแตนตินจะทันได้ตอบสนอง สายฟ้าก็พุ่งทะลวงเข้าใส่กลางหลังของเขาอย่างจัง เมื่อตัวมังกรใช้ปีกเป็นเกราะป้องกัน ด้านหลังจะกลายเป็นจุดอ่อนที่เปิดโล่งที่สุด
ในการต่อสู้ระยะประชิดเช่นนี้ การโจมตีด้วยสายฟ้าควรจะทะลุผ่านร่างของคอนสแตนตินไปได้แล้ว ทว่าในสายตาของลีออน หากสายฟ้ายังไม่สามารถเจาะร่างศัตรูได้ แสดงว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากพอที่เขาจะต้องเอาจริงมากกว่านี้ แต่สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ หลังของคอนสแตนตินนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสายฟ้าไปแล้ว
ลีออนถอนตัวออกจากการโจมตี ถอยห่างจากคอนสแตนติน คอนสแตนตินหอบหายใจแรง กางปีกมังกรออกอย่างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ หันกลับมา ดวงตามังกรสีชาดของเขาเต็มไปด้วยความเดือดดาล
“คาสโมด เจ้าได้ปลุกโทสะของข้าแล้ว”
“งั้นหรือ? เดี๋ยวดับลมหายใจนายทิ้งซะ โทสะนายจะได้หลับต่อไง”
“มนุษย์เอ๋ย ชดใช้ความอวดดีด้วยชีวิตเจ้าซะ!”
เสียงคำรามดังกึกก้อง คอนสแตนตินแปรเปลี่ยนกลับเป็นร่างมังกรอีกครั้ง ร่างมนุษย์ของลีออนดูบางเบาและอ่อนแอต่อหน้ามังกรยักษ์ เงามืดขนาดมหึมาทอดทับร่างของเขา แต่ลีออนเคยชินกับภาพเช่นนี้มานานแล้ว เขาเคยพบราชามังกรที่ใหญ่กว่านี้เสียอีก แล้วคอนสแตนตินจะทำให้เขาหวาดกลัวได้อย่างไร?
มังกรสีชาดกางปีกออก แหงนศีรษะขึ้นสูง จากนั้นวงเวทขนาดใหญ่สามวงก็สว่างวาบขึ้นเบื้องหลังเขา
ในวงเวทเหล่านั้น พลังแห่งน้ำแข็ง ไฟ และสายลม หลอมรวมกันกลายเป็นใบมีดนับไม่ถ้วน พุ่งเข้าหาลีออนพร้อมกัน ทว่าลีออนไม่ได้หลบเลี่ยงเลยแม้แต่น้อย เขาตั้งใจจะโต้กลับโดยตรง ด้วยทักษะและความกล้าหาญที่จะเดิมพันชีวิต เขาไม่มีเวลามาวิ่งหลบเล่น ๆ
พลังสายฟ้าไหลเวียนทั่วร่างของเขา เสริมทั้งการป้องกันและความเร็วอย่างมหาศาล ลีออนเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ทะลุผ่านสายฝนแห่งใบมีดธาตุทั้งสามได้อย่างเฉียบขาด
แม้จะถูกโจมตีใส่ พลังสายฟ้าอันรุนแรงก็สามารถสลายใบมีดธาตุเหล่านั้นได้ ลีออนยิ่งหลบหลีกก็ยิ่งเร็วขึ้น ร่างของเขากลายเป็นเงาเลือนสีฟ้า คล้ายสายฟ้าที่พุ่งทะลวงโจมตีใส่ขาหน้าขนาดมหึมาของคอนสแตนตินอย่างรวดเร็วและแทบมองไม่เห็น
คอนสแตนตินพยายามจะชักขากลับ แต่ก็สายเกินไปแล้ว พลังสายฟ้าที่เอ่อล้นจากร่างของลีออนปะทุออกมาเป็นคลื่นแห่งธาตุสายฟ้า
รอยสักมังกรบนหน้าอกของเขาเริ่มเปล่งแสงสีน้ำเงินเข้มอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และในพริบตา ขาหน้าซ้ายของคอนสแตนตินก็ชาวาบ ไม่หลงเหลือความรู้สึกใด ๆ
คอนสแตนตินก้มศีรษะลง พ่นเปลวเพลิงมังกรใส่ลีออนที่อยู่เบื้องล่างอย่างต่อเนื่อง หวังจะขับไล่เขาออกไป
แต่ความเร็วของลีออนกลับเกินความคาดหมายของเขาไปมาก ก่อนที่อาการชาจะจางหาย ลีออนก็เหยียบลงบนเข่าของเขา แล้วกระโดดขึ้นไปบนหลังของคอนสแตนตินได้อย่างง่ายดาย
ลีออนยืนอยู่บนหลังมังกรของคอนสแตนติน ยกมือขวาขึ้นสูง ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิดก็พลันรวมตัวเป็นกลุ่มเมฆหนาทึบ กลางเมฆเหล่านั้น เสียงฟ้าคำรามกึกก้อง พร้อมแสงสายฟ้าที่แลบวาบไปทั่ว
ในขณะนั้น ลีออนดูราวกับเทพเจ้าแห่งสายฟ้า ผู้ควบคุมธาตุที่ปั่นป่วน ดุดัน และยากจะควบคุมที่สุดในธรรมชาติไว้ในกำมืออย่างน่าอัศจรรย์
เวทสายฟ้าระดับ S: เพรียกสวรรค์พันอัสนี
ตูม! —
“โฮกกกกก!!!”
เสียงสายฟ้าสะท้านสวรรค์กระหน่ำลงมาพร้อมกับเสียงคำรามแห่งความเจ็บปวดของคอนสแตนตินอย่างน่าสยดสยอง กระดูกสันหลัง ลำตัวทั้งส่วนของเขา สูญเสียความรู้สึกไปทั้งหมด มนุษย์คนหนึ่ง…เป็นไปได้อย่างไรที่มนุษย์จะทรงพลังได้ถึงเพียงนี้!
คอนสแตนตินกระพือปีกอย่างบ้าคลั่ง พยายามสะบัดลีออนให้หลุดจากหลัง แต่ในเวลานี้ ลีออนกลับเยียบเย็นดั่งเพชฌฆาตไร้หัวใจ เป้าหมายของเขามีเพียงหนึ่งเดียว — สังหารมังกรเบื้องล่างให้สิ้น
เวทเพรียกสวรรค์พันอัสนีเมื่อครู่ ได้ใช้พลังเวทของเขาไปมหาศาล ดังนั้น…
“นี่จะเป็นกระบวนท่าสุดท้าย คอนสแตนติน”
ลีออนประกบมือเข้าหากัน จากนั้นค่อย ๆ แยกออก สร้างรูปทรงของดาบยาวขึ้นจากสายฟ้าในฝ่ามือ เขาจับดาบสายฟ้านั้นแน่น แล้วแทงทะลุเกล็ดมังกรบนหลังของคอนสแตนตินอย่างไร้ความปรานี
เลือดเนื้อฉีกขาด เสียงคร่ำครวญของราชามังกรกึกก้อง — สำหรับลีออน คาสโมด นักล่ามังกรผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด นี่คือช่วงเวลาที่งดงามที่สุด
แต่เรื่องราว…ยังไม่จบเพียงเท่านี้
ลีออนกระชับดาบสายฟ้าในมือแน่น แล้วพุ่งทะยานไปตามแผ่นหลังอันกว้างใหญ่ของคอนสแตนติน คมดาบพาดยาวไปตามแนวกระดูกสันหลัง มุ่งสู่ต้นคอของมังกร
ไม่ว่าลีออนจะผ่านไปที่ใด สายฟ้าก็แลบวาบ เลือดเนื้อปลิวว่อน เกล็ดมังกรแตกกระจาย เสียงคร่ำครวญของคอนสแตนตินทำให้ทั้งสองเผ่ามังกรที่ยังคงรบกันอยู่ถึงกับหยุดชะงัก
ไม่ว่าจะเป็นเผ่ามังกรเพลิงชาดหรือเผ่ามังกรเงิน ต่างจ้องมองภาพเบื้องหน้าด้วยความตะลึงงัน ร่างขนาดมหึมาของคอนสแตนตินนอนฟุบลงกับพื้นราวกับภูเขาที่ถล่มลงมา เลือดมังกรสีชาดไหลนองราวกับแม่น้ำพาดผ่านแผ่นหลังของเขา หัวที่เคยยิ่งใหญ่และหยิ่งทะนงของเขาหลุบต่ำอย่างอ่อนแรงหลังจากดิ้นรนอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่มังกรในสนามรบจะทันได้ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างหนึ่งก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้นบนหัวของคอนสแตนตินอย่างช้า ๆ
ลีออนถือดาบสายฟ้าไว้ในมือขวา ยกเท้าก้าวขึ้นเหยียบบนหน้าผากของคอนสแตนติน
หลังการสู้รบอันดุเดือดตลอดทั้งคืน ฟ้าก็เริ่มสาง พระอาทิตย์ค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้า ขับไล่ความมืดและความเย็นออกไป แสงแรกแห่งวันสาดส่องลงบนชุดเกราะสีเงินดำของเขา ราวกับพิธีชำระล้างศักดิ์สิทธิ์
เหล่ามังกรทั้งหมดต่างจ้องมองเขา สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความตกตะลึง หรือแม้แต่ความเคียดแค้น แต่เขาไม่สนใจ ทุกสิ่งที่เขาทำ ก็เพื่อปกป้องครอบครัวของตน
“รักษาครอบครัวจอมปลอมนี้ไว้” นั่นคือคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับรอสไวส์ เขาแกว่งดาบสายฟ้าอย่างช้า ๆ แล้วฟันใส่เขามังกรของคอนสแตนตินจนขาดสะบั้น
คอนสแตนตินหายใจอย่างรวยริน ลีออนค่อย ๆ ย่อตัวลงเหนือเขา มองเข้าไปในดวงตาของมังกรที่ค่อย ๆ เลือนหาย แล้วพูดอย่างสงบนิ่ง
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าผมจะสอนให้นายรู้ว่าอะไรคือความแข็งแกร่งเหนือใคร”
บท 161: ชายที่แกร่งที่สุดกับภรรยาของเขา คลิกอ่านที่นี่
มังกรยักษ์ใต้ฝ่าเท้าของเขาปล่อยลมหายใจสุดท้ายออกมา ก่อนที่ร่างจะไร้ชีวิต
หนึ่งในราชามังกรที่เก่าแก่ที่สุด ซึ่งเป็นตัวแทนแห่ง “เปลวเพลิง” ของเผ่ามังกรเพลิงชาด ได้ล้มลงแล้ว
ไม่มีข้อกังขาใด ๆ คอนสแตนตินคือหนึ่งในสามราชามังกรที่แข็งแกร่งที่สุดที่ลีออนเคยสังหารมา
หากสถานการณ์เอื้ออำนวย ลีออนคงอยากจะดวลกับคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามเช่นนี้อีกสักสองสามยก
แต่โชคร้าย เขามี “ภารกิจที่บ้าน” รออยู่ และไม่อาจเสียเวลาที่นี่ได้มากไปกว่านี้
เขาต้องจบศึกให้เร็ว แล้วรีบกลับบ้าน เพราะท้ายที่สุดแล้ว…เขาอยากกลับไปดูลูกคนที่สองเต็มทีแล้ว
ลีออนกระโดดลงจากหัวของคอนสแตนติน
เชอร์ลี่ที่บาดเจ็บ มือขวากุมไหล่ไว้ เดินกะเผลกออกมาพร้อมกับเหล่านักรบมังกรเงินอีกหลายคน
“องค์ชาย…ไม่รู้มาก่อนเลยว่าท่านแข็งแกร่งถึงเพียงนี้…” เชอร์ลี่เอ่ยด้วยความทึ่ง
โถ สามปีก่อน ผมอาจเคยต่อสู้กับเผ่ามังกรเงินด้วยซ้ำ
ลีออนถอดหมวกเกราะออก เผยให้เห็นผมสีดำและใบหน้าส่วนใหญ่ของเขาที่เปรอะไปด้วยเลือด ซึ่งไหลซึมออกมาจากช่องว่างของชุดเกราะ
โดยปกติแล้ว สภาพแบบนี้อาจดูน่าสยดสยองไม่น้อย แต่ในสนามรบ ที่การเสียอวัยวะเป็นเรื่องปกติ แค่มีเลือดเปรอะเล็กน้อยก็ไม่ถือเป็นอะไรใหญ่โต ถือว่าเรื่องเล็กน้อย
ลีออนหนีบหมวกเกราะไว้ใต้แขน แล้วกวาดตามองทั่วสนามรบรอบตัวเขา เมื่อคอนสแตนตินล้มลง เหล่าทหารของเผ่ามังกรเพลิงชาดที่ไร้ผู้นำก็เริ่มแตกกระเจิง หลบหนีกันอย่างไร้ทิศทาง
อย่างไรก็ตาม เผ่ามังกรเงินเองก็ได้รับความสูญเสียอย่างหนัก แอนนาในระยะไม่ไกลนักก็บาดเจ็บสาหัส ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน หากไล่ล่าศัตรูที่แตกทัพในตอนนี้ อาจทำให้เกิดการสูญเสียโดยไม่จำเป็น
หลังจากไตร่ตรองเพียงครู่ ผมจึงกล่าวว่า “การศึกจบลงแล้ว ไม่ต้องไล่ตามศัตรูที่หลบหนีไป ให้มุ่งเน้นการจัดระเบียบกองกำลังใหม่ จัดการกับศพของคอนสแตนติน ตัดหัวมังกรของเขาไปแขวนไว้ที่ชายแดนมังกรเงิน จากนั้นส่งทหารชั้นยอดที่เหลือไปประจำการที่ภูเขาด้านหลัง เผื่อมีการซุ่มโจมตีจากศัตรูที่หลงเหลือ และสุดท้าย—”
ผมหันไปมองแอนนาที่เพิ่งถูกคอนสแตนตินเล่นงานอย่างหนัก “ถ้าไม่ส่งหน่วยแพทย์ไปตอนนี้ หัวหน้าสาวใช้คงได้ไปเที่ยวเมืองผีกับคอนสแตนตินแล้วล่ะ”
เชอร์ลี่ได้สติ รีบลากร่างที่บาดเจ็บของเธอไปยังแอนนา “หัวหน้าสาวใช้! ทนไว้นะคะ! หน่วยแพทย์กำลังจะมาถึงแล้ว!”
แอนนา: “เหนื่อยชะมัดเลย การมีชีวิตอยู่น่ะก็ดี แต่จะตายไปมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนักหรอก”
เหล่ามังกรเงินเริ่มเคลื่อนไหวทันที บ้างก็ตัดหัวศัตรูที่ยังเหลือ บ้างก็รีบช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ทหารบางกลุ่มรวมตัวกันเป็นวงกลม ซ้อนหางของพวกตนขึ้นไปคล้ายเสาโทเท็ม ราวกับเป็นพิธีเฉลิมฉลองบางอย่าง
พอเห็นภาพนั้น ผมก็ยิ้มออกมา แล้วอดที่จะกล่าวแซวไม่ได้ว่า “เฉลิมฉลองกันได้โรแมนติกดีนี่นะ”
จากนั้นผมก็หันหน้ากลับไป แล้วก้าวเดินอย่างเหนื่อยล้า มุ่งหน้าสู่วิหารศักดิ์สิทธิ์ของมังกรเงิน
“เฮ้อ…พวกมังกรเงินนี่มันไร้มารยาทจริง ๆ อุตส่าห์ช่วยกำจัดคอนสแตนตินให้แท้ ๆ ดันไม่มีมังกรสักตัวจะออกมาช่วยพยุงผมกลับเลย”
ผบบ่นในใจเบา ๆ “เจอแบบนี้บอกเลย ต่อไปอย่าหวังว่าจะออกหน้าสู้ จะหนีไปนอนอู้อยู่ข้างบ่อน้ำ ไม่ทำอะไรดีกว่า”
ขณะกำลังบ่นพึมพำกับตัวเอง ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาจากด้านหน้า พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นมีลานเดินนำหน้า โดยมีทหารเผ่ามังกรหลายคนแบกเปลสนามตามมาด้วย ครูสอนโยคะกับเหล่าทหารรีบวิ่งตรงเข้ามาหาผม แล้ววางเปลลงตรงหน้าผม
ผมชะงักเล็กน้อย ก่อนจะก้มลงมองเปลสนามนั้น “นี่…นี่ไม่ใช่ของผมหรอกใช่ไหม?”
“ใช่เพคะ องค์ชาย กรุณานอนลงด้วยค่ะ” มีลานกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“…ผมว่ายังไม่ถึงขั้นต้องนอนเปลนะ”
ตลอดชีวิตของผมที่ผ่านศึกมานับไม่ถ้วน มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ต้องใช้เปลสนาม — และมันก็ไม่ใช่เพราะบาดเจ็บจากการสู้รบด้วยซ้ำ แต่เกิดขึ้นตอนผมเพิ่งเข้าร่วมกองทัพล่ามังกรใหม่ ๆ
เย็นวันหนึ่ง ผมเคราะห์ร้ายไปกินอาหารเย็นที่มีทั้งมะเขือยาวกับแครอท…แล้วคืนนั้น ว่าที่นักล่ามังกรผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ถูกหามขึ้นเปลส่งโรงพยาบาล
เรื่องนั้นทำให้อาจารย์ของผมหัวเราะล้ออยู่นานถึงสองสัปดาห์เต็ม ด้วยประโยคที่ว่า “ยังไม่ทันได้ออกรบก็ตายเสียก่อนเพราะมะเขือกับแครอทเนี่ยนะ”
เอาเถอะ…วีรบุรุษย่อมไม่ยึดติดกับเกียรติยศในอดีต
ผมถอนหายใจ ดึงสติตัวเองกลับมา แล้วก็ยอมลงไปนอนบนเปลอย่างว่าง่าย ไหน ๆ ก็ถูกเรียกด้วยความเคารพว่า “องค์ชาย” ขนาดนี้แล้ว จะไม่ขอรับสิทธิ์แบบราชวงศ์หน่อยก็คงเสียดายอยู่
ทหารสองนายช่วยกันยกเปลสนาม หนึ่งคนอยู่ด้านหน้า อีกคนอยู่ด้านหลัง แบกผมกลับไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ของมังกรเงิน เมื่อมาถึงลานหน้าวิหาร ผมก็ส่งสัญญาณให้พวกเขาวางผมลง
“ไม่เป็นไรพะยะค่ะ องค์ชาย พวกเรายกท่านขึ้นไปข้างบนได้” หนึ่งในทหารกล่าวด้วยความสุภาพ
ผมโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ผมเดินขึ้นไปเองได้”
แม้ว่ามานาของผมจะหมดเกลี้ยงภายในครึ่งชั่วโมง ทำให้เหนื่อยล้าแทบหมดสภาพ แต่การถูกหามขึ้นเปลเข้าไปในวิหารแบบนั้น…ผมทำใจไม่ได้จริง ๆ
ถ้าลูกสาวของผมมาเห็นภาพแบบนั้นเข้า พวกเธอคงคิดว่าพ่อบาดเจ็บสาหัสแน่ ๆ
ในแง่หนึ่ง ผมเป็นคนที่มีนิสัยชอบแสดงความเข้มแข็งอยู่บ้าง ผมเชื่อว่าในฐานะพ่อที่ดี หรือ…สามีที่ดี ไม่ว่าจะผ่านอะไรมาแค่ไหนข้างนอก พอก้าวผ่านประตูบ้าน ผมต้องอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเสมอ
ถ้าเป็นสมัยอดีต วีรกรรมล่าสุดที่จัดการราชามังกร ผมอาจจะอวดเขามังกรของคอนสแตนตินให้พวกพ้องดู พลางคุยโวว่า “เป็นไง โคตรเจ๋งเลยใช่มั้ยล่ะ!” พร้อมรับสายตาอิจฉาจากทุกคนอย่างภาคภูมิใจ แต่ตอนนี้ สิ่งเดียวที่ผมอยากทำ…คือกลับไปกอดโนอาและมูน แล้วดูแลภรรยาที่กำลังคลอดลูกอยู่
เมื่อถอดเกราะออก ปล่อยพลังสายฟ้าให้จางหายไป เขาก็กลับมาเป็น “คุณพ่อที่ดี” ของลูกสาว และ…สามีกำมะลอของรอสไวส์
เคร้ง—
เสียงรองเท้าเหล็กกระทบกับขั้นบันไดหินของวิหารดังก้อง ขณะที่เขาก้าวเดินอย่างช้า ๆ หนักหน่วง
เมื่อเข้าสู่วิหาร ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องบรรทมของรอสไวส์ เขาก็ถอดชุดเกราะดำทองออก แล้ววางไว้ชั่วคราวในห้องเด็กข้าง ๆ
ถือว่าเป็นโอกาสให้ “สหายเก่า” ได้เห็นบ้านที่เขาอาศัยอยู่มาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาเสียด้วย
(เกราะรถศึกนิล: “ขอบใจมากจริง ๆ นะ”)
ผมอาศัยจังหวะนี้ล้างเลือดออกจากใบหน้าในห้องน้ำของห้องเด็ก
จะให้ลูกสาวตกใจตอนเห็นหน้าพ่อไม่ได้
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อย ผมก็เดินไปยังห้องนอนของรอสไวส์
แพทย์หลายคนยังคงล้อมอยู่รอบเตียงของรอสไวส์ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู โนอาก็ชะโงกหัวเล็ก ๆ ออกมาจากระเบียง พอเห็นว่าเป็นผม เธอก็รีบดึงมือของมูนแล้ววิ่งเข้ามา
“พ่อคะ!”
เจ้ามังกรน้อยทั้งสองโผเข้ากอดผมจากทั้งสองข้าง ซุกหน้าลงที่เอวของผม ผมซึ่งแทบยืนไม่ไหวต้องพยายามประคองตัวแล้วโอบกอดพวกเธอกลับให้ได้มากที่สุด ผมลูบหัวลูกทั้งสองคนแล้วถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า “พ่อเท่มั้ยลูก?”
“เท่ เท่มาก! พ่อเท่ที่สุดในโลกเลย!”
โนอาปล่อยคำชมออกมารัว ๆ อย่างตื่นเต้น
มูนที่กำลังสั่นพู่ผมเล็ก ๆ บนหัวก็เสริมขึ้นมา “พ่อคือมังกรที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองที่มูนเคยเห็นเลย!”
ผมกระพริบตาแป๊บหนึ่ง “แล้วอันดับหนึ่งเป็นใครล่ะ?”
“ก็แม่ไงคะ เพราะพ่อฟังแม่ทุกอย่างเลย” มังกรน้อยพูดด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง
ผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลไม่ใช่ซูเปอร์ไซย่า…แต่คือภรรยาของซูเปอร์ไซย่า—เออ ก็สมเหตุสมผลดีเหมือนกันนะ
แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็อดรู้สึกแปลกใจเล็ก ๆ ไม่ได้ — ผมนี่ดูเหมือนคนที่กลัวภรรยาข่มขนาดนั้นเลยเหรอ? ไม่มีทางหรอก เราสองคนเท่าเทียมกันนะ ผมยังเคยชนะเธอแบบตัวต่อตัวตั้งหลายครั้งด้วย
ผมหันไปมองที่ห้องนอน แพทย์ที่ล้อมอยู่ข้างเตียงต่างก็ถอยออกอย่างเคารพ เสียงร้องของทารกบนเตียงใหญ่ดูเหมือนจะประกาศทุกอย่างให้โลกรู้ ลูกสาวทั้งสองยอมปล่อยมือจากผมอย่างว่าง่าย
ผมก้าวเข้าไปใกล้เตียง หญิงงามผมสีเงินนอนอ่อนแรงอยู่บนนั้น เส้นผมบางส่วนยุ่งเล็กน้อย เกาะอยู่ตามแก้มของเธอ ข้างกายเธอคือทารกที่เพิ่งเกิด ถูกห่อด้วยผ้าห่มอย่างอบอุ่น
หัวใจของผมพองโตไปด้วยความโล่งใจและความปีติ ผมก้าวเข้าไปใกล้อย่างระมัดระวัง ดวงตาค่อย ๆ อ่อนลงเมื่อมองไปยังรอสไวส์และลูกน้อย
บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยความสงบและการเริ่มต้นใหม่ ผมคุกเข่าลงข้างเตียง ลูบเส้นผมที่ปรกแก้มของรอสไวส์ออกอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะมือน้อย ๆ ของทารกแรกเกิดอย่างอ่อนโยน
“ยินดีต้อนรับสู่โลกใบนี้นะ” ผมกระซิบเบา ๆ เต็มเปี่ยมด้วยความซาบซึ้งที่มีครอบครัวอยู่เคียงข้าง
เสียงร้องของเด็กทารกดังต่อเนื่องไปทั่วทั้งห้อง ดูดกลืนอากาศบริสุทธิ์ของโลกใบใหม่นี้อย่างกระตือรือร้น แสงแรกของวันสาดส่องผ่านหน้าต่าง ขณะที่สายลมยามเช้าพัดม่านบางให้พลิ้วไหว
ท่ามกลางเสียงร้องเหล่านั้น ดวงตาสีดำและสีเงินสบตากันนิ่ง — ประสานเข้าหากันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยวาจา
ในขณะนั้น ถ้อยคำใด ๆ ก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป
เพียงแค่การมองตากัน ก็เพียงพอที่จะมอบความอบอุ่นและความเข้าใจ…ที่เหนือกว่าคำพูดใด ๆ
บท 162: ปากของคุณพ่อแข็งมากเลยเหรอ? คลิกอ่านที่นี่
เหล่าแพทย์ต่างก็ถอยออกจากห้องบรรทมของรอสไวส์อย่างเงียบเชียบ
เจ้าตัวน้อยทั้งสองก็นั่งรออยู่อย่างว่าง่าย มอบช่วงเวลาแห่งความสงบที่หายากนี้ให้กับพ่อแม่ของพวกเธอ
ข้างเตียงใหญ่ หนึ่งบุรุษ หนึ่งมังกรสบตากันนิ่ง
หลังจากสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของผมก็ค่อย ๆ หันไปยังทารกน้อย
ผมอ้าปาก เตรียมจะเอ่ยถามบางอย่าง
แต่คำถามมันมีมากเกินไป จนในช่วงเวลานั้น ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
เมื่อสิบนาทีก่อน ผมยังเป็นเทพแห่งสงครามที่เด็ดขาดบนสนามรบ แต่ตอนนี้ พออยู่ต่อหน้าภรรยาและลูกน้อย กลับรู้สึกลังเลและระมัดระวังอย่างประหลาด
เพราะผม…ไม่เคยต้อนรับการถือกำเนิดของชีวิตใหม่มาก่อนเลย
พูดกันตามตรง นี่น่าจะถือเป็นครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับความรู้สึกตื่นเต้นแบบ “ผมเป็นพ่อคนแล้วจริง ๆ”
เพราะตอนโนอากับมูนเกิด ผมยังอยู่ในอาการโคม่า
ครั้งแรกที่ได้เห็นมูน มันให้ความรู้สึกราวกับว่า “อยู่ดี ๆ ก็กลายเป็นพ่อ” ซึ่งแตกต่างจากความรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้ต้อนรับเด็กคนนี้ด้วยตัวเองโดยสิ้นเชิง
แน่นอนว่า ผมไม่มีวันลำเอียงรักลูกคนใดคนหนึ่งมากกว่ากันแน่ ความรักที่ผมมีให้ลูกสาวทั้งสองนั้นเท่าเทียมและบริสุทธิ์
แต่ตอนนี้ ผมต้องหาวิธีปรับสภาพจิตใจของตัวเอง และหาคำพูดที่เหมาะสมจะพูดออกมาให้ได้
พอเห็นท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ของผมที่ไม่รู้จะเริ่มยังไง รอสไวส์ก็ยิ้มอ่อนออกมา แล้วตัดสินใจเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน
“เราได้ลูกสาวนะ”
ดวงตาของผมเป็นประกายทันที “อ้อ…นั่นมัน…ยอดเยี่ยมมากเลยนะ”
ลูกสาวคือแก้วตาดวงใจ ลูกสาวคือสิ่งวิเศษ ลูกสาวคือน้ำผึ้งหวานในหัวใจของคุณพ่อ
แม้ที่บ้านจะมีเจ้าหวานใจตัวน้อยอยู่แล้วถึงสองคน แต่บนโลกนี้ไม่มีพ่อคนไหนที่ปฏิเสธเจ้าตัวเล็กอีกคนได้หรอก
ภายนอกผมอาจดูสงบ แต่ในใจตอนนี้ดีใจจนอยากจะขุดคอนสแตนตินขึ้นมาจากหลุมแล้วฆ่าอีกรอบเลยด้วยซ้ำ
“อยากอุ้มไหม?” รอสไวส์ถาม
ผมรีบตั้งตัว ปัดฝุ่นกับรอยเลือดออกจากตัวอย่างลนลาน
รอสไวส์ยิ้มบาง ๆ “ไม่เป็นไรหรอก ลูกสาวตัวน้อยของเราคงไม่ถือเรื่องรูปลักษณ์ของคุณพ่อหรอก จริงไหม? มาเถอะ อุ้มหน่อยสิ ฉัน—”
เธอพยายามจะลุกขึ้นเพื่ออุ้มลูกแล้วยื่นให้ผม แต่เพราะยังอ่อนแรงจากการคลอด แม้แต่จะนั่งก็ยังลำบาก สุดท้ายรอสไวส์ก็ต้องยอมแพ้ “อา…ฉันนั่งไม่ไหวแล้วล่ะ งั้นนายมาอุ้มแทนก็แล้วกัน อุ้มเด็กเป็นใช่ไหม?”
“ผะ…ผมไม่เคยเรียนเลย”
รอสไวส์ปรายตามองเขาอย่างขี้เล่น “นายเนี่ยนะ… เดี๋ยวฉันจะสอนเอง”
มูนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อยากจะยกมือขึ้นบอกว่า พ่อมักจะอุ้มเธอบ่อย ๆ แต่พอคิดได้ว่าน้องสาวคนใหม่น่าจะตัวเล็กต่างจากเธอ แถมพ่อก็ดูอยากให้แม่เป็นคนสอนจริง ๆ เธอจึงเลือกที่จะเงียบไว้
ก็ในเมื่อเธอกลายเป็นพี่สาวแล้ว คำพูดนั้นว่าไงนะ?
อ้อ ใช่…ต้องรู้จักอยู่เป็น!
“ก่อนอื่น นายต้องใช้มือข้างหนึ่งประคองที่คอเด็ก อีกข้างก็ประคองก้น จากนั้นก็ค่อย ๆ ให้น้องนอนในอ้อมแขน” รอสไวส์อธิบาย
ผมทำตามคำแนะนำของเธออย่างระมัดระวัง พลางพูดว่า “ดูคล่องมากเลยนะ…”
“คิดว่าผู้หญิงที่เลี้ยงลูกแฝดมาก่อนจะไม่รู้วิธีอุ้มเด็กหรือไง?”
“ผมชมอยู่นะ”
ผมค่อย ๆ ยกตัวลูกสาวขึ้นตามคำแนะนำของรอสไวส์ ปล่อยให้น้องนอนพิงอยู่ในอ้อมแขนของผมอย่างพอดี
จริง ๆ แล้ว สำหรับคุณพ่อที่มีลูกคนที่สอง การอุ้มเด็กทารกแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่สำหรับผมแล้ว มันแทบจะยากพอ ๆ กับการสังหารมังกรครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ
ถ้ามองจากข้างนอก ตอนนั้นคงเหมือนผมกำลังอุ้มแท่งระเบิด TNT มากกว่าทารกน้อยด้วยซ้ำ แต่รอสไวส์ก็ไม่ได้ล้อเลียนอะไรผม เพราะในช่วงเวลาแบบนี้ มันก็ต้องอดทนกับนักล่ามังกรหัวทื่อสักหน่อย
เธอเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ จนผมเริ่มคุ้นชินกับการอุ้มทารก แล้วจึงถามว่า “รู้สึกยังไง? ง่ายกว่าที่คิดไหมล่ะ?”
ผมพยักหน้าเบา ๆ
ตัวลูกเบา แต่ในอ้อมแขนของผม เธอกลับรู้สึกหนักราวกับภูเขา แก้มกลมนุ่มนิ่มของเธอน่ารักน่าเอ็นดู และเมื่อได้ซุกอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ เสียงร้องไห้ของเธอก็ค่อย ๆ เงียบลงทีละน้อย
ผมรู้สึกปีติอย่างล้นใจ รอสไวส์พูดถูกจริง ๆ — ตอนโนอากับมูนยังเป็นทารก และมักร้องไห้ไม่หยุด รอสไวส์ก็มักจะเอาตัวพวกเธอมาวางข้างผม แม้ตอนนั้นผมยังอยู่ในอาการโคม่า พวกเธอก็ยังหยุดร้องได้อย่างน่าอัศจรรย์ และตอนนี้ ลูกคนเล็กก็เป็นเหมือนกัน
ดูเหมือนว่า…ผมจะมอบความรู้สึกปลอดภัยให้กับทุกคนรอบตัวได้เสมอ
เมื่อมองไปที่ลูกสาวตัวน้อยในอ้อมแขนอยู่นาน ผมก็พูดขึ้นว่า “หน้าคล้ายผมนะ”
รอสไวส์: “หืม?”
“ไม่เห็นจะใช่เลย ชัด ๆ ว่าหน้าคล้ายฉันมากกว่า”
“โธ่ เธอน่ะเพิ่งคลอด หัวคงยังเบลอ ๆ อยู่ ลูกเราหน้าคล้ายผมชัด ๆ” ผมเถียงกลับด้วยเหตุผลแน่นหนา
“นายนี่มัน…!”
ก็ได้ ๆ คาสโมดก็ไม่เลวเท่าไหร่ เห็นแก่ที่นาย เอ่อ… พยายามปกป้องบ้านอย่างเต็มที่ คราวนี้จะยกโทษให้ก็แล้วกัน แต่เรื่องลูกคนถัดไปน่ะ—
เดี๋ยวนะ ลูกคนถัดไปอะไรกัน ไม่มี ไม่มีเด็ดขาด!
รอสไวส์รีบมุดกลับเข้าไปใต้ผ้าห่ม ซ่อนใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง โผล่ออกมาเพียงดวงตาคู่สวยกับปลายจมูกเล็ก ๆ
“อ้อ จริงสิ”
เสียงของรอสไวส์อู้อี้ลอดออกมาจากใต้ผ้าห่ม
“หืม?”
ผมตอบรับโดยที่สายตายังคงจับจ้องไปที่เจ้าตัวน้อยอย่างเต็มที่ แม้จะตอบรับ แต่สายตาไม่ละจากลูกแม้แต่นิด
“เจ้ามังกรบ้าคอนสแตนตินล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”
“อุแว้~ เรียกพ่อหน่อย~ เร็วสิ~ พ่ออออ~~~”
ลูก: หนูดูเหมือนพูดได้ตอนนี้เหรอ? แบบนี้มันกดดันเกินไปแล้วนะ พ่อ…
รอสไวส์กลอกตาเบา ๆ โดยไม่พูดอะไร “ลีออน นาย ฉันถามอยู่นะ สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? นาย…ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
จริง ๆ แล้วเธอพยายามจะวกกลับเข้าประเด็นเพื่อจะถามว่า “ลีออน นายเจ็บตรงไหนไหม?” แต่ผู้ชายคนนี้มัวแต่จ้องลูกสาวตัวน้อยจนไม่ละสายตาไปไหนเลย
เป็นไงล่ะ…สมน้ำหน้า ทาสลูกสาวเข้าไปเต็ม ๆ!
“ผมไม่เป็นไร ส่วนคอนสแตนติน…ก็แค่จัดหนักจนตาย”
“ก็แค่จัดหนักจนตาย…”
รอสไวส์พึมพำอย่างไม่เชื่อหู ก่อนจะอดทึ่งในความสามารถของลีออนตอนอยู่ในช่วงพีคไม่ได้
หลังจากสังหารราชามังกรอย่างคอนสแตนตินได้โดยแทบไม่บาดเจ็บ แล้วกลับบ้านมากอดลูกสาว แหย่ภรรยา ปลอบลูกคนที่สอง—สำหรับลีออนแล้ว มันก็แค่เรื่องกล้วย ๆ
ผู้ชายประเภทนี้ที่แข็งแกร่งจนเกือบผิดธรรมชาติ… คิด ๆ ดูแล้ว เว้นเสียแต่จะหาหนอนบ่อนไส้มาแทงข้างหลัง ไม่งั้นก็แทบไม่มีทางเอาชนะเขาได้ซึ่ง ๆ หน้าเลยจริง ๆ
“ดูจมูกนี่สิ ดูหูนี่สิ ปากนี่อีก—” ลีออนกำลังเล่นเกมจับคู่ความเหมือนอยู่ข้าง ๆ
รอสไวส์กะพริบตา “มีอะไรหรือ?”
“ไม่ว่าจะมองมุมไหน ลูกก็หน้าคล้ายผมชัด ๆ” ผมยิ้มอย่างภูมิใจในความเป็นพ่อ
รอสไวส์แทบจะกลอกตาจนลูกตาทะลุขึ้นไปบนฟ้า “ถ้าจะบอกว่าคล้ายตรงส่วนอื่นฉันก็พอรับได้ แต่ว่าปากเนี่ย…อย่าให้เหมือนนายเลยจะดีกว่า”
“ทำไมล่ะ?”
“ปากของนายมันแข็งขนาดไหน ใคร ๆ ก็รู้ จะมีประโยชน์อะไรล่ะ?”
“ปากแข็งเหรอ? ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ผมหันไปมองลูกสาวสองคนที่แอบฟังอยู่แถวระเบียง “โนอา มูน พ่เป็นคนปากแข็งเหรอ?”
โนอา & มูน: (๑‾ ꇴ ‾๑) อื้ม ๆ!
“…ลูกไม่รู้อะไรซะแล้ว ดูเลยนะ น้องสุดท้องนี่แหละจะพูดความจริงให้ฟัง”
พูดจบ ผมก็ก้มหน้าลงมองลูกสาวคนเล็กด้วยความเอ็นดูและพอใจ “ลูกต้องเข้าข้างพ่อเสมอนะ รู้ไหม?”
ทันทีที่พูดจบ เด็กน้อยที่เพิ่งหยุดร้องเมื่อครู่ ก็ร้องจ้าออกมาอีกครั้งทันที “แว้~ แว้~~”
ลีออน: ?
ก็ได้ ๆ ดูเหมือนว่าคาสโมดจะผิดเสมออีกตามเคย
ว่าไปลูกคนต่อมางั้นเหรอ?
งั้นเรามาลองดูกันหน่อยก็แล้วกัน ว่าจะผมจะมีลูกคนถัดไปอีกมั้ย
แค่นี้มันก็เหมือนกับการสุ่มกาชานั่นแหละ — พวกมนุษย์อย่างเราเก่งเรื่องนี้จะตายไป
บท 163: ยีนมังกร! คลิกอ่านที่นี่
แพทย์ตรวจร่างกายของรอสไวส์อย่างละเอียด และหลังจากยืนยันว่าไม่มีอาการผิดปกติใด ๆ ก็ได้ทิ้งยาหลายขนานไว้เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกาย พร้อมกับคำแนะนำสำหรับการดูแลหลังคลอด ก่อนจะขอตัวกลับไป
เจ้ามังกรน้อยทั้งสองก็เลิกซุบซิบกัน แล้วรีบวิ่งเข้ามาใกล้เตียงอย่างตื่นเต้น เพื่อดูหน้าน้องสาวคนใหม่
“ตัวเล็กจัง! เหมือนจะต่อยปลิวได้เลย” โนอาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอย่างเหลือเชื่อ
ผมรู้ว่าเธอแค่อยากจะเน้นว่า “เล็กมาก” แต่คำที่ใช้มันดู…เป็นมังกรเกินไปหน่อยไหม?
“พี่โนอา อย่าทำให้น้องตกใจสิ” มูนก้มมองน้องแล้วเสริมว่า “ต่อยทีเดียวอาจไม่พอ อาจต้องสองทีเลยนะ”
เอาล่ะ ๆ พวกเธอสองคนก็ได้แต่แกล้งน้องสาวที่ยังฟังไม่รู้เรื่องไปก่อนเถอะ ถ้าเธอฟังออกได้ล่ะก็…ป่านนี้คงคว้าสายสะดือที่เพิ่งตัดไปฟาดพวกพี่เรียบร้อยแล้ว
ในห้องบรรทมเวลานี้ รอสไวส์นอนตะแคงอยู่บนเตียง ลีออนนั่งอยู่ที่ขอบเตียงพร้อมอุ้มลูกสาวคนเล็กไว้ในอ้อมแขน ส่วนลูกสาวทั้งสองคนก็กอดอยู่คนละข้าง
ครอบครัวทั้งห้าคน…ช่างอบอุ่นกลมกลืนเสียจริง
มูนเขย่งปลายเท้า เอื้อมมือไปหยิกแก้มของน้องสาวเบา ๆ
นุ่มนิ่ม แถมยังมีกลิ่นเด็กอ่อนจาง ๆ
ดวงตาของมูนเป็นประกายทันทีเมื่อมีไอเดียผุดขึ้นมา “พี่ แม่ พ่อ! พวกเราตั้งชื่อน้องสาวกันเถอะ!”
“แล้วมูนอยากตั้งชื่อน้องว่าอะไรเหรอ?” ผมหันไปถามด้วยรอยยิ้ม
ช่วงที่รอสไวส์ตั้งครรภ์ ผมกับเธอก็เคยคุยกันเรื่องชื่อลูกเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่เจอชื่อไหนที่รู้สึกว่า ‘ใช่’ จริง ๆ สักที
จนถึงตอนนี้ ลูกก็ลืมตาดูโลกแล้ว แต่พวกเราก็ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้เธอเลย แต่ไหน ๆ มูนก็พูดขึ้นมาแล้ว งั้นก็ลองช่วยกันคิดชื่อเป็นครอบครัวไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน
มูนกระพริบตากลมโต ลูบคางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตั้งชื่อว่าสตาร์ดีไหม~ เพราะชื่อมูนแปลว่าพระจันทร์ งั้นน้องสาวก็ชื่อสตาร์~ เป็นดวงดาว จะได้เข้าคู่กัน!”
มีเหตุผลดี…ก็จริงอยู่ ฟังดูเข้ากันดีไม่น้อยเลย แต่ไม่ว่าจะเป็นคำว่า “สตาร์” โดยตรง หรือจะเล่นเสียงพ้องกับคำอื่น มันก็ยังไม่ดูเหมาะจะเป็นชื่อเจ้าหญิงแบบเป็นทางการสักเท่าไหร่ ถ้าเป็นชื่อเล่นก็คงพอได้อยู่
“สตาร์ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่นะ” โนอาว่า
มูนยู่หน้า “งั้นพี่ล่ะ จะตั้งชื่อว่าอะไร?”
“ก็…ชื่อของโนอามาจากชื่อวีรบุรุษโบราณของเผ่ามังกรในภาษาอังกฤษว่า ‘โนอาห์’ งั้นชื่อน้องก็ใช้เสียงพ้องของวีรบุรุษอีกคนละกัน”
โนอาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “งั้น…บลาซซ์ (Blaze) ดีไหม?”
มูนทำหน้าจริงจังประเมินทันที “ฟังดูเหมือนชื่อคนป่าเลยนะ พี่โนอา”
“คนป่าตรงไหนกันล่ะ?”
“มันเถื่อนมากเลย ไม่เพราะเหมือน ‘สตาร์’ ของฉันหรอก”
“บลาซซ์!”
“สตาร์!”
“บลาซซ์!”
“สตาร์~~~”
แล้วทั้งคู่ก็หันมามองที่ผมพร้อมกัน
“พ่อออออ~!”
“หืม? เอ่อ…มีอะไรเหรอ?”
ลีออนสะดุ้งเฮือก จนเกือบจะทำลูกสาวในอ้อมแขนหล่น
“พ่อคิดว่าแบบไหนดีกว่ากัน สตาร์หรือบลาซซ์?” ลูกสาวถามพร้อมกัน
ผมเม้มปาก จริง ๆ แล้วคิดว่าทั้งสองชื่อมันก็ดูธรรมดาไปหน่อย อย่างที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ “สตาร์” ฟังดูไม่มีความหมายลึกซึ้งเท่าไหร่ แถมการออกเสียงก็ไม่เหมาะจะใช้เป็นชื่อจริงสักเท่าไหร่
ส่วน “บลาซซ์” นั้น…ช มันก็ไม่ฟังดูเหมือนชื่อผู้หญิงเลยสักนิด
แต่เพราะไม่อยากทำลายความกระตือรือร้นของลูกสาวทั้งสอง ผมจึงแอบชำเลืองมองรอสไวส์เพื่อขอความช่วยเหลือ
ในฐานะราชินี เธอย่อมเข้าใจความคิดของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่แล้ว หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็พูดกับลูกสาวทั้งสองว่า
“การตั้งชื่อน่ะ เป็นเรื่องสำคัญมากนะ พ่อกับแม่เองก็คิดกันมานานแล้วยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะงั้นเรื่องนี้…ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”
มูนเอียงตัวเข้าไปใกล้พี่สาว พูดเสียงแผ่วพร้อมเล่นนิ้วตัวเองไปด้วย “เข้าใจแล้วค่ะ แม่”
โนอาค่อย ๆ ดึงหางเล็ก ๆ ของมูนเบา ๆ แล้วเอาแก้มไปถูเป็นการปลอบ นับว่าเรื่องถกเถียงเล็ก ๆ เกี่ยวกับชื่อน้องเมื่อครู่ถูกเคลียร์กันเรียบร้อย
แม้จะเติบโตขึ้นและมีประสบการณ์มากขึ้น พวกเธอก็ยังหลีกเลี่ยงความเห็นต่างกันไม่ได้อยู่ดี แต่เรื่องแค่นี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะความคิดเป็นของตัวเองก็ดีเหมือนกัน และในฐานะพี่น้องฝาแฝด พวกเธอก็ไม่ถึงขั้นจะทะเลาะกันจริงจัง
ทั้งผมกับรอสไวส์ต่างก็ไว้ใจในนิสัยของลูกสาวเรา
“ถึงพวกเราจะยังตั้งชื่อน้องไม่ได้ แต่ช่วยพ่อกับแม่หน่อยได้ไหม ว่าน้องหน้าคล้ายพ่อหรือแม่มากกว่ากัน?” ผมถือโอกาสเปลี่ยนเรื่องทันที
แน่นอนว่า ผมเลือกเปลี่ยนไปเป็นประเด็นที่ไม่ขัดแย้งมากระหว่างผมกับรอสไวส์
รอสไวส์นอนอยู่บนเตียง กลอกตาเงียบ ๆ ถ้าไม่ติดว่าเธอยังอ่อนแรงอยู่ตอนนี้ เธอคงเถียงกลับไปแล้วแน่นอน
ไม่อย่างนั้น ถ้าเป็นเรื่องนี้ละก็ ราชินีมังกรเงินไม่มีวันยอมแน่นอน! ก็เพราะยีนมังกรมันเท่จะตายไป!
“เด็กเพิ่งเกิดใหม่ ๆ มันยังดูไม่ค่อยออกหรอก ว่าหน้าจะเหมือนใคร” รอสไวส์เว้นจังหวะเล็กน้อย แล้วเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เธอจึงเสริมขึ้นว่า “แต่นายลองดู…หางของเธอสิ~”
ร่างของผมแข็งทื่อทันที “หะ…หาง?”
พอเห็นปฏิกิริยาของผม รอสไวส์ก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ “ใช่ หางน่ะ ลูกสาวตัวน้อยของเรามีหางมังกรน่ารัก~~สุด ๆ ไปเลย~”
ผมยังจำได้แม่นถึงครั้งแรกที่เคยเถียงกับรอสไวส์เรื่องว่าโนอากับมูนหน้าเหมือนใครมากกว่ากัน ตอนนั้นผมยกสารพัดเหตุผลเชิงตรรกะเกี่ยวกับลักษณะทางกายภาพของลูกขึ้นมาอธิบาย หวังว่าจะทำให้เจ้ามังกรตัวนี้ยอมรับว่าลูกเหมือนผมมากกว่า
แล้วผลล่ะ? รอสไวส์แค่พูดว่า “พวกเธอมีหาง” แค่นั้น ผมก็จนมุมแล้ว…
ดังนั้นระหว่างที่รอสไวส์ตั้งครรภ์ ผมจึงพยายามอย่างขันแข็งในการสอดแทรกวัฒนธรรมมนุษย์ให้กับลูกสาวในท้อง ผ่านการสื่อสารก่อนคลอด หวังว่าเมื่อคลอดออกมา เธอจะมีลักษณะของมนุษย์มากขึ้นบ้าง แต่สุดท้าย…ยีนของมังกรก็ยังเหนือกว่าใช่ไหม!?
ไม่!! ไม่มีทาง!!
“พ่อ~ พ่อ~ พวกเราอยากเห็นหางของน้องด้วย~” มูนกระโดดดึ๋ง ๆ อย่างตื่นเต้น
ผมถอนหายใจในใจ หางก็แค่หาง…แต่ถ้ามีลูกคนถัดไปเมื่อไหร่ คราวนั้นล่ะก็ จะต้องทวงคืนศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ให้ได้!
คิดได้ดังนั้น ผมก็ค่อย ๆ วางลูกสาวลงบนเตียงอย่างระมัดระวัง แล้วค่อย ๆ แกะผ้าห่มที่พันร่างเธออยู่ออกทีละชั้น
เมื่อผ้าห่มถูกเปิดออก ทั้งสามก็เห็นหางสั้น ๆ ที่ขยับยุกยิกอยู่ใต้กระดูกสันหลังของเจ้าตัวน้อย ดูคล้ายดักแด้ก้อนโต — นั่นคือคำเปรียบเทียบที่ง่ายที่สุดที่มนุษย์อย่างผมจะนึกออกได้
ก็แน่ล่ะ…ผมเองไม่เคยมีหางมาก่อนนี่นา มูนกับโนอาโน้มตัวมองข้ามขอบเตียง เขย่งปลายเท้าเพื่อจะมองหางของน้องสาวให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ดวงตาของมูนเป็นประกายแทบจะกลายเป็นรูปดาว ปากก็อ้ารับความน่ารักของหางน้องเป็นรูปตัว “โอ”
“น่ารักมากเลย! อยากแตะดูจัง!”
เธอค่อย ๆ เอื้อมมือออกไป ยื่นนิ้วชี้ไปแตะหางของน้องเบา ๆ หางนั้นนุ่มและยืดหยุ่นดี แถมยังมีสัมผัสน่ารักน่าจับอีกต่างหาก ระหว่างที่มูนแตะ หางก็กระตุกเล็กน้อย แล้วเจ้าตัวน้อยก็ส่งเสียงอือเบา ๆ ออกมา
“ว้าว~~ สนุกจังเลย~~” มูนปรบมือชื่นชม
แต่ผมกลับขมวดคิ้ว ขณะมองหางของลูกสาวคนเล็ก “สีมัน…ทำไมถึงต่างจากโนอากับมูนล่ะ?”
โนอากับมูนต่างก็มีหางสีเงินเหมือนกับรอสไวส์ แต่หางของลูกคนเล็กกลับ…อมชมพู?
ครึ่งชั่วโมงก่อน ตอนที่หมอทำความสะอาดเด็กเสร็จแล้วอุ้มมาวางข้างรอสไวส์ เธอก็สังเกตเห็นจุดนี้เหมือนกัน แต่ตอนนั้นคิดว่าอาจเป็นเพราะแสงไฟ ทว่าในตอนนี้เป็นช่วงเช้าแล้ว แสงธรรมชาติชัดเจน แต่หางของลูกก็ยังดูเหมือนมีสีชมพูอยู่?
“ให้ฉันดูหน่อย” รอสไวส์พูดขึ้น
ผมอุ้มลูกไปวางใกล้หมอนของรอสไวส์ เธอก้มลงมอง แล้วก็เห็นจริงตามที่คิด — หางของลูกมีสีชมพูอมอ่อน
“แต่มันก็ไม่ใช่ชมพูจ๋าสักทีเดียวนะ…”
รอสไวส์ใช้นิ้วบีบปลายหางของเจ้าตัวน้อยเบา ๆ บริเวณนั้นมีเกล็ดเล็ก ๆ สีแดงไม่กี่แผ่น เธอพึมพำว่า “มันเหมือนจะเป็น…แดงจาง ๆ มากกว่า”
แดงงั้นเหรอ?
ผมสะดุ้งเล็กน้อย ราวกับเพิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง สาวใช้คนหนึ่งก็เข้ามารายงานจากหน้าห้อง “ฝ่าบาท องค์ชาย เจ้าหญิงอิซาเบลลาเสด็จมาถึงแล้วเพคะ”
บท 164: ป้าตัวปั่น คลิกอ่านที่นี่
หลายชั่วโมงก่อน หลังจากได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือจากเผ่ามังกรเงิน อิซาเบลลาก็รีบจัดทัพองครักษ์ของตนออกเดินทางไปช่วยเหลือทันที
แต่พอข้ามพรมแดนของอาณาเขตมังกรแดงได้ไม่นาน ก็ต้องเผชิญกับการสกัดกั้นจากเผ่ามังกรเพลิงชาด
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่ได้มีเจตนาจะเปิดศึกโดยตรง พวกเขาเอาแต่คอยวนเวียนหลีกเลี่ยงการปะทะกับกองกำลังของอิซาเบลลาอยู่ตลอดเวลา
เหมือนพวกแมลงวันน่ารำคาญ—ไม่กัด แต่ทำให้คนหงุดหงิดจนอยากบ้าตาย ถึงแม้ว่าอิซาเบลลาจะมีพลังระดับราชามังกร เธอก็ไม่อาจหาวิธีจัดการกับพวกนี้ที่เอาแต่วนเวียนไปมาไม่สู้ไม่ถอยได้เลย เผ่ามังกรเพลิงชาดเกาะติดเธอกับทหารมังกรแดงเหมือนกาวแน่นหนึบ
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ขณะที่อิซาเบลลายิ่งร้อนใจขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสถานการณ์ชักจะวิกฤต หากยิ่งช้า ความเสี่ยงต่ออันตรายของน้องสาวเธอก็ยิ่งสูงขึ้น
มังกรที่อยู่ในช่วงคลอด แม้จะเป็นราชินีมังกร ก็ยังอยู่ในสภาพที่เปราะบางอย่างยิ่ง หลานสาวตัวน้อยสองคนของเธอก็ยังเล็กเกินกว่าจะต่อสู้ได้ แต่ถึงแม้พวกเธอจะสู้ไหว เธอก็ไม่มีวันยอมให้ลูกไปรบแน่นอน
ส่วนพี่เขยของเธอ…แม้เขาจะเคยให้คำมั่นว่าจะปกป้องน้องโรส แต่อิซาเบลลาตอนนั้นก็เพียงแค่ต้องการคำปลอบใจจากเขาเท่านั้น ชายผู้นั้นที่ป่วยจนโคม่านานถึงสองปี ดูอ่อนแอขนาดนั้น อาจจะพอรับมือกับเรื่องที่ใช้สมองได้บ้าง แต่จะให้เขาลุกขึ้นจับดาบไปล่ามังกร—แบบนั้นมันก็คงจะเกินไปหน่อยแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าคอนสแตนตินลงมือด้วยตัวเองจริง ๆ พี่เขยของเธอคงไม่รอดแน่ ๆ พออิซาเบลลาคิดถึงจุดนี้มากเข้า ความวิตกกังวลก็ยิ่งถาโถมจนเธอเริ่มทำผิดพลาดบ่อยขึ้น เผ่ามังกรเพลิงชาดก็ฉวยโอกาสนั้นจนเกิดความสูญเสียขึ้นบ้าง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่อิซาเบลลากำลังจะระดมกำลังเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เพื่อฝ่าวงล้อมอยู่นั้น เผ่ามังกรเพลิงชาดกลับถอนกำลังออกไปอย่างกะทันหัน
อิซาเบลลาไม่มีเวลาคิดหาสาเหตุ รีบบินนำกองกำลังของตนมุ่งหน้าสู่ดินแดนของเผ่ามังกรเงินด้วยความเร็วเต็มที่ แต่ทันทีที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่เขตมังกรเงิน เธอก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยใบหนึ่ง—
ไม่สิ…จะว่า “ใบหน้า” ก็ไม่ถูกนัก ต้องเรียกว่า “หัว” ที่คุ้นเคยต่างหาก
หัวของคอนสแตนติน ราชามังกรเพลิงชาดขนาดมหึมา ถูกตัดออกมาพร้อมเขาที่หักไปหนึ่งข้าง หัวของเขาถูกแขวนไว้ที่ชายแดนของเผ่ามังกรเงิน เกล็ดของเขาค่อย ๆ หม่นหมองลงจากแรงลมและเม็ดทรายที่โหมกระหน่ำ
อิซาเบลลาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง คอนสแตนติน—ราชามังกรเพลิงชาดผู้เป็นที่เคารพสักการะของเผ่ามังกรมานับพันปี กลับถูกตัดหัวเช่นนี้?
เธอรู้ดีว่าน้องโรมีพลังแค่ไหน แม้จะยังเทียบไม่ได้กับราชามังกรโบราณอย่างคอนสแตนติน แต่ด้วยความได้เปรียบเรื่องภูมิประเทศและการได้ต่อสู้ในถิ่นของตน การปกป้องบ้านไม่ใช่เรื่องยาก
แต่การ “ตัดหัวคอนสแตนติน” ได้นี่สิ…เว้นเสียแต่เธอจะกรอกยาศักดิ์สิทธิ์อย่าง “พลังมังกร” เข้าไปสิบขวด ไม่อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
อิซาเบลลาจึงถามทหารเฝ้าเขตแดนว่า ใครเป็นคนสังหารคอนสแตนติน ทหารผู้นั้นตอบด้วยความภาคภูมิใจว่า “เป็นฝีมือองค์ชายเพคะ!”
“องค์ชาย?… พี่เขยของฉันน่ะเหรอ?!”
อิซาเบลลาทนไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพพี่เขยผู้แสนบอบบางของเธอกำลังเผชิญหน้ากับคอนสแตนตินแบบตัวต่อตัว…
…แต่เธอกลับจินตนาการไม่ออกเลย!
ไม่ได้การละ! เธอต้องรีบไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง
น้องโร…แต่งงานกับมังกรประหลาดแบบไหนกันแน่นะ?!
“วันนี้ฉันต้องรู้ให้ได้!”
“ว้ายยย~ เจ้าตัวน้อย~ หนูน่ารักอะไรอย่างนี้! ให้ป้าอุ้มหน่อยนะ จุ๊บ~ ม๊วฟ~~~”
ราชินีมังกรแดงผู้นี้ไม่สนอะไรทั้งนั้น! ตอนนี้เธอรู้แค่ว่า…หลานสาวทั้งสามคนของเธอน่ารักสุด ๆ ไปเลย!
มังกรแม่แห่งตระกูลเมลควี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนอารมณ์หน้าตาในพริบตา
ลีออนค่อย ๆ เข้าไปกระซิบข้างหูรอสไวส์ว่า “เมื่อกี้พี่เธอเข้ามาแบบดุดันมากเลยนะ ผมนึกว่าเธอจับได้แล้วว่าเรามีความลับอะไรบางอย่าง”
อิซาเบลลาเป็นคนหัวไว ระหว่างทางมาที่นี่ เธอต้องเห็นศพกับหัวของคอนสแตนตินแน่ ๆ แค่ถามนิดเดียวก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนสังหาร—ลีออน
แต่รอสไวส์ได้สร้าง “เรื่องราวฉากหลัง” ไว้ให้ลีออนแล้ว โดยบอกว่าเขามาจากเผ่ามังกรเล็ก ๆ ที่ถูกยุบไปแล้ว แถมยังอ่อนแอเป็นพิเศษ แล้วแบบนั้นจะเอาอะไรไปฆ่าคอนสแตนตินได้?
แน่นอนว่ามันต้องทำให้อิซาเบลลาสงสัย และนั่นคือเหตุผลที่ทั้งลีออนและรอสไวส์เป็นกังวลว่าอิซาเบลลาจะล่วงรู้ความลับที่แท้จริง ว่าลีออนเคยเป็นนักล่ามังกรมาก่อน
รอสไวส์มองดูน้องสาวของตัวเอง แล้วกระซิบกลับมาว่า “เธอคงตั้งใจจะถามว่านายฆ่าคอนสแตนตินได้ยังไงก่อนจะเข้ามาแน่ ๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า…เสน่ห์ของลูกสาวตัวน้อยของเรา มีพลังดึงดูดมากกว่าคอนสแตนตินอีกนะ”
ลีออนพยักหน้าเห็นด้วย
“อ้าว~ หลานน้อยของป้า หางของหนูทำไมสีคล้ายกับของป้าขนาดนี้ล่ะ?”
ในที่สุด อิซาเบลลาก็สังเกตเห็นสีของหางเจ้าตัวเล็ก
เธอยกหางของตัวเองขึ้นมา บีบปลายหางเบา ๆ แล้วเอาไปเทียบกับหางของเด็กน้อย ยื่นมาให้สองสามีภรรยาที่แยกกันนอนดูอย่างภาคภูมิใจ
“ดูสิ หางของหลานน่ะ สีคล้ายกับของป้าเลย แค่สีอ่อนกว่านิดหน่อย ถ้าโตขึ้นอีกหน่อย อาจจะเหมือนของป้าเป๊ะก็ได้นะ~”
สองสามีภรรยาพร้อมใจกันก้มหน้าลง เอามือปิดหน้า รู้สึกพูดไม่ออกกับสถานการณ์ตรงหน้าอยู่ชั่วขณะ
สงคราม “ลูกคนที่สองหน้าเหมือนใคร” ที่เถียงกันมาตลอดสิบเดือน…สุดท้ายก็กลายเป็นชัยชนะของคุณน้าซะอย่างนั้น!
“เงียบกันทำไมล่ะ? ไม่ใช่ชอบถกโหนกระแสกันเหรอ?” อิซาเบลลาถาม
“มะ…ไม่มีอะไรค่ะพี่ ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ…” รอสไวส์ตอบเสียงแผ่ว
“งั้นก็ดีแล้วล่ะ~”
อิซาเบลลาอุ้มเจ้าตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน แล้วเริ่มแกว่งเบา ๆ ไปมา
“เจ้าตัวน้อยเอ๋ย อยากไปอยู่กับป้าที่เผ่ามังกรแดงไหม~? ป้าน่ะจะไม่แต่งงานหรือมีลูกอีกแล้วนะ อีกสักร้อยปี…หนูจะได้เป็นราชินีมังกรแดงคนต่อไปไง~!”
“พี่ครับ! เดี๋ยวก่อน!”
ลีออนรีบพูดแทรกขึ้นทันที ถ้าไม่พูดอะไรตอนนี้ ลูกสาวสุดที่รักของพวกเขาอาจจะหลงกลคำหว่านล้อมของอิซาเบลลาในพริบตา
อิซาเบลลามองเขาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ แล้วยู่ปาก “ชิ พูดเล่นแค่นี้ ทำหน้าตื่นไปได้”
เธอวางเจ้าตัวน้อยกลับลงข้างรอสไวส์ แล้วถอนหายใจเบา ๆ จากนั้นก็ยืดตัวตรง กอดอกไว้ และมองสองสามีภรรยาอย่างพินิจพิเคราะห์
รอสไวส์นอนอยู่บนเตียง ส่วนลีออนก็นั่งอยู่ข้างหมอน บรรยากาศดูแปลก ๆ แต่ก็กลมกลืนกันอย่างน่าประหลาด สายตาของอิซาเบลลาสลับมองระหว่างรอสไวส์กับลีออนอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็มาหยุดที่ใบหน้าของลีออน
ลีออนกวาดตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะเกาศีรษะเบา ๆ “มีอะไรเหรอ พี่?”
“ไม่คิดเลยนะว่า…พี่เขยจะเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่แบบนี้”
หลังจากอุ้มหลานสาวอย่างปลาบปลื้มเสร็จแล้ว…ก็ถึงเวลาเข้าเรื่องจริงเสียที
“พี่หมายความว่ายังไงเหรอ?” ลีออนรู้สึกได้ถึงเค้าลางไม่ดี จึงแกล้งทำไขสือไปก่อน
“เฮ้อ…พี่เขย คุณฆ่าคอนสแตนตินได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องแกล้งถ่อมตัวอีกหรอกนะ”
อิซาเบลลาพูดพลางหันไปมองน้องสาวของตน
“น้องโร เธอน่ะ เคยบอกฉันไม่ใช่เหรอว่า ลีออนมาจากเผ่ามังกรเล็ก ๆ ที่ถูกยุบไปแล้ว แถมร่างกายยังอ่อนแอ เจ็บป่วยบ่อย ๆ พอแต่งงานกันได้ไม่ถึงเดือนก็ล้มป่วยจนโคม่าอีกต่างหาก”
สายตารอสไวส์หลบเลี่ยงเล็กน้อย ใบหน้าแฝงด้วยความเขินอาย
“ชะ-ใช่ค่ะ สุขภาพของลีออน…ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ใช่ไหมล่ะ? ใช่ไหมล่ะ? นายพูดสิ”
เธอสะกิดก้นลีออนเบา ๆ ใต้ผ้าห่มด้วยข้อศอก
ลีออนรีบพยักหน้าหงึก ๆ “ใช่ครับพี่สาว ช่วงนี้สุขภาพผมไม่ค่อยดีเลยครับ ต้องกินยาอยู่ตลอด”
“ยา? แล้วนายกินยาอะไร?”
เผลอพูดออกไปว่า “ยาบำรุงมังกร!”
อิซาเบลลาตาโตขึ้นมาทันที แล้วก็ส่ายหัวเบา ๆ “มังกรตัวผู้ธรรมดา ๆ จากเผ่าเล็ก ๆ อย่างนาย ต่อให้กินยาบำรุงมังกรทั้งโลก ก็ไม่มีทางฆ่าราชามังกรอย่างคอนสแตนตินได้หรอก
ยิ่งกว่านั้น น้องโรก็ตั้งท้องอยู่ ทำอะไรไม่ได้ แล้วนายจะกินยาแบบนั้นไปทำไม?”
ทีละขั้น ทีละคำถาม กดดันเข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมเหตุผลฟังขึ้นทุกประเด็น รอสไวส์ได้แต่กำผ้าห่มแน่นแล้วเอาผ้าห่มปิดหน้าจนมิด
แม้มันจะน่าอายที่หลบเลี่ยงคำถาม แต่ก็ยอมรับเถอะว่าได้ผล! ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในมือของสามีแล้ว!
อิซาเบลลาหันมามองลีออน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นที่มุมปาก เธอถามช้า ๆ อย่างจงใจว่า “บอกมาสิ พี่เขย…นายเป็นใครกันแน่?”
ส่วนโนอากับมูนที่ถอยไปยืนข้าง ๆ ดูสถานการณ์อย่างตื่นเต้นก็ได้แต่คิดในใจว่า—สนุกจังเลย! ป้าอิซาเบลลายังดั๊มหมัดคำถามไม่หยุดแล้วพ่อจะตอบยังไง!
บท 165: ดั้นสด คลิกอ่านที่นี่
สมองแปดคอร์ของลีออนกำลังประมวลผลอย่างเต็มกำลัง เขาพยายามทอคำอธิบายสารพัดในหัว แต่แม้ CPU จะเกือบควันขึ้นแล้ว ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะอธิบายยังไงให้ฟังขึ้นว่า “มังกรตัวผู้ที่อ่อนแอคนหนึ่งที่แต่งงานเข้าสกุลมังกรเงิน กลับเป็นคนที่ฆ่าราชามังกรเพลิงชาด คอนสแตนตินได้”
ผมเผลอบีบกางเกงตัวเองแน่น ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ พูดตรง ๆ ตอนออกรบครั้งแรกยังไม่ตื่นเต้นเท่านี้เสียอีก ถ้าจะว่าไปแล้ว…พี่คนนี้ดูน่ากลัวกว่าคอนสแตนตินเสียอีก
ความลับของ “ครอบครัวปลอม” ที่ผมกับรอสไวส์ร่วมกันสร้างขึ้น จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องตัวตนของผม อดีตของผม หรือความสัมพันธ์ที่เคยมีต่อรอสไวส์—เรื่องไหนหลุดออกไปก็เท่ากับเป็นหายนะต่อ “ครอบครัวมังกร” นี้ทั้งหมด
แม้อิซาเบลลาจะเป็นพี่สาวของรอสไวส์ ผมก็ไม่อาจไว้ใจได้ ยิ่งเพราะเธอเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันด้วยซ้ำ ถ้าอิซาเบลลารู้ว่า รอสไวส์แต่งงานกับมนุษย์ มีครอบครัว และมีลูกสาวถึงสามคน—ในฐานะมังกรเลือดบริสุทธิ์ ผมก็ไม่กล้ารับรองว่าเธอจะยอมรับเรื่องนี้ได้จริง ๆ
เขาไม่มีไพ่ในมือสักใบที่จะใช้เสี่ยงในเกมเดิมพันครั้งนี้ ถ้าเขาชนะ ทุกอย่างก็จะสงบสุข แต่ถ้าแพ้ล่ะ…ลูกสาวทั้งสามคนจะเป็นอย่างไร?
พวกเธอจะมองพ่อของตัวเองยังไง? พวกเธอจะรับความจริงได้ไหมว่า ตัวเองไม่ใช่มังกรเลือดบริสุทธ์? อนาคตของพวกเธอจะเต็มไปด้วยคำถามและสายตาดูแคลนหรือเปล่า?
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ไม่มีใครคาดเดาได้ และในฐานะคนที่รอบคอบแบบลีออน เขาจะไม่มีวันตัดสินใจอะไรแบบหุนหันพลันแล่นเด็ดขาด
“เป็นอะไรไปคะ พี่เขย? คำถามนี้ตอบยากเหรอ?”
อิซาเบลลายิ้มอย่างรู้ทัน แม้ในแววตาจะมีประกายของความระแวดระวังและการจับผิดแฝงอยู่ “ก็แค่คำแนะนำตัวธรรมดา ๆ เองนะ”
ความสงสัยของอิซาเบลลาไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะตลอดสามปีที่ผ่านมา เธอรู้จักพี่เขยของตัวเองผ่านคำบอกเล่าของรอสไวส์เท่านั้น เรื่องอดีตหรือประสบการณ์ใด ๆ ของเขา เธอแทบไม่รู้อะไรเลย
เธอไม่ได้สงสัยในความรู้สึกของลีออนที่มีต่อรอสไวส์เลย—ความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันนั้นชัดเจนจนใครก็เห็นได้ เวลาเขาสบตากัน แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความอบอุ่น จนหวานเสียยิ่งกว่าน้ำผึ้งหยดสุดท้าย
อิซาเบลลาไม่รู้หรอกว่าทั้งคู่รู้ตัวไหม…แต่เธอเองก็ได้เสพความหวานจนเหม็นกลิ่นความรักจะตายอยู่แล้ว
เหตุผลที่เธอพยายามกดดันลีออนให้พูดความจริงออกมา ก็เพียงเพื่อให้เธอคลายความสงสัยในใจเท่านั้น อย่างมากที่สุด พี่เขยของเธออาจแค่ปกปิดเผ่าพันธุ์ที่แท้จริงของตนเองเพื่อหนีศัตรู (ซึ่งเป็นเรื่องปกติในหมู่มังกร) หรือด้วยเหตุผลอื่นที่ทำให้ต้องแต่งงานกับรอสไวส์แบบลับ ๆ แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร ในฐานะพี่ของรอสไวส์ เธอก็คิดว่าอย่างน้อยควรได้รับรู้เรื่องบางอย่าง
ลีออนนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนตะปูทั่วตัว ทุกอณูขับความประหม่าออกมาเต็มที่ เขาแอบหันไปมองรอสไวส์ที่นอนอยู่ข้าง ๆ เธอกอดผ้าห่มขึ้นมาถึงจมูก เหลือไว้แค่ดวงตาสีเงินคู่งามที่โผล่พ้นออกมาเท่านั้น
ดวงตาคู่นั้นกระพริบมองลีออน ตาซ้ายส่งสัญญาณว่า “ฉันใสซื่อไม่รู้อะไรเลย” ส่วนตาขวาแสดงออกว่า “ฉันก็งงเหมือนกันนะ”
ให้ตายเถอะ…ตอนนี้ยังจะมาน่ารักอีก!
และเช่นเคย ทั้งคู่ก็เริ่มสื่อสารกันเงียบ ๆ ผ่านสายตา
ลีออน: เพื่อนทีมผมอยู่ไหน! ใครก็ได้ช่วยที!
รอสไวส์: O M O
ลีออน: รุ่นพี่โร! ทำไมเอาแต่มองเฉย ๆ!?
รอสไวส์: ขอโทษนะ…ฉันแพ้ทางพี่สาวต นายโชคดีล่ะกัน!
ลีออน: ถ้างั้น…ก็ต้องจัดเต็มแล้วสิ
รอสไวส์: ?… ลีออน นายกำลังคิดจะทำอะไรอีก!?
ลีออน: ฆ่ามังกรไปแล้วตัวนึงจะฆ่าเพิ่มอีกตัวก็ไม่ต่างกัน วันนี้ของปีหน้าคงเป็นวันครบรอบของ…—
รอสไวส์: หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว บากะ! นายมีเวลาแค่ห้าวินาทีในการหาข้ออ้าง ถ้าเกินจากนี้ล่ะก็ พี่จะคิดว่านายมีเจตนาแอบแฝงต่อเผ่ามังกรเงินแน่ ๆ
ลีออน: ที่จริงเธอคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดนะ…เมื่อสามปีก่อน ผมก็มีเจตนาแอบแฝงกับเผ่ามังกรเงินของเธอจริง ๆ…
รอสไวส์: …
เธอกลับไปเอาผ้าห่มคลุมหน้าตัวเองอีกครั้ง
“พี่เขยคะ ความอดทนของฉันมีขีดจำกัดนะ—”
“ที่จริงแล้ว!” ลีออนลุกนั่งตัวตรงทันที ยืดอกขึ้นอย่างมั่นใจ
อิซาเบลลากอดอก เงยคิ้วขึ้นอย่างสงสัย “ที่จริงแล้ว?”
“ที่จริงแล้ว…ผมน่ะมีความฝันตั้งแต่เด็กเลยครับ” ลีออนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ใบหน้าเต็มไปด้วย “ความศรัทธา” อันแรงกล้า
อิซาเบลลากะพริบตาปริบ ๆ “ไม่ ๆ ๆ พี่เขย ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องความฝันของนาย ฉันถามว่า—”
“ผมฝันว่า…เมื่อโตขึ้น ผมจะได้พบกับมังกรพิเศษตัวหนึ่ง” พอได้ยินแบบนี้ รอสไวส์ก็แอบเปิดผ้าห่มออกมาช้า ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น ว่าลีออนจะสรรหาเรื่องอะไรมาเล่าอีก ส่วนอิซาเบลลาก็จากที่กอดอกอยู่ กลายมาเป็นเอามือจับคาง อีกข้างเท้าเอว
พี่เขยคนนี้ของเธอ…ยังจะมีแผนซุกอยู่ในหัวอีกกี่ชั้นกันนะ?
“เราจะได้พบกันในสถานที่พิเศษ และทำความรู้จักกันในแบบที่ไม่เหมือนใคร”
“เราจะไม่วางแผนอนาคตล่วงหน้า ทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติ เต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์และเหตุการณ์ไม่คาดฝันในชีวิตที่แสนเรียบง่าย…”
“ผมใฝ่ฝันถึงชีวิตแต่งงานอันแสนสงบสุขกับเธอ โดยไม่ถูกรบกวนจากใครทั้งสิ้น”
“เพื่อทำให้ฝันนี้เป็นจริง ผมเดินทางข้ามเผ่ามังกรมาทั้งหมด ลัดเลาะภูเขา ข้ามแม่น้ำ”
“และในขณะที่ผมกำลังสิ้นหวังอยู่ในความมืดมิด…ผมก็ได้พบกับเธอ”
ลีออนพร่ำเพ้อด้วยความเคลิบเคลิ้มไปกับเรื่องแต่งของตัวเอง ก่อนจะก้มหน้าลงมองรอสไวส์ แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนลึกซึ้ง
“โชคชะตาของผม…ความรักชั่วนิรันดร์ของผม—รอสไวส์”
“เป็นเธอที่ช่วยฉุดผมออกจากความมืดมิด เป็นเธอที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นของคำว่า ‘บ้าน’”
“ผมสาบาน…ผมจะปกป้องเธอไปตลอดชีวิต”
“ถ้ามีใครกล้าทำร้ายเธอ ผมจะเป็นคนส่งมันลงนรกด้วยมือตัวเอง ต่อให้เป็นใคร…แม้แต่คอนสแตนติน ก็ไม่มีข้อยกเว้น”
ในขณะเดียวกัน เสียงในใจของราชินีคือ: “เพิ่งคลอดลูกสาวคนสุดท้องออกมาแล้วแท้ ๆ ทำไมนี่ยังรู้สึกคลื่นไส้อยู่เลย…”
สองสามีภรรยาสบตากันอย่างแนบแน่น
แววตาของลีออนลึกซึ้ง เต็มไปด้วยความรักและความผูกพัน ส่วนราชินี…แม้ในใจจะรู้สึกพะอืดพะอมอย่างแรง แต่ก็ต้องฝืนตามน้ำไปก่อน
แปะ—แปะ—แปะ—
อิซาเบลลาปรบมือช้า ๆ ที่ข้าง ๆ “ซาบซึ้งจังเลยนะคะ ความรักแสนหวานชะตาลิขิตอะไรขนาดนี้”
ลีออนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาไม่คิดเลยว่าคำเพ้อเจ้อที่แต่งสดตรงนั้นจะใช้ได้ผลกับอิซาเบลลา นี่คงต้องยกความดีให้กับ “แผนการศึกษาก่อนคลอด” ที่เขาเตรียมไว้ตลอดสิบเดือนที่ผ่านมา
เพื่อให้ลูกสาวคนเล็กซึมซับแก่นสารของวัฒนธรรมมนุษย์ ผมซ้อมท่องบทกวีมานานแสนนานเลยนะ! โอ้…นี่แหละคือผลพลอยได้ของการเดินทางฝ่าดินแดนทั่วโลก!
แต่ก่อนที่ลีออนจะได้ผ่อนคลายหัวใจที่ตึงเครียดลงจนสุด อิซาเบลลาก็พลิกเกมทันควัน เลิกเสแสร้งแกล้งซึ้งแล้วพูดอย่างเย็นชาออกมาว่า “แต่พี่เขยยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ ฉันไม่อยากรู้ว่านายรักน้องสาวฉันยังไง ฉันอยากรู้เรื่อง ‘ตัวตน’ ของนายต่างหาก”
ลีออนกลอกตามองไปรอบ ๆ พยายามเรียบเรียงคำพูด ก่อนจะตอบกลับว่า “พี่สาวครับ ที่จริง…คำตอบก็อยู่ในเรื่องที่ผมเล่าไปแล้วนั่นแหละ เพื่อจะปกป้องรอสไวส์ เพื่อรักษาคำสัญญา ผมจึงออกตามหาพลัง…ผ่านบททดสอบต่าง ๆ ที่มีเพียงผมเท่านั้นที่รู้ว่ามันยากแค่ไหน”
เขาถอนหายใจเบา ๆ แล้วเอื้อมมือไปตบมือรอสไวส์เบา ๆ พร้อมกล่าวต่ออย่างจริงจังว่า “แต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นมันคุ้มค่า อย่างน้อย…วันนี้ผมก็ได้ปกป้องภรรยาและลูกของตัวเองไว้ได้ จริงไหมครับ พี่สาว?”
อิซาเบลลาแลบลิ้นกดเพดานปากเล็กน้อย—พี่เขยมีคำพูดมากมาย แต่ฟังดูแล้วก็เหมือนไม่ได้พูดอะไรเลย…
จะให้ถามซ้ำอีกดีไหมนะ? หรือจะดูเสียมารยาทเกินไป?
และในจังหวะเหมาะสมพอดี รอสไวส์ก็เสริมขึ้นมาอย่างแนบเนียนว่า “พี่สาว…ลีออนทุ่มเททุกอย่างให้ครอบครัวนี้จริง ๆ เขาไม่เคยปิดบังอะไรฉันเลย ฉันรู้จักเขาดีที่สุดแล้ว”
อิซาเบลลาถอนหายใจในใจ
“ก็ได้ ถึงแม้ว่าฉันยังไม่เข้าใจเลยว่านายฆ่าคอนสแตนตินได้ยังไง…แต่เมื่อเห็นความกลมเกลียวและความเข้าใจกันของพวกนายแล้ว ฉันอาจจะเป็นห่วงเกินไปก็ได้” อิซาเบลลาหันมามองลีออน “อย่างน้อยนายก็รักษาสัญญาจริง ๆ”
ลีออนยิ้มบาง “ลูกผู้ชายพูดแล้ว…ไม่คืนคำนะครับ”
รอสไวส์เงยตามอง เฝ้ามองเจ้าบื้อคนนี้ที่ชอบพูดเรื่อง “ความเป็นชาย” อยู่เรื่อย ทั้งที่ตัวเองเป็นถึงนักล่ามังกรที่แข็งแกร่งที่สุด กลับมีความเป็นเด็กและความไม่เป็นทางการอยู่ในตัว ซึ่งมันก็ดูไม่ค่อยเข้ากับเกียรติยศของเขาสักเท่าไหร่…แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
ในทางกลับกัน สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ทำให้รอสไวส์รู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ที่เธออยู่ด้วยทุกวัน เป็น “มนุษย์จริง ๆ” ไม่ใช่เพียงแบบพิมพ์ของตัวละครเพอร์เฟกต์ที่ถูกปั้นโดยผู้สร้างที่ลำเอียง
ราชินีค่อย ๆ ปิดตาลงอย่างผ่อนคลาย ฟังเสียงสนทนาระหว่างลีออนกับอิซาเบลลาที่คุยกันเรื่องลูกสาวคนเล็กของพวกเขา
ความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียหลังการคลอด ค่อย ๆ เข้ามาโอบล้อมทั้งร่างกายและจิตใจของเธอ
ก่อนที่สติจะเลือนหายไปสู่ห้วงนิทรา มุมปากของหญิงงามผมสีเงินก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
เช้านี้…ช่างเป็นเช้าที่ควรค่าแก่การจดจำอย่างแท้จริง
บท 166: ปัญญาล้ำเลิศ คลิกอ่านที่นี่
เมื่อรอสไวส์ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เวลาก็ล่วงเลยไปถึงยามบ่ายแล้ว
อิซาเบลลาได้กลับไปก่อนแล้ว—เธอไม่สามารถอยู่ได้นานนัก เพราะเมื่อไม่มีราชามังกรคุ้มกัน เผ่าของเธอก็เสี่ยงจะถูกจู่โจมได้ง่าย
สายลมอบอุ่นของยามบ่ายพัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง ม่านผืนบางปลิวไหวเบา ๆ ตามแรงลม
ข้าง ๆ กันนั้น มีกลิ่นน้ำนมอ่อน ๆ ลอยมากระทบจมูก
รอสไวส์หันหน้าไปมอง เห็นลูกสาวตัวน้อยนอนหลับอยู่ข้างหมอนของเธออย่างสงบ
กำปั้นเล็ก ๆ อวบอ้วนกำแน่นแนบอก ใบหน้าอิ่มนวลดูสงบและน่ารักจนแค่เพียงได้มองก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก
อีกด้านหนึ่งของเจ้าตัวน้อย คือที่ที่ลีออนนอนอยู่
สายตาของรอสไวส์เลื่อนผ่านลูกสาวไปยังใบหน้าของลีออน
ลมหายใจเขาสม่ำเสมอ เปลือกตาปิดสนิท เส้นผมสีดำปรกหน้าผากลงมาบางส่วน บดบังแววตาไปเล็กน้อย
บนใบหน้าที่เข้มแข็งและหนักแน่นนั้น ดูเหมือนจะมีรอยแผลเป็นใหม่จาง ๆ ปรากฏขึ้น
รอสไวส์อาจจะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องความงามและเสน่ห์ของตัวเองนัก แต่ในเรื่องรสนิยมและสายตาในการมองความงาม เธอกลับมั่นใจในตัวเองอย่างเต็มที่
เมื่อสามปีก่อน ตอนที่เธอได้พบลีออนครั้งแรก เธอเคยบอกไว้ว่า แผลเป็นคือเครื่องประดับที่เหมาะสมที่สุดกับใบหน้าหล่อเหลานี้
มันเหลือไว้เพียง “ชาย” ผู้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แห่งความแข็งแกร่ง
ลึก ๆ แล้ว เผ่ามังกรมีสายเลือดของผู้ไล่ล่า แต่ในบางช่วงเวลา…รอสไวส์เองก็อยากเป็นฝ่ายถูกไล่ล่าบ้าง
เธอเกลียดขุนนางมังกรพวกนั้นที่มีแต่ใบหน้าเนี๊ยบ ๆ ไร้ความหนักแน่น รู้สึกว่าแต่ละคนช่างเป็นแค่พวกหนุ่มหล่อจืดชืดที่ไม่น่าทนดู
ถ้าอยากจะ “พิชิตใจ” ของเธอจริง ๆ ก็ควรจะมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยฮอร์โมนและความเป็นชายเหมือนลีออนใช่ไหมล่ะ?
อ้อ แน่นอน…ไม่ได้หมายความว่าลีออน “พิชิต” เธอแล้วนะ
ล้อเล่นน่ะนะ—ถ้าจะให้ “พิชิตใจ” เธอจริง ๆ ล่ะก็ หมอนี่คงต้องฝึกฝนอีกสักสองร้อยปี แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้แปลว่ารอสไวส์จะไม่แอบชื่นชมรูปลักษณ์ของนักโทษคนนี้อย่างลับ ๆ หรอกนะ
ราชินีผู้นี้ยอมรับเองเลยว่า เธอตื้นเขิน และแพ้หน้าตาหล่อ ๆ! แล้วอีกอย่าง เขาก็แค่บังเอิญโตมาเป็นสไตล์ที่เธอชอบเท่านั้นเอง—ขอเน้นที่คำว่า บังเอิญเท่านั้น
มองเฉย ๆ มันผิดตรงไหนกัน? แค่มองเองนะ ไม่ได้แปลว่าคิดอะไร
รอสไวส์ค่อย ๆ เอื้อมมือออกไป แขนของเธอโอบข้ามหัวของลูกสาวคนเล็ก ปลายฝ่ามืออุ่นนุ่มวางลงบนผมของลีออนเบา ๆ
ปลายนิ้วของเธอค่อย ๆ เลื่อนต่ำลงอย่างแผ่วเบา ลากผ่านหน้าผาก ปลายใบหู ปลายจมูก ร่องเหนือริมฝีปาก ริมฝีปาก แล้วมาจบที่ปลายคางของเขา
“ฉันอยากนวดหางให้นายจังเลย…” รอสไวส์พึมพำเบา ๆ
“ฉันอยากตัดหางเธอมากกว่า”
ปลายนิ้วสีเขียวมรกตของเธอชะงักกึก จากนั้นเพียงเสี้ยววินาที รอสไวส์ก็รีบดึงมือกลับด้วยความเร็วแสง
“น-นายยังไม่หลับเหรอ?”
“ฉันตื่นตั้งแต่เธอเริ่มแอบมองฉันแล้วล่ะ”
“ใครแอบมองนายกัน หัดรู้จักอายบ้างนะ ฉันก็มองลูกสาวต่างหาก!”
“ฉันก็มองลูกสาวของฉัน~~~” ลีออนเอ่ยเลียนเสียงรอสไวส์แบบลากยาวด้วยน้ำเสียงล้อเลียน
รอสไวส์กัดฟันกรอด ถ้าไม่มีลูกสาวนอนอยู่ตรงกลางตอนนี้ เธอคงเตะเขาไปแล้วแน่ ๆ
แกล้งหลับทั้งที่ตื่นอยู่—ถ้านายชอบนอนนักล่ะก็ ไว้ตายเมื่อไหร่จะได้นอนยาวไปเลย!
รอสไวส์ไม่สนใจเขา พลิกตัวหันหลังให้ แล้วสะบัดเสียง “ฮึ!”
ซ่า—
เสียงไหวติงดังขึ้นจากข้างหลัง ลีออนลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้า
เขาเกาศีรษะไล่ความง่วง แล้วพูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “เช้านี้น่ะ…อันตรายจริง ๆ พี่สาวเธอเกือบจับได้หมดแล้วนะ”
ดวงตาของรอสไวส์เบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ เขา
สองสามีภรรยาพิงหัวเตียง เริ่มบทสนทนาช่วงบ่ายอย่างเงียบ ๆ
“พี่เป็นคนฉลาดมาก แต่ที่ฉันไม่คาดคิดเลยก็คือ…คำพูดมั่ว ๆ ของนายกลับใช้ได้ผล เธอเชื่อจริง ๆ ด้วยสิ”
“นั่นไม่ใช่คำพูดมั่ว ๆ นะ มันอ้างอิงจากเรื่องจริงทั้งนั้นแหละ”
รอสไวส์เลิกคิ้ว มองเขาอย่างเหลือเชื่อ “จากเรื่องจริง?”
“ใช่ ทุกคำในเรื่องที่เล่ามา เชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้หมด”
รอสไวส์นึกถึงเทพนิยายรักที่เขาแต่งขึ้นก่อนหน้านี้ แล้วถามว่า “อย่างเช่น ‘เราจะได้พบกันในสถานที่พิเศษ และทำความรู้จักกันในแบบที่ไม่เหมือนใคร’ อันนี้มันเชื่อมกับอะไรได้?”
“เราพบกันในคุกใต้ดินของเผ่ามังกรเงินเธอไม่ใช่เหรอ? แล้วฉันก็รู้จักเธอเพราะเธอเมาแล้วเข้ามาทรมานฉัน” ลีออนยักไหล่
“มันก็พิเศษดีนะ”
รอสไวส์เม้มริมฝีปาก แล้วถามต่อว่า “แล้วที่บอกว่า ‘เดินทางข้ามเผ่ามังกรมาทั้งหมด ลัดเลาะภูเขาแม่น้ำนับพัน’ ล่ะ?”
ลีออนยกมือขึ้นประกอบคำพูด “ฉันเรียนจบจากสถาบันนักล่ามังกรตั้งแต่อายุสิบห้า อยู่ในกองทัพมาแล้วห้าปีก่อนจะเจอเธอ ฆ่ามังกรมามากกว่าที่คนขายหมูฆ่าหมูอีก งั้นมันก็เรียกว่าเดินทางข้ามเผ่ามังกรมาหมดแล้วล่ะนะ”
รอสไวส์ถึงกับอ้าปาก แล้วหรี่ตาจ้องเขา “นี่สำหรับนาย การเดินทางคือแบบนี้เหรอ? เออ ๆ นายเก่งที่สุดแล้วล่ะ ไอ้หมาบ้า”
ลีออนถอนหายใจลึก มองตรงไปข้างหน้า กลับเข้าสู่หัวข้อเดิม “พี่สาวเธอฉลาดจริง ๆ นั่นแหละ”
รอสไวส์เม้มปากแน่น เมื่อนึกถึงตอนเช้าที่เธอสบตากับลีออน แล้วหมอนี่ก็เสนอแบบหน้าตายว่าจะ “กำจัด” อิซาเบลลาให้พ้น ๆ ไป
แม้เธอจะรู้ว่าเขาพูดเล่น แต่ก็ใช่ว่าจะปล่อยผ่านได้ ลีออนไม่มีทางทำแบบนั้นจริง ๆ แน่นอน ต่อให้ไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอ อย่างน้อยก็ควรนึกถึงลูกสาวของพวกเขาบ้าง—ก็เธอน่ะคือน้าสาวแท้ ๆ ของเด็ก ๆ นะ จะไปทำร้ายได้ยังไงกัน?
แต่ถึงจะรู้อย่างนั้น…รอสไวส์ก็คิดว่านี่แหละคือโอกาสดี ที่จะได้สอบสวนเขาสักหน่อย
“แค่เพราะพี่สาวฉันฉลาด นายเลยคิดจะฆ่าปิดปากเธอตั้งแต่เช้าใช่ไหม?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันแค่พูดเล่นเพื่อคลายบรรยากาศตึงเครียดเท่านั้นเอง”
ลีออนตอบอย่างหน้าตาย “อีกอย่าง ถ้าความฉลาดทำให้โดนฆ่าได้ ฉันก็คงโดนสับเป็นชิ้น ๆ ไปตั้งนานแล้ว”
“…คอนสแตนตินคงไม่มีวันเชื่อหรอกว่า ตัวเองต้องมาตายเพราะผู้ชายหน้าด้านคนหนึ่งแบบนี้”
“พูดงี้หมายความว่ายังไง ยัยมังกร! เธอกำลังบอกว่าฉันไม่ฉลาดเหรอ?”
รอสไวส์ยิ้มเหยียด “ฉลาดสิ ฉลาดมาก ฉลาดที่สุดในโลกเลยล่ะ~”
ลีออนกำลังจะต่อปากต่อคำต่อ แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง เขาขมวดคิ้วแน่น พลางเข้าสู่ภวังค์ครุ่นคิด
รอสไวส์สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเขา จึงถามขึ้นว่า “มีอะไรเหรอ?”
ลีออนบิดนิ้วไปมาเบา ๆ แล้วพูดเสียงต่ำว่า “พี่สาวเธอแค่เกือบจับได้ว่าฉันเป็นมนุษย์…แต่คอนสแตนตินน่ะ เขารู้ตัวตนของผมแล้วด้วยซ้ำ”
พอได้ยินแบบนั้น รอสไวส์ถึงกับรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว ความกังวลแล่นขึ้นมาทันที
“คอนสแตนตินจะรู้ได้ยังไง? นั่นไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของพวกนายเหรอ?”
ลีออนพยักหน้า “ใช่ นั่นคือครั้งแรกจริง ๆ ที่ผมได้เจอกับเขา ก่อนหน้านี้ผมเคยสู้แค่กับพวกเผ่ามังกรเพลิงชาดธรรมดา แต่ไม่เคยเจอตัวราชามังกรของพวกเขาเลย”
รอสไวส์ขมวดคิ้วคิดตาม “อายุขัยของราชามังกรน่ะยาวมาก บางทีเขาอาจจะไม่ได้ออกสนามรบเลยเป็นสิบ ๆ ปี แล้วนายเองก็อยู่กับกองทัพนักล่ามังกรแค่ห้าปีเท่านั้น การที่ไม่เคยเจอกันมาก่อนก็ไม่แปลกอะไร”
“ใช่ แต่เขารู้ว่าผมเป็นมนุษย์ได้ยังไงกันนะ…” ลีออนถอนหายใจยาว
“หรือว่าเขาจะจำผมได้ผ่านชุดเกราะ? แต่ผมก็พรางเกราะไว้เรียบร้อยแล้ว แถมตอนนั้นก็เป็นเวลากลางคืน ไม่น่าจะมองเห็นชัดขนาดนั้น…”
ทั้งสองคนเงียบไปครู่หนึ่ง ตกอยู่ในภวังค์ครุ่นคิด
กระทั่งรอสไวส์นึกบางอย่างขึ้นได้
คอนสแตนตินเริ่มวางแผนปลุกปั่นความขัดแย้งภายในเผ่ามังกร และยึดเผ่ามังกรขนาดเล็กต่าง ๆ มาตั้งแต่ประมาณหนึ่งปีก่อน…พอดีกับช่วงเวลาที่เธอกับอาจารย์ของลีออน—ไทเกอร์—ตกลงกันว่า ลีออนควรหลบห่างจากจักรวรรดิไปก่อนหนึ่งปี
สองช่วงเวลาที่ “หนึ่งปี” พอดิบพอดีแบบนี้…มันช่างดูเหมือนบังเอิญเกินไปหรือเปล่า?
บท 167: ไม่เป็นไร ตัวเล็กก็ยังน่ารักอยู่ดี คลิกอ่านที่นี่ amb168 ผู้สนับสนุน
สำหรับลีออนแล้ว ข้อมูลที่เขามีอยู่ในมือตอนนี้นับว่าน้อยมาก เขาไม่รู้เลยว่าคอนสแตนตินรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นมนุษย์ และก็ไม่รู้จะเริ่มไขปริศนานี้จากตรงไหนก่อนดี
มันเหมือนกับถูกยื่นให้แค่คำบรรยายสั้น ๆ บางจุด กับตอนจบที่ชวนงง แล้วบอกให้เขาแต่งเรื่องทั้งเรื่องขึ้นมาจากเศษเสี้ยวเหล่านี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์—ต่อให้ลีออนฉลาดแค่ไหน มันก็ยังเป็นภารกิจที่เป็นไปไม่ได้อยู่ดี
ในอีกด้านหนึ่ง แม้รอสไวส์จะนึกถึงข้อตกลงหนึ่งปีกับไทเกอร์ รวมถึงการที่คอนสแตนตินเริ่มเคลื่อนไหวอย่างจริงจังเมื่อหนึ่งปีก่อน แต่เธอก็ยังไม่สามารถโยงเหตุการณ์ทั้งสองเข้าด้วยกันได้อย่างชัดเจน
หากใส่สมมุติฐานหรือเบาะแสที่ยังไม่แน่ชัดมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นการถ่วงกระบวนการคิดของพวกเขาเสียเปล่า ๆ รอสไวส์จึงตัดสินใจว่าควรจัดระเบียบความคิดให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยหารือกับลีออนอีกที
“อีกอย่างนะ ตั้งแต่ฆ่าคอนสแตนตินตอนตีหนึ่งของเมื่อวาน ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลยเป็นสิบชั่วโมงแล้ว แบบนี้เหรอคือวิธีที่พวกมังกรเงินตอบแทนผู้มีพระคุณ?”
รอสไวส์กลอกตาใส่เขา
เอาเถอะ ๆ นายก็มีความดี มีผลงาน สมควรได้รับการยกย่อง…ราชินีผู้นี้รู้จักแยกแยะ ไม่ขอเถียงด้วยก็แล้วกัน
“อยากกินอะไรล่ะ?”
“เนื้อมังกร”
รอสไวส์ถึงกับพูดไม่ออกทันที—เธอรู้ว่าไอ้บ้านี่ตั้งใจยั่วเธอชัด ๆ
ตลอดสิบเดือนที่เธอตั้งครรภ์ ผู้ชายเจ้าเล่ห์คนนี้ก็เก็บตัวเรียบร้อย ทำตัวเป็น “สามี” ที่ดีอย่างเต็มที่ พยายามตอบสนองทุกความต้องการของรอสไวส์ ไม่เคยขัดคอเธอแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้ พอลูกสาวตัวน้อยลืมตาดูโลกอย่างปลอดภัยแล้ว เขาก็เริ่มได้ทีปล่อยตัวปล่อยปากทันที
ถึงจะไม่ได้ทะเลาะกันมานาน แต่ลิ้นของรอสไวส์ก็ยังแหลมคมเหมือนเดิม เธอตอบกลับอย่างนิ่งเฉย “หึ…คอนสแตนตินตัวใหญ่ขนาดนั้น นายก็น่าจะกินได้เป็นปีนะ เชิญเลยสิ”
“ฉันไม่กินเนื้อที่ตายแล้ว”
“โอ้โห ตอนนี้เลือกกินขึ้นมาซะงั้น”
รอสไวส์หงุดหงิดทันที ก่อนจะสะบัดหางฟาดขึ้นไปตรงปากลีออน
“นี่ไง เนื้อมังกรสด ๆ เอาเลยสิ กินเลยสิ! ทำไมไม่กินล่ะ—อ๊า!!! บากะ นายกัดฉันจริงเหรอ?!”
“ก็เธอยื่นมันมาไว้ตรงปากเอง จะไม่กัดมันก็เสียมารยาทสิ”
“แคสมอร์ด!!! ฉันจะฆ่านาย!!!”
ลูกสาวคนที่สองของพวกเขานั่งตาแป๋ว มองเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วคิดในใจ: โห เกิดมาไม่ทันไร ก็ได้ดูโชว์เด็ดขนาดนี้แล้ว คุ้มค่าตั๋วสุด ๆ
…
ไม่กี่วันต่อมาในตอนเช้า อากาศปลอดโปร่ง รอสไวส์ตัดสินใจพาลูกสาวคนเล็กออกไปรับแสงแดดบ้าง
เมื่อเทียบกับทารกมนุษย์ ลูกมังกรนั้นมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมสูงกว่า แม้จะเพิ่งคลอดได้ไม่นาน แต่ก็สามารถพาออกไปเดินเล่น สูดอากาศบริสุทธิ์ได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวน้อยได้ออกจากห้องนอนของรอสไวส์ ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อโลกใบใหม่นี้
ทั้งสองมาถึงม้านั่งในสวนหลังบ้าน แล้วนั่งลงเคียงข้างกัน ลูกสาวตัวน้อยนอนเอนอยู่บนตักของรอสไวส์ มือเล็กนุ่มนิ่มเอื้อมมาเล่นผมของแม่อย่างเบามือ ดวงตากลมใสจ้องมองแม่สลับกับพ่อ ก่อนจะส่งเสียงอ้อแอ้ของทารกออกมาเบา ๆ
ลีออนฟังภาษาทารกไม่ออก แต่ดูจากสีหน้าของลูกสาวคนที่สองแล้ว ดูเหมือนเจ้าตัวจะอารมณ์ดีใช่เล่น?
“ว่าแต่นะ ลูกเธอจะเริ่มพูดได้เมื่อไหร่?” ลีออนถาม
“ลูกมังกรจะเริ่มพูดได้ประมาณสองเดือน” รอสไวส์ตอบ ก่อนจะเว้นวรรคเล็กน้อยแล้วเสริมว่า “โนอาเรียกฉันว่า ‘แม่’ ได้ตอนอายุแค่เดือนเดียวเองนะ”
เจ้าหญิงจอมแก่แดด—อายุแค่เดือนกว่า ๆ ก็มีท่าทีเหมือนราชินีตัวจิ๋วแล้วเชียว?
รอสไวส์อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมากอด แล้วเงยหน้าขึ้นถามลีออนว่า “แล้วลูกมนุษย์ล่ะ กว่าจะเริ่มพูดได้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน?”
“ตามหนังสือบอกว่า…ประมาณแปดถึงสิบสองเดือน” ลีออนตอบ
เหตุผลที่เขาพูดว่า “ตามหนังสือบอก” ก็เพราะว่า…ลีออนไม่เคยเลี้ยงทารกมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดมาก่อน เขาจึงต้องอาศัยหนังสือความรู้ทั่วไปมาศึกษาเอา
รอสไวส์แสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ “มนุษย์นี่โง่จริง ๆ แล้วนายล่ะ? อัจฉริยะนักนี่ นายคงพูดได้ตั้งแต่เกิดเลยสิ?”
แม่มังกรแสนขี้แกล้งพูดหยอก แต่ลีออนกลับสวนทันควันด้วยความมั่นใจ “ผิดแล้ว! ฉันน่ะเริ่มล่ามังกรได้ตั้งแต่เกิดเลยต่างหาก!”
“เชอะ…บ้าชะมัด”
ขณะที่ทั้งสองกำลังเถียงกันเสียงเบา ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ วิ่งมาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งคู่หันไปมองก็เห็นโนอากับมูนกำลังวิ่งมา
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ แม่ พ่อ!”
“สวัสดีตอนเช้าค่ะพ่อ! สวัสดีตอนเช้าแม่!”
หลังจากทักทายเสร็จ มูนก็กระโดดขึ้นตักของลีออนด้วยท่า “เตะขามังกร” อย่างคล่องแคล่ว
ก็เธอเป็นเสื้อกันหนาวนวมของคุณพ่อ ส่วนคุณพ่อก็เป็นเบาะหนังแท้ของเธอ—พ่อกับลูกคู่นี้ต่างก็มีหน้าที่ให้ความอบอุ่นแก่กันและกัน
ในขณะที่โนอาเดินเข้าไปใกล้รอสไวส์ เพื่อดูน้องสาวตัวเล็กของเธอที่เพิ่งเกิด เด็กน้อยคนนี้ลืมตาได้แล้ว ดวงตาของเธอมีสีชมพูอ่อน ซึ่งแตกต่างจากแม่ พ่อ มูน และแม้แต่ตัวโนอาเอง ดูเหมือนว่ายีนของป้านี่จะแรงใช่ย่อย—แม่กับพ่อแข่งกันตั้งชื่อให้แทบตาย สุดท้ายกลายเป็นว่าป้าได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ
“ว่าแต่…พ่อ แม่ ตั้งชื่อน้องหรือยังคะ?” โนอาถาม
รอสไวส์ส่ายหน้า “ยังเลย ไม่รีบหรอก ตอนตั้งชื่อลูกกับมูน ยังใช้เวลาตั้งเป็นเดือนแน่ะ”
โนอาพยักหน้าช้า ๆ “อ๋อ…”
หลังจากคุยกันเรื่องน้องสาวได้สักพัก โนอาก็นั่งลงบนม้านั่งข้าง ๆ ลีออน “คุณพ่อคะ หนูฝึกวิชาแทงสายฟ้าที่คุณพ่อสอนช่วงปิดเทอมฤดูหนาวเมื่อปีที่แล้วได้แล้วค่ะ หนูอยากเรียนท่าใหม่ต่อเลย!”
การเรียนเวทมนตร์ไม่ใช่เรื่องง่าย ปกติแล้วการฝึกเวทแต่ละชนิดให้เชี่ยวชาญต้องใช้เวลาสามถึงห้าปีเป็นอย่างน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น โนอาเพิ่งจะอายุสองขวบกว่า ๆ ไม่ใช่แค่ขยันอย่างเดียวแล้วจะทำได้ ความสามารถโดยกำเนิดก็เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
และที่เธอหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาในวันนี้ ก็เป็นเพราะเธอเพิ่งได้เห็นกับตาตัวเองว่าคุณพ่อในช่วงพีคสุด ๆ เป็นยังไง ตอนเหตุการณ์บุกของคอนสแตนตินเมื่อไม่กี่วันก่อน
ถือเวทแทงสายฟ้าสองข้าง บุกเข้าไปในหมู่ศัตรูราวกับเข้าไปในสนามหญ้า จะเรียกว่าเท่ก็ยังดูเบาไปด้วยซ้ำ—ในเมื่อคุณพ่อเท่ขนาดนี้ ถ้าได้สอนท่าใหม่ให้เพิ่มอีก ก็ยิ่งเท่เหมือนคุณพ่อแน่นอน!
“งั้นโนอาอยากเรียนท่าไหนล่ะ?” ลีออนถาม
“ก็…ท่าที่คุณพ่อใช้ตอนล้มคอนสแตนตินไงคะ” โนอาหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วตั้งชื่อใหม่อย่างภูมิใจว่า “ดาบศักดิ์สิทธิ์!!”
ลีออนนึกออกทันที—ดาบศักดิ์สิทธิ์? โอ้ ลูกสาวคนโตของเขาหมายถึง “กระบวนท่าแปลงสายฟ้าเป็นดาบ” นั่นเอง
ท่านี้ไม่ได้ถือว่ายากอะไรนัก ในระบบเวทมนตร์ของมนุษย์ก็จัดเป็นแค่เวทระดับ B เท่านั้น ขอแค่ควบคุมการควบแน่นและการสร้างรูปร่างของธาตุสายฟ้าให้แม่นยำ ก็สามารถใช้ได้แล้ว ส่วนผลลัพธ์สุดท้ายจะรุนแรงแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับพลังของผู้ใช้เอง
อย่างเช่น ถ้าอยู่ในมือของคนธรรมดา เวทระดับ B นี้ก็อาจเป็นแค่ “อาวุธชั่วคราว” เท่านั้น แต่ถ้าอยู่ในมือของลีออน มันกลับมีพลังมากพอจะโค่นราชามังกรเพลิงชาดลงได้เลยทีเดียว
ในเมื่อเจ้าลูกสาวเชื่อฟังอยากเรียน ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะปฏิเสธ
แต่อุปสรรคก็คือ…คืนนั้น เขาใช้เวทนี้ในการจัดการกับคอนสแตนตินอย่างเร่งด่วน จนทำให้ค่ามานาที่สะสมมาทั้งปีกลายเป็นศูนย์หมดเกลี้ยง
ช่วงนี้เขาก็มัวแต่เลี้ยงลูกสาวคนเล็ก ยังไม่มีเวลามานั่งรวบรวมพลังเวทใหม่เลย
หลังจากลังเลเล็กน้อย ลีออนก็คิดว่า…บางที ควรจะรอสักสองสามวันก่อนค่อยสอนท่านี้ให้โนอา
แต่ก่อนที่ลีออนจะอ้าปากพูดอะไร รอสไวส์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนว่า “โนอา ลูกจ๋า ช่วงนี้พ่อเขาเหนื่อยมากเลยนะ รอให้พักอีกหน่อย แล้วค่อยเรียนดีไหม?”
โนอากะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ก็ได้ค่ะ สุขภาพของพ่อสำคัญที่สุดเลย”
ลีออนถึงกับชะงักเล็กน้อย มองยัยมังกรด้วยความประหลาดใจ—วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกหรือเปล่าเนี่ย? เธอพูดเข้าข้างผมด้วยเหรอ?
แต่ยังไม่ทันที่ลีออนจะรู้สึกซึ้งใจ รอสไวส์ก็เสริมต่อทันที “แต่…คุณก็ยังพอจะสาธิตให้ดูได้ใช่ไหมคะ ที่รัก?” เธอหันมามองลีออนด้วยแววตาซุกซนแสนรู้
ลีออนหรี่ตามองเธออย่างหงุดหงิด—ยัยมังกรนี่รู้ได้ยังไงกันนะ? ทั้งที่เขาไม่เคยบอกเรื่องที่ตอนนี้เขายังรวบรวมพลังเวทไม่ได้เลยสักนิด
ให้ตายสิ…พวกมังกรนี่ชอบพูดอะไรที่มนุษย์ไม่เข้าใจอยู่เรื่อยเลย!
“จริงเหรอคะ? พ่อคะ สาธิตให้ดูจริงก็เยี่ยมไปเลย!” ดวงตาของโนอาเปล่งประกายทันที
“เย้~ มูนก็อยากดูคุณพ่อเหมือนกัน! ต้องเท่มากแน่เลย!” มูนก็ไม่ยอมน้อยหน้า รีบแจมความตื่นเต้นเข้ามาทันที
รอสไวส์ยิ้มเจ้าเล่ห์หันมามองลีออน “ลูกทั้งคู่อยากเห็นแล้วนะคะ ที่รัก แค่สาธิตนิดหน่อยเอง”
ลีออนรู้สึกราวกับถูกผลักตกลงไปในหลุมไฟ เขาถูกแม่มังกรตัวนี้ล้อมไว้หมดทุกทางแล้ว จะถอยหลังก็ไม่ได้ จึงจำใจต้องลองดู หวังแค่ว่ามันจะไม่ออกมาน่าอายเกินไป
“โอเคครับ เดี๋ยวคุณพ่อจะลองสาธิตให้ดูนะ”
พูดจบ ลีออนก็ลุกขึ้น ย่อตัวลงเล็กน้อย ประสานมือเข้าด้วยกัน เริ่มรวบรวมพลังเวท เส้นสายฟ้าระยิบระยับแล่นไปมาระหว่างฝ่ามือ
เขาค่อย ๆ แยกมือออก แล้วสายฟ้าก็รวมตัวกันกลายเป็นรูปทรงของดาบในมือของเขา—เวทสายฟ้าระดับ B “แปลงสายฟ้าเป็นดาบ”
ลีออนฮึดเบา ๆ แล้วส่งดาบสายฟ้าเล่มนั้นให้โนอา “เอ้า ของลูก”
โนอาจ้องมองดาบสายฟ้าตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ ปากก็เผลอกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก “คุณพ่อคะ หนูอยากได้ดาบ ไม่ใช่ไม้จิ้มฟันนะคะ…”
ใช่แล้ว—หลังจากที่ค่ามานาถูกใช้จนหมดสิ้น นักล่ามังกรผู้เคยโค่นคอนสแตนตินด้วยดาบสายฟ้าเพียงครั้งเดียวก็หมดสภาพอย่างหนักถึงขั้นต้องออกแรงเหงื่อชุ่มเพื่อสร้างแค่ “ไม้จิ้มฟันสายฟ้า”
โนอารับไม้จิ้มฟันสายฟ้ามาอย่างเก้อ ๆ ยกขึ้นมาพิจารณาใกล้จมูกอย่างตั้งใจ หวังจะมองเห็นรายละเอียดอะไรสักอย่าง…แต่เปล่าเลย มันเล็กยิ่งกว่าประกายจากท่าแทงสายฟ้าของเธอเสียอีก มองแทบไม่เห็น!
ลีออนกระแอมไอแก้เขิน เตรียมจะอธิบายบางอย่าง
แต่รอสไวส์ก็ชิงพูดก่อนอีกแล้ว—ราชินีลุกขึ้นยืน วางลูกสาวตัวน้อยไว้บนม้านั่งเบา ๆ แล้วเดินตรงมาหาลีออน มือขวาของเธอวางลงเบา ๆ บนแขนเขา พร้อมสายตาที่อ่อนโยนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ไม่เป็นไรนะ ที่รัก”
ลีออนเม้มปากแน่น สายตาจับจ้องที่ริมฝีปากของเธออย่างระแวดระวัง—ประสบการณ์สอนเขามานักต่อนักแล้วว่า…สิ่งที่มังกรตัวนี้จะพูดต่อไปมันต้องมีอะไรแน่!
“ถึงจะดุ้นจิ๋ว…แต่มันก็น่ารักนะ~”
“…”
ยัยมังกรตัวแสบเอ๊ย! สักวันเธอจะได้รู้ซึ้ง…ว่า “ใหญ่” ของจริงมันเป็นยังไง!!
บท 168: รู้ไหมว่าฉันผ่านหกเดือนนี้มายังไง? คลิกอ่านที่นี่ สนับสนุนโดย amb168
หลังมื้อเย็น รอสไวส์เรียกลูกสาวสองคนให้อยู่ต่อ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “โนอา มูน คืนนี้แม่มีภารกิจจะมอบหมายให้พวกหนูทั้งสองคนนะ”
พอได้ยินว่ามีภารกิจ ทั้งสองสาวน้อยก็ลุกวาวขึ้นมาทันที
“แม่คะ ภารกิจอะไรเหรอ?” โนอาถาม
รอสไวส์เดินกลับเข้าไปในห้องนอน แล้วอุ้มลูกสาวคนเล็กออกมาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะส่งต่อให้โนอาอุ้มไว้ โนอาแม้จะไม่ได้อุ้มเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ “แม่คะ นี่คือ…”
“คืนนี้ น้องสาวของลูกจะได้นอนกับพวกลูกนะ เพื่อเสริมสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องทั้งสามคนให้แน่นแฟ้นขึ้น” รอสไวส์อธิบาย
โนอาก้มลงมองน้องสาวที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขน แล้วพยักหน้า “ได้เลยค่ะ มูนกับหนูก็อยากนอนกับน้องอยู่แล้วด้วย”
“เย้~ คืนนี้จะได้นอนกับน้องแล้ว~ ดีใจจังเลย~”
“ชู่ว~” โนอารีบยกหางขึ้นมาใช้ปลายหางแตะใกล้ปากของมูนเป็นสัญลักษณ์ให้เงียบ “อย่าเสียงดัง เดี๋ยวน้องตื่น”
มูนพยักหน้าอย่างว่าง่าย พร้อมกับหยิกหางของพี่สาวเบา ๆ
รอสไวส์ปรบมือเบา ๆ “เอาล่ะ ในเมื่อเข้าใจภารกิจแล้ว ก็ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ดีนะ”
“ค่ะ แม่!”
โนอาจัดท่าน้องสาวในอ้อมแขนให้มั่นคงก่อนจะหันไปหาน้องสาวอีกคน
“มูน ไปกันเถอะ”
“ค่ะ พี่!”
พี่น้องมังกรจิ๋ว ทีมปฏิบัติการพิเศษ (พร้อมภารกิจดูแลเด็ก) ออกปฏิบัติภารกิจแล้ว!
ทั้งสองสาวน้อยเดินออกจากห้องแม่ด้วยจังหวะพร้อมเพรียงกันเป๊ะ ราวกับขบวนทหารย่อส่วน
ลีออนนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เคี้ยวขนมปังช้า ๆ พร้อมกับชมภาพตรงหน้าด้วยความเงียบงันและพึงพอใจ
เขาสังเกตเห็นว่า…รอสไวส์เปลี่ยนไปจริง ๆ
จาก “แม่มังกรผู้เคร่งขรึม” ที่แทบไม่เคยยิ้มให้ลูกในช่วงแรก ตอนนี้เธอกลายเป็น “คุณแม่ผู้ใจดี” ที่สามารถหยอกล้อและพูดจาชวนหัวกับลูก ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ คอยมีบทบาทในกิจกรรมต่าง ๆ ของครอบครัวด้วยคำพูดท่าทางที่นุ่มนวล
แม้ในสายตาของข้าราชบริพาร ราชินีของพวกเขายังคงเป็นราชินีสายงานหนักเช่นเดิม แต่ในบ้าน…เธอกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ ลีออนก็ไม่คาดคิดมาก่อน
ในความคิดของเขา มังกรก็คือเผ่าพันธุ์หัวแข็ง หยิ่งผยอง และเผด็จการมาตลอด
ไม่คิดเลยว่าแค่ในเวลาเพียงหนึ่งปี รอสไวส์จะเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนขนาดนี้
ฮึ่ม…เห็นไหมล่ะ ยัยมังกร? เมื่อเทียบกับหลักการเลี้ยงดูแบบคร่ำครึและแข็งทื่อของพวกมังกรแล้ว อุดมคติของมนุษย์เรานำหน้าไปไกลลิบ จะตามให้ทันคงต้องใช้เวลาอีกยี่สิบปีเป็นอย่างน้อย
และการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ ของรอสไวส์นี้…ก็ส่งผลไปถึงลูกสาวทั้งสองคนของเธอด้วย
โดยเฉพาะโนอา
แม้ว่าในฐานะลูกสาวคนโต เธอจะยังตั้งมาตรฐานให้ตัวเองสูงลิ่วเหมือนเดิม แต่เธอก็ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองเหมือนเมื่อตอนที่ลีออนเจอครั้งแรกอีกต่อไปแล้ว ตอนนั้นเธอแทบไม่กล้าแสดงอารมณ์หรือความรู้สึกที่แท้จริงออกมา ต้องค่อย ๆ ทดลอง ค่อย ๆ ยื่นมือหาคนอื่นทีละนิด
แต่มองตอนนี้สิ—ไม่ว่าจะมองยังไง ครอบครัวนี้ก็กำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
คิดมาถึงตรงนี้ ลีออนก็ถอนหายใจเบา ๆ อย่างโล่งใจ “ลูกสาวนี่เข้าใจอะไรดีจริง ๆ รู้จักช่วยแบ่งเบาความเหนื่อยล้าของพ่อแม่”
รอสไวส์ที่หันหลังให้เขาอยู่ หลุดหัวเราะเบา ๆ อย่างเย็นชา โดยไม่พูดอะไร
ลีออนชะงักไปทันที รู้สึกงุนงงกับเสียงหัวเราะนั้น
เขาพูดอะไรผิดไปหรือเปล่านะ…
กลืนน้ำลายเอื๊อก…ทำไมถึงรู้สึกไม่ค่อยดีแปลก ๆ แบบนี้ล่ะ?
“ลีออน” รอสไวส์ยังคงหันหลังให้เขา
ลีออนขยับตัวเล็กน้อยบนเก้าอี้ กลืนน้ำลายอีกครั้ง “ม-มีอะไรเหรอ?”
“วันก่อน ตอนที่นายล้มคอนสแตนติน มันต้องเหนื่อยมากแน่ ๆ เลยสินะ” รอสไวส์พูดพลางค่อย ๆ หันกลับมา
รอยยิ้มยั่วเย้าปรากฏบนใบหน้าของรอสไวส์ ลักยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นตรงมุมปาก ดวงตาสีเงินของเธอจ้องมองลีออนแน่วแน่ ขณะที่เธอค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหาเขาทีละก้าว
ลีออนก้มหน้าลง มองข้อเท้าเล็ก ๆ ของเธอที่โผล่พ้นชายกระโปรงออกมา
ก้าวย่างของเธอแม้จะช้า แต่หัวใจของลีออนกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ
เรดาร์นักล่ามังกรของเขาดังสนั่นไม่หยุด
ประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีทำให้ลีออนรู้ทันทีว่าแม่มังกรคนนี้…คิดจะทำอะไร
เขาค่อย ๆ ลุกขึ้น แล้วเดินอ้อมไปหลังเก้าอี้ ตั้งเก้าอี้คั่นกลางไว้ระหว่างตัวเองกับรอสไวส์ เผชิญหน้ากันแบบมีโล่กำบัง
“บอกไว้ก่อนเลยนะ แม่มังกร หนังสือเขียนไว้ว่าหลังคลอด ควรงดเว้นกิจกรรมอย่างว่าอย่างน้อยสองเดือน เพราะมันจะเป็นอันตรายต่อร่างกายของฝ่ายหญิงมาก”
รอสไวส์เลิกคิ้วขึ้น “หนังสืออะไรที่นายอ่านมา?”
“‘คู่มือดูแลแม่มังกรหลังคลอด’ น่ะสิ”
ผิด! เขาไม่เคยอ่านหนังสือเล่มนั้นเลยด้วยซ้ำ
ไอ้คำว่า “งดเว้นอย่างน้อยสองเดือน” น่ะ จริง ๆ แล้วหมายถึงมนุษย์เพศหญิง ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตแกร่งอย่างรอสไวส์สักหน่อย
รอสไวส์หัวเราะเบา ๆ อย่างอ้อยอิ่ง—เธอเข้าใจแล้วว่าลีออนเอาสติปัญญาทั้งหมดไปทุ่มกับการล่ามังกรจนหมด
ถ้าเขายอมใช้สมองคิดให้ละเอียดอีกนิด เขาคงรู้ได้ทันทีว่า…ในเมื่อเธอกล้าขยับมาแบบนี้ ก็แปลว่าเธอต้องศึกษาสุขภาพหลังคลอดมาแล้วแน่ ๆ
สำหรับเผ่าพันธุ์ขนาดใหญ่และแข็งแรงอย่างมังกร ถ้าการคลอดราบรื่น ร่างกายก็สามารถฟื้นตัวได้ภายในเวลาแค่สองถึงสามวันเท่านั้น
“อะไรคือ ‘อย่างน้อยสองเดือน’ น่ะ? ฉันไม่เคยได้ยินเลยสักนิด!”
“เอาล่ะ ลีออน ไหน ๆ นายก็เดาออกแล้วว่าฉันจะทำอะไร งั้นก็เลิกขัดขืนซะเถอะ เป็นเด็กดีซะดี ๆ”
“เธอ…เธอเห็นแล้วนี่ ว่าตอนฆ่าคอนสแตนติน ผมแข็งแกร่งแค่ไหน! บอกไว้ก่อนเลยนะ ต่อให้เธอเป็นแม่ของลูก ผมก็ไม่ปรานีหรอก!”
“แหม~ กลัวจังเลย~ นักล่ามังกร~ ช่วยออมมือ หน่อยนะ~ ได้ไหมคะ~?”
รอสไวส์พูดด้วยน้ำเสียงแสนจะยั่วเย้าเกินจะทน แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนสีหน้าในทันที กลายเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่น่าหมั่นไส้
“เชอะ ถ้านายยังเก่งเหมือนตอนฆ่าคอนสแตนตินจริง ๆ ล่ะก็ ตอนนี้ฉันคงหมดสติไปแล้ว นายก็คงได้นอนหลับสบายไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วล่ะ!”
แย่ล่ะสิ…
แผนบังหน้าเล็ก ๆ ของเขาถูกแม่มังกรรอสไวส์เปิดโปงอย่างไร้ปรานี
เดี๋ยวนะ…ไม่ใช่เหรอว่าคนท้องจะสมองช้าลงสามปี?
แล้วทำไมเธอถึงไม่เพียงไม่ซื่อขึ้น แต่กลับฉลาดขึ้นกว่าตอนก่อนท้องอีกล่ะ!?
เมื่อเกลี้ยกล่อมหรืออธิบายเหตุผลไม่ได้ผล ลีออนก็หันไปใช้ตรรกะสุดท้าย “มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ รอสไวส์ วันนี้ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมเธอถึง…ถึงคิดจะ…จะทำแบบนี้กับฉันล่ะ?”
แต่ราชินีกลับแค่นเสียงเย็น “นายรู้ไหมว่าเราไม่ได้เล่นเกม ‘ราชินีกับเชลย’ มานานแค่ไหนแล้ว? หกเดือนเจ็ดวัน! นายรู้ไหมว่าฉันผ่านหกเดือนนี้มายังไง!?”
“เธอ…อะไรกัน! จะทำอะไรก็เรื่องของเธอสิ! ผมเป็นผู้ชายยังอดทนได้เลย ทำไมเธอเป็นผู้หญิงถึงเสพติดขนาดนี้?”
“นี่ไม่ใช่เรื่องของการเพติดหรอกนะ ลีออน…แต่มันคือ ‘ความปรารถนาในการพิชิต’ ของราชินีต่างหากล่ะ”
“นี่เป็นครั้งแรกเลยนะ ที่ผมได้ยินใครพูดถึงการส่งการบ้านว่าเป็นคำนิยามสุดเฟี้ยวขนาดนี้”
“เลิกพูดมากได้แล้ว ดูปากนายตอนนี้สิ พูดจาแบบนี้ได้ยังไง ฉันปล่อยให้นายลอยตัวมาแล้วตั้งหกเดือน ยังกล้ากลับมาพูดท้าทายฉันอีก ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ นายอาจคิดจะยึดบัลลังก์ฉันก็ได้ เพราะงั้น…ถึงเวลาต้องอบรมให้นายรู้จัก ‘ลำดับชั้นในบ้าน’ ซะบ้างแล้วล่ะ”
ลีออนหลับตาถอนหายใจอย่างหมดหนทาง พลางยกมือขึ้นขยี้หน้าผาก “ ถ้ารู้แบบนี้ ควรไว้ชีวิตคอนสแตนติน รอให้มันกลับมาแก้แค้น แล้วค่อยใช้มันจัดการเธอทีหลัง!”
“หืม? พูดแบบนี้ งั้นฉันคงต้อง ‘ตอบแทน’ ผู้พิทักษ์ของฉันให้มากขึ้นอีกหน่อยล่ะมั้ง~”
“…หนีไม่พ้นแล้วใช่ไหม?”
ราชินีหรี่ตาลงแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “ฉลาดมาก ที่รัก~”
ในเมื่อสถานการณ์มาถึงขนาดนี้ ดูเหมือนว่าเขาคงต้อง “ยอมส่งการบ้าน” คืนนี้เสียแล้ว
แต่ถึงจะต้องยอม…ลีออนก็ไม่มีวันยอมแพ้อย่างหมอบคลานเด็ดขาด!
ด้วยแววตามุ่งมั่น ลีออนกัดฟันแน่น กระทืบเท้าหนัก ๆ แล้วผลักเก้าอี้ที่กั้นระหว่างเขากับรอสไวส์ออกไป จากนั้นก็สาวเท้าเข้าไปหาราชินีทันที
ก่อนที่รอสไวส์จะทันตั้งตัว ลีออนก็ยกมือกดไหล่เธอไว้แน่น แล้วดันร่างเธอไปแนบกับตู้เสื้อผ้าด้านหลัง
รอสไวส์สะดุ้งเล็กน้อย จ้องมองเข้าไปในดวงตาสีดำที่อยู่ใกล้จนแทบจะชนกัน หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมาชั่วขณะ
หืม…ไม่ได้เจอกันแบบนี้นานแล้วจริง ๆ เธอถึงเผลอให้หมอนี่พลิกเกมได้แบบนี้
“งั้นเหรอ? ความปรารถนาในการพิชิตของราชินี… ลำดับชั้นในครอบครัว… แล้วก็หกเดือนที่เธออดทนมาใช่ไหม?”
ลีออนจับข้อมือของรอสไวส์ไว้ แล้วค่อย ๆ ยกแขนของเธอขึ้นช้า ๆ สุดท้ายก็กดข้อมือทั้งสองข้างแนบกับผนังเหนือศีรษะของเธอ
ใบหน้าทั้งสองใกล้กันจนปลายจมูกสัมผัสกัน แรงหายใจร้อนผ่าวของทั้งคู่หลอมรวมกัน สายตาประสานกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ดวงตาของรอสไวส์ฉายแววยั่วเย้าไม่ลดละ ริมฝีปากเร่าร้อนแตะต้องริมฝีปากของลีออนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างหยอกล้อ
“แล้วไงล่ะ…จะเอายังไงดี? นายจะทำอะไรกับฉันล่ะ?”
บท 169: รอสไวส์? แม่มดสาวผู้ถักทอ! คลิกอ่านที่นี่ สนับสนุนโดย amb168
เช้าวันถัดมา ลีออนค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ
ยังไม่ทันได้พยายามลุกขึ้นนั่ง ความปวดเมื่อยที่คุ้นเคยก็แล่นวาบไปทั่วร่าง
โดยเฉพาะบริเวณเอว…
ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ… ไต
โอ้แม่เจ้า ความปวดนี้ทั้งเปรี้ยวทั้งสุขสม
รู้สึกเหมือนว่าไตของเขาสามารถถูกควักออกไปปิ้งบนเตาย่าง แล้วยังจะเปรี้ยวได้อยู่เลย
กักเก็บพลังของมนุษย์มาถึงหกเดือน แล้วปลดปล่อยออกไปในคืนเดียว—แถมอาจจะเลยเถิดเกินขีดไปนิด—แล้วเช้ามายังตื่นขึ้นมาได้แบบปลอดภัยดี ๆ แบบนี้…มันคือปาฏิหาริย์แห่งปาฏิหาริย์แล้วจริง ๆ
หลังจากนอนนิ่ง ๆ อยู่อีกครู่หนึ่ง ปรับตัวเข้ากับอาการปวดเมื่อยทั่วร่างได้แล้ว ลีออนก็กัดฟันยันตัวลุกขึ้น นั่งลงที่ขอบเตียงอย่างทุลักทุเล
ภายในห้องถูกจัดเก็บเรียบร้อยแล้ว ผ้าปูที่นอนก็เปลี่ยนเป็นชุดใหม่เอี่ยม
ลีออนขมวดคิ้วเล็กน้อย—ผ้าปูที่นอนเปลี่ยนเป็นชุดใหม่แล้ว แต่เขายังอยู่บนเตียง นั่นหมายความว่า…รอสไวส์น่าจะอุ้มเขาออกไปตอนเขาหลับ เปลี่ยนผ้าปู แล้วอุ้มเขากลับขึ้นมาอีกที
งั้นอาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวพวกนี้…อาจจะไม่ใช่แค่เพราะเรื่องเมื่อคืนอย่างเดียวก็ได้?
ยัยมังกรเฮงซวย! กล้าทำกับผมแบบนี้เชียวเหรอ!? นี่หรือคือสิ่งที่เธอตอบแทนผู้ช่วยชีวิต!?
ในขณะที่กำลังด่าอยู่ในใจ ลีออนก็ได้ยินเสียงดังมาจากโต๊ะเครื่องแป้ง
เขาหันไปมอง แล้วก็เห็นรอสไวส์กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง หลังตรง ผมเงินยาวสลวยสยายลงมาด้านหลัง
แสงแดดยามเช้าส่องกระทบข้างแก้มของเธอทอดเงายาวลงบนพื้นไม้
ละอองฝุ่นในแสงแดดปลิววนอยู่รอบ ๆ รอสไวส์ ราวกับภูตน้อยจอมซนที่เต้นระบำไปรอบตัวเธอ
เธอนั่งแต่งหน้าอย่างสงบนิ่ง นิ้วเรียวยาวขาวดุจหยกเคลื่อนไหวอย่างช่ำชอง ใช้แปรงและพัฟต่าง ๆ อย่างเชี่ยวชาญ
ลีออนเป็นผู้ชายประเภท ‘ไม่ค่อยมีความอดทน’ ตามแบบฉบับทั่วไป ในอดีต เขาไม่เคยชอบเลยเวลา ‘อาจารย์’ ชวนไปเดินดูเครื่องสำอางหรือซื้อของ เขาคิดว่าเป็นเรื่องเปลืองเวลาโดยเปล่าประโยชน์
แต่ที่น่าแปลกคือ เขากลับไม่เคยรู้สึกเบื่อเวลาเห็นรอสไวส์แต่งหน้า
ผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์บางอย่างในตอนที่เธอแต่งหน้า—นิ่ง สง่า และสงบ
ทุกการเคลื่อนไหวของเธอแม้จะดูเรียบง่าย แต่กลับเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ และหากจ้องเธอนานเกินไป ก็อาจหลงมนต์สะกดของเธอได้ง่าย ๆ
ราวกับว่า…แม้แต่โลกจะล่มสลายลงในอีกหนึ่งวินาทีข้างหน้า มันก็ต้องรอให้ราชินีมังกรเงินผู้นี้แต่งหน้าเสร็จก่อน
หรืออาจจะเป็นเพราะในช่วงเวลาแบบนี้ เธอสงบนิ่งและดูมีความสุข—สิ่งที่หาได้ยากจากเธอนั่นเอง
โดยปกติแล้ว เธอมักจะยุ่งอยู่ตลอดเวลา จนทั้งร่างกายและจิตใจเหนื่อยล้าอย่างถึงขีดสุด
หลังจากแต่งหน้าเสร็จ รอสไวส์ก็จัดแต่งทรงผมของตัวเองให้เรียบร้อย แล้วจึงลุกขึ้นช้า ๆ หันมาทางเตียงใหญ่แล้วพูดว่า “อ้าว ตื่นแล้วเหรอ”
ลีออนแค่สูดหายใจเงียบ ๆ แล้วเบือนหน้าหนี ไม่ยอมสบตาเธอแม้แต่น้อย
รอสไวส์เลิกคิ้วนิดหนึ่ง พลางคิดในใจว่า ‘หืม…เมื่อคืนเล่นแรงไปหน่อยเลยน้อยใจเหรอ? แล้วจะน้อยใจทำไมกันล่ะ? อดีต ปัจจุบัน และอนาคตของนาย…ล้วนอยู่ภายใต้ปลายนิ้วของฉันหมดแล้ว ชินซะเถอะ~’
เธอก้าวเดินอย่างอ้อยอิ่งมาหยุดยืนฝั่งตรงข้ามของเตียงใหญ่ ในตำแหน่งที่อยู่ในมุมสายตาของลีออนพอดี
คราวนี้ลีออนไม่หันหน้าหนีอีก เพราะเขารู้ดีว่า ถ้าเมินเธออีกล่ะก็…มีหวังว่ายัยมังกรคงจะปีนขึ้นเตียงมาทับเขาแน่นอน สู้ยอมรับโชคชะตาไปซะดีกว่า
ลีออนจ้องมองรอสไวส์อย่างพินิจ
เส้นผมสีเงินของเธอถักเป็นเปียหลวม ๆ พาดลงมาที่หน้าอก เธอสวมชุดเดรสแขนกุดสีเข้มเล็กน้อย ตัวชุดค่อนข้างรัดรูป โชว์ส่วนเว้าส่วนโค้งได้อย่างชัดเจน
สายเดรสบางเฉียบพาดอยู่บนบ่า และเพราะรูปร่างของเธอที่อวบอิ่ม ด้านหน้าจึงเผยให้เห็นเนินขาวนวลนิด ๆ รอยสักมังกรเงินที่อยู่บนอกลากยาวลงไปถึงร่องลึกเบา ๆ ทำเอาคนมองจินตนาการไปไกล
ราชินีผู้สง่างามยืนกอดอก ส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ลีออน ราวกับกำลังเพลิดเพลินกับสายตาของเขาที่จับจ้องมา
เธอไม่ค่อยแต่งตัวสไตล์นี้นัก แต่พอใส่แล้วกลับยิ่งขับให้เสน่ห์ผู้หญิงของเธอพุ่งทะลุเพดาน
เดี๋ยวนะ…ลีออนขมวดคิ้ว
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่คำว่า “ผู้หญิงมีเสน่ห์แบบผู้ใหญ่” มาปรากฏอยู่ในเผ่าพันธุ์ที่มีอายุยืนแบบนี้?
บรรยากาศที่รอสไวส์แผ่ออกมาในตอนนี้…มันชัดเจนเลยว่าเธอคือ “ภรรยาเต็มตัว”!
เครื่องสำอางที่แต่งอย่างเรียบหรู สีหน้าสงบนิ่ง และเปียที่บิดเกลียวคล้องหน้าอก คือภาพจำลองของ “ภรรยาผู้มากประสบการณ์” อย่างแท้จริง
นี่เธอวางแผนจะเปลี่ยนลุคหลังคลอดลูกคนที่สองหรือยังไง? หันมาแต่งสไตล์แม่บ้านเต็มตัว?
ยังไม่ทันที่ลีออนจะวิเคราะห์อะไรได้มากนัก เขาก็เห็นรอสไวส์ค่อย ๆ โน้มตัวลง มือวางลงบนที่นอนนุ่ม แล้วคืบคลานเข้ามาหาเขาอย่างช้า ๆ ราวกับลูกแมวขี้ระแวงตัวหนึ่ง
ลีออนผงะเล็กน้อย “ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ เธอจะทำอะไรน่ะ? นี่มันเช้านะ อีกเดี๋ยวเด็ก ๆ ก็จะเข้ามาแล้วนะ”
“จะตื่นเต้นอะไรนักหนา ฉันไม่ได้จะทำอะไรนายซะหน่อย” รอสไวส์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี “อีกอย่าง เมื่อคืนก็ทำกันหมดไปแล้วไม่ใช่เหรอ~”
ลีออนกลอกตาอย่างเอือมระอา เอนตัวพิงหัวเตียงแล้วถามกลับไปว่า “แล้ววันนี้เธอแต่งตัวแบบนี้…คืออะไร?”
รอสไวส์ขยับตัวนั่งตะแคงอยู่บนเตียง เอียงคอเล็กน้อยแล้วยิ้มหวานให้ลีออน แทนที่จะตอบคำถาม เธอกลับถามกลับว่า “นายว่าชุดนี้สวยไหม?”
ลีออนชะงักเล็กน้อย “ก็…พอไหวนะ”
ทันใดนั้น รอยยิ้มของรอสไวส์ก็หายวับไป “ฉันจะให้นายลองพูดใหม่อีกครั้งนะ”
ลีออนยังคงหนักแน่น “ถึงจะให้โอกาสพูดอีกสิบครั้ง ผมก็ยังคิดว่า ชุดนี้มัน—”
รอสไวส์พูดแทรกทันควัน “คืนนี้ ฉันจะให้ลูกคนเล็กนอนกับโนอาเหมือนเดิมอีกคืนนึง”
พริบตานั้น สีหน้าของลีออนเปลี่ยนทันที “ชุดนี้งดงามมาก สะกดสายตาสุด ๆ ราวกับนางงามไม่มีใครเทียบได้เลย!”
“ผู้ชายจริง ต้องรู้จักโอนอ่อนให้ถูกจังหวะนะ” รอสไวส์กล่าวอย่างผู้ชนะ
“จริง ๆ แล้ว ฉันคิดว่า…ตอนนี้เรามีลูกสามคนแล้วก็ควรจะแต่งตัวให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แบบนี้เวลาใครเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกัน เขาจะได้รู้สึกว่าเราดูเป็นครอบครัวจริง ๆ นายว่าไง?”
ลีออนกระพริบตาแล้วพยักหน้า “ฟังดูสมเหตุสมผลดี งั้นผมควรจะเลิกออกกำลังกาย ปล่อยตัวให้พุงล้น ใส่เสื้อกล้ามขาวทุกวัน สูบบุหรี่ซองละสิบเหรียญ ถือหนังสือพิมพ์ แล้วใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในห้องน้ำทุกเช้าเหรอ?”
“อธิบายผู้ชายวัยกลางคนได้ละเอียดขนาดนี้ นายมีประสบการณ์ตรงมาใช่ไหมเนี่ย?”
“ฉันเพิ่งยี่สิบสามนะ หน้าตาดูเหมือนเจอวิกฤตวัยกลางคนตรงไหน?”
“หึ…แนะนำให้นายพูดให้ดีนะ ในฐานะนักโทษของฉัน นายมีหน้าที่รักษารูปร่างและสมรรถภาพร่างกายให้ดีอยู่เสมอด้วย เข้าใจไหม?”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่นักโทษต้องมีหน้าที่แบบนั้นด้วย?”
“ก็พวกนักโทษคนอื่นน่ะ โดนประหารกันไปหมดแล้ว นายคิดดูสิว่าทำไมนายถึงยังไม่โดนฉันประหารจนถึงตอนนี้ล่ะ?”
“ก็เพราะเธอไม่กล้าลงมือไงล่ะ”
“เปล่าเลย ฉันอยากให้นายเป็นนักโทษของฉันไปตลอดชีวิต จะได้เลิกฝันเรื่องหนีไปซะที”
“เฮ้…นี่เราเริ่มจากคุยเรื่องแต่งตัว ทำไมจู่ ๆ กลายเป็นพูดถึงการเป็นนักโทษตลอดชีวิตล่ะ?”
หลังจากหยอกกันไปมาสักพัก ทั้งคู่ก็ตกอยู่ในความเงียบอย่างเป็นจังหวะ โดยไม่มีใครต้องเอ่ยนำ และเพียงแค่จ้องตากันอย่างเงียบงัน
ดวงตาสีดำและสีเงินสบประสานกันเนิ่นนาน จนในที่สุด ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาพร้อมกัน
แม้การแต่งงานของพวกเขาอาจจะเป็นเรื่องสมมติ หรืออาจจะเป็นเรื่องลวง แต่ความเข้าใจโดยไม่ต้องพูดและความกลมกลืนระหว่างกันนั้น กลับเป็นของจริง
แน่นอน ทั้งคู่ต่างก็เชื่อว่านี่เป็นเพียง “ความเข้าใจอันแนบแน่นระหว่างศัตรูคู่อาฆาต” เท่านั้น
แต่แท้จริงแล้วเป็นเพราะว่าพวกเขาคือศัตรูคู่อาฆาต…หรือเป็นคู่พรหมลิขิตที่นำพามาเจอกัน—ใครจะรู้แน่ได้ล่ะ?
บท 170: บรรยากาศเผ่ามังกรช่างคึกคักสุดๆ คลิกอ่านที่นี่ สนับสนุนโดย amb168
รอสไวส์แต่งหน้าอย่างประณีตและสวมชุดสวยอย่างตั้งใจ นอกจากเหตุผลที่เพิ่งบอกกับลีออนว่าอยากเปลี่ยนลุคหลังคลอดลูกคนที่สองแล้ว อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ…คืนนี้มีงานเลี้ยง
หลังจากเอาชนะคอนสแตนตินได้ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์แล้ว เหล่านางกำนัลและกองทหารองครักษ์ก็ฟื้นตัวเกือบสมบูรณ์ตามลำดับ ตามธรรมเนียมของเผ่ามังกร หลังสงครามทุกครั้ง จะต้องมีพิธีรำลึกถึงเหล่าสหายผู้ล่วงลับ
แน่นอนว่า นอกจากไว้อาลัยให้ผู้จากไป ก็ต้องฉลองชัยชนะที่ได้มาอย่างยากเย็นด้วย
“ดูเหมือนว่าเผ่ามังกรเงินของเธอจะไม่ค่อยจัดงานเลี้ยงเลยนะ เมื่อเทียบกับเผ่าอื่นที่ฉลองกันทุกเทศกาล เผ่าของเธอนี่ออกจะเรียบ ๆ ไปหน่อย” ลีออนกล่าว
“ฉันยังจำได้เลย เมื่อหลายปีก่อน หน่วยของเราถูกสั่งให้บุกโจมตีกลางดึก ตอนที่พวกเราบุกเข้าไป เผ่ามังกรนั้นยังปาร์ตี้ฉลอง ‘ครบ 100 วันแห่งการขับไล่กองทัพนักล่ามังกรจักรวรรดิ’ กันอยู่เลย”
รอสไวส์หัวเราะเบา ๆ “ใช่ พวกมังกรเงินเราน่ะไม่ชอบอะไรเว่อร์วังนัก งานเลี้ยงใหญ่ครั้งล่าสุดของเรา ก็เมื่อสามปีก่อนนี่แหละ”
ลีออนเลิกคิ้ว ถามอย่างสนใจ “เมื่อสามปีก่อน? เพื่อรำลึกถึงอะไรเหรอ?”
รอสไวส์หรี่ตาแล้วยิ้มมุมปาก “เพื่อรำลึกถึงวันที่เราปราบนักล่ามังกรที่แข็งแกร่งที่สุดของจักรวรรดิอย่าง ‘ลีออน แคสมอร์ด’ ได้สำเร็จไงล่ะ แล้วก็จับเขาเป็นเชลยได้เรียบร้อย”
“…”
ริมฝีปากของรอสไวส์ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มขำ ๆ ขณะเดินเข้ามาใกล้ ลูบไหล่ของลีออนเบา ๆ “เธอนี่โชคดีจริง ๆ นะ คุณสามีเจ้าขา… ได้เป็นพระเอกของงานเลี้ยงใหญ่ติดต่อกันสองครั้งของเผ่ามังกรเงินเลย เป็นที่ฮือฮาไปทั่วเผ่ามังกรแล้วล่ะ”
ลีออนปัดมือเธอออกอย่างรำคาญ ก่อนจะคว้าเสื้อคลุมจากที่แขวนแล้วเดินมุ่งหน้าออกจากประตูไปอย่างหงุดหงิด
รอสไวส์มองตามแผ่นหลังของเขาที่กำลังจะเดินออกไป “จะไปไหนน่ะ?”
“ไปดูแลลูก!”
“อย่าเล่นเพลินจนดึกล่ะ ท่านพ่อบ้าน~ คืนนี้ยังต้องไปงานเลี้ยงอยู่นะ…เจ้าชาย~”
ปัง—
เสียงปิดประตูอย่างแรงคือคำตอบเดียวที่เธอได้รับ
รอสไวส์กอดอก มองไปยังโถงหน้าบ้านที่ว่างเปล่า แต่ยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าดังสะท้อนอยู่ในทางเดิน เธอนึกภาพใบหน้าหงุดหงิดของเจ้านักล่ามังกรนั่นเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
เหมือนปลาปักเป้าที่เผลอกินระเบิดเข้าไปยังไงยังงั้น
เธอหลุดหัวเราะเบา ๆ อย่างอดไม่ได้ ก่อนที่ในวินาทีนั้น รอยยิ้มของราชินีก็แข็งค้างไปในทันที
น่ารักเหรอ?
ทำไมเธอถึงคิดว่าลีออนน่ารักได้ล่ะ?
ไม่ ไม่ ไม่ เป็นไปไม่ได้
คำว่า “น่ารัก” น่ะ… เป็นคำดูถูกต่างหาก!
ใช่แล้ว สำหรับเผ่ามังกรแล้ว คำว่า “น่ารัก” เป็นคำดูถูกโดยสมบูรณ์
ดังนั้น เธอจึงไม่มีวันรู้สึกว่าลีออน “น่ารัก” เด็ดขาด!
เมื่อหาเหตุผลมารองรับความคิดประหลาดของตัวเองได้ รอสไวส์ก็ถอนหายใจโล่งอก
เธอตบเบา ๆ ที่แก้มตัวเองเพื่อเรียกสติ ปรับอารมณ์ และในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ราชินีผู้หยิ่งผยองและสง่างามก็กลับมาในโหมดเดิมอีกครั้ง
รอสไวส์หยิบเสื้อนอกที่เข้าชุดกับเดรส เลือกเครื่องประดับเล็กน้อยที่ใส่เฉพาะในโอกาสเป็นทางการ แล้วหลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย ก็เปิดประตูเดินออกจากห้องไป
เพียงเจ็ดวันหลังคลอด เธอก็กลับมาทำงานแล้ว ช็อกเหล่านางกำนัลจนตาค้างกับความบ้างานขั้นสุด!
ลุย!
เวลาแปดโมงเย็น งานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นตรงตามกำหนด
แอนนา หัวหน้าห้องรับรองที่อาการเกือบหายดีแล้ว เป็นผู้รับผิดชอบตารางงานทั้งหมดของงานเลี้ยงในครั้งนี้ แท้จริงแล้ว เธอเองก็ไม่คาดคิดว่าฝ่าบาทจะกลับมารับภาระงานประจำของวิหารมังกรเงินอีกครั้ง เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากให้กำเนิดบุตร
เธอเคยถามฝ่าบาทว่าทำไมไม่พักผ่อนให้มากกว่านี้ แม้ว่าเธอเองจะยังบาดเจ็บอยู่ แต่ก็ยังสามารถรับผิดชอบงานแทนฝ่าบาทได้โดยไม่มีปัญหา
รอสไวส์ตอบว่า ถึงแม้ศึกครั้งล่าสุดจะเป็นชัยชนะ แต่พวกเขาก็ต้องสูญเสียสหายร่วมรบไปไม่น้อย ทหารบางคนก็ยังรู้สึกหดหู่ ในฐานะราชินีแห่งเผ่ามังกรเงิน หน้าที่ของเธอคือต้องสร้างขวัญกำลังใจให้ผู้คน และฟื้นฟูสภาพของเผ่าให้กลับมาเข้าที่เข้าทางโดยเร็วที่สุด
แอนนาเข้าใจและไม่ได้ถามอะไรอีก
ฝ่าบาทยังคงเป็นคนเดิม จริงจัง มีความรับผิดชอบ ขยันขันแข็ง แม้จะครองราชย์มาหลายสิบปีแล้ว แต่ไฟในการทำงานและทัศนคติกลับไม่เคยลดน้อยลงเลย
หลังจากงานเลี้ยงเริ่มต้น สิ่งแรกที่ทำคือการไว้อาลัยให้กับนักรบมังกรเงินที่สละชีวิตในการปกป้องครั้งนี้
วิธีการไว้อาลัยของเหล่ามังกรต่อสหายผู้ล่วงลับนั้นเต็มไปด้วยพิธีกรรม พวกเขาจะเขียนชื่อของผู้ที่เสียชีวิตลงบนวัตถุขนาดเล็กคล้ายยันต์ แล้วนำไปบรรจุไว้ในโคมพิเศษที่เรียกว่า “โคมนำวิญญาณ”
เมื่อเปลวไฟในโคมถูกจุดขึ้น โคมนั้นจะค่อย ๆ ขยายตัวและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ค่อย ๆ ลอยห่างออกไปในระยะไกล เปลวไฟในโคมจะดับลงโดยอัตโนมัติเมื่อถึงความสูงที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันอันตราย เช่น ไฟป่าหรือเหตุไม่คาดฝันอื่น ๆ
การปล่อยโคมนำวิญญาณเป็นสัญลักษณ์ว่า ดวงวิญญาณของผู้ล่วงลับจะได้โบยบินอย่างอิสระตลอดกาลบนฟากฟ้า
ค่ำคืนนี้ เผ่ามังกรเงินได้ปล่อยโคมนำวิญญาณรวมทั้งสิ้น 234 ดวง แทนจำนวนนักรบมังกรเงิน 234 ชีวิตที่สูญเสียไปในศึกกับคอนสแตนติน
เมื่อเทียบกับมนุษย์ที่พึ่งพาจำนวนมหาศาลและโชคชะตา เหล่ามังกรที่ยึดหลัก “คุณภาพ” มีประชากรไม่มากนัก ดังนั้นตัวเลข 234 จึงไม่ใช่จำนวนน้อยเลย
ณ ลานกว้างใกล้กองไฟ กลางลานของวิหารมังกรเงิน โคมนำวิญญาณ 234 ดวงถูกปล่อยขึ้นทีละดวง ส่องแสงสว่างไสวทั่วฟากฟ้ายามค่ำคืน
ในงานเลี้ยงคืนนี้ มีสมาชิกเผ่ามังกรเงินบางคนแอบสะอื้นเบา ๆ แอบเช็ดน้ำตาโดยไม่ให้ผู้อื่นสังเกตเห็น เพื่อไม่ให้ความเศร้าสร้างบรรยากาศหม่นหมองเกินไป บางคนก็ตะโกนชื่อของสหายหรือเพื่อนสนิทที่จากไปขึ้นสู่ฟากฟ้า ส่งข้อความถึงพวกเขาผ่านโคมนำวิญญาณ บอกให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างเสรีในโลกหน้า
เมื่ออารมณ์ของสมาชิกในเผ่าค่อย ๆ สงบลง รอสไวส์ในฐานะราชินีจึงก้าวขึ้นไปยังแท่นปราศรัยเพื่อกล่าวสุนทรพจน์ ส่วนใหญ่เป็นคำพูดปลุกใจเกี่ยวกับอนาคต กระตุ้นไม่ให้สิ้นหวัง และให้เดินหน้าต่อไปโดยยึดมั่นในความเชื่อของผู้ที่จากไป
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ค่อยถนัดด้านการปราศรัยปลุกใจเท่าไหร่นัก อีกทั้งการพูดต่อหน้ามังกรจำนวนมากยังชวนให้นึกถึงความทรงจำเลวร้ายในอดีตของเธอ ดังนั้นหลังจากกล่าวเปิดงานไม่นาน เธอจึงมอบหมายให้แอนนาขึ้นพูดต่อ
แอนนาเองก็มีประสบการณ์และคุ้นเคยกับหน้าที่ลักษณะนี้ดี หลังจากกล่าวสุนทรพจน์เสร็จ ทุกคนก็ค่อย ๆ เริ่มพูดคุยกันตามสมควร รำลึกถึงวันวาน งานเลี้ยงจึงดำเนินต่อไปอย่างเป็นระเบียบ
ลีออนไม่ค่อยสนใจพิธีเฉลิมฉลองของเผ่ามังกรเงินนัก เขานั่งอยู่ตรงขั้นบันไดทางเข้าวิหารตลอดเวลา อุ้มลูกสาวตัวน้อยไว้เงียบ ๆ คอยมองดูพวกเขาจุดโคม กล่าวสุนทรพจน์ และหลั่งน้ำตาหรือหัวเราะอย่างเงียบงัน
เมื่อครู่ เชอร์ลีย์เพิ่งเดินมาหาลีออน ถามว่าในฐานะเจ้าชายที่มีบทบาทสำคัญในการปราบคอนสแตนตินในครั้งนี้ อยากจะกล่าวอะไรบ้างหรือไม่ เพราะชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นผลงานยิ่งใหญ่ ทำให้เจ้าชายกลายเป็นฮีโร่ของเผ่ามังกรเงินไปแล้ว
ทุกถ้อยคำที่เธอพูดล้วนแต่เป็นการยกย่องสรรเสริญลีออน แต่ยิ่งฟังเขาก็ยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“จากฮีโร่มนุษย์ กลายมาเป็นฮีโร่มังกรเงินในเวลาแค่สามปีได้ยังไงกัน?” ลีออนบ่นในใจด้วยน้ำเสียงประชด
แต่ภายนอกเขาตอบกลับไปอย่างสุภาพว่า ตนไม่ถนัดการกล่าวสุนทรพจน์ ให้พวกเธอดำเนินการกันเองเถอะ เดี๋ยวเขาจะพาเจ้าหญิงน้อยกลับไปนอนเองทีหลัง
เชอร์ลีย์พยักหน้าเข้าใจและไม่เซ้าซี้อะไรอีก
แต่เธอก็อดรู้สึกชื่นชมในใจไม่ได้—ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสมเด็จพระราชินีกับเจ้าชายที่เป็นคู่สามีภรรยากัน ถึงได้เหมือนกันในหลาย ๆ ด้าน ไม่ถนัดกล่าวสุนทรพจน์ และชอบเก็บตัวเงียบ ๆ เอาไว้เบื้องหลัง อา…นี่แหละคือท่าทีของผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง น่าเรียนรู้เป็นอย่างยิ่ง!
หลังจากเชอร์ลีย์เดินจากไป ลีออนก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ลูกสาวคนสุดท้องยังคงร่าเริงไม่มีท่าทีว่าจะง่วงเลยแม้แต่น้อย
เป็นระยะ ๆ เธอจะคว้าคอเสื้อลีออนแล้วชกปลายคางของพ่อด้วยหมัดเล็ก ๆ สีชมพูของเธออย่างแรง จนบางจังหวะก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บจริง ๆ
เขาก้มหน้าลง จับหมัดเล็ก ๆ ของลูกเบา ๆ “ลูกจ๋า หนูนี่สุดยอดจริง ๆ คอนสแตนตินยังทำอะไรพ่อไม่ได้ แต่หนูนี่แหละทำได้ หนูเก่งกว่าคอนสแตนตินอีกนะเนี่ย”
ทารกน้อยส่งเสียงอ้อแอ้ ฟังไม่รู้เรื่อง
ลีออนหยิกจมูกเล็ก ๆ ของลูก แล้วก็เงยหน้ามองงานเลี้ยงของเหล่ามังกรเงินต่อ
หลังจากพิธีไว้อาลัยจบลง ก็ตามมาด้วยการดื่มกินตามธรรมเนียม และถึงแม้รอสไวส์จะไม่ถนัดเรื่องกล่าวสุนทรพจน์ แต่เรื่องดื่มนั้น เธอถนัดนัก
ตามปกติแล้ว ผู้หญิงมนุษย์ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ภายในไม่กี่เดือนหลังคลอด เพราะจะส่งผลต่อสารอาหารในน้ำนม
อย่างไรก็ตาม ลีออนเคยอ่านในตำราการตั้งครรภ์ของมังกรว่า มังกรเพศเมียหลังคลอดจะไม่หลั่งน้ำนมเหมือนมนุษย์ ซึ่งหมายความว่า ลูกมังกรเพศหญิงแรกเกิดจำเป็นต้องดื่มน้ำนมประเภทอื่นเพื่อเสริมสารอาหาร
ตอนแรกเขาก็แอบกังวลว่า การไม่มีน้ำนมแม่จะส่งผลเสียต่อโภชนาการของลูกสาวหรือไม่
แต่พอเห็นว่าโนอาและมูนยังคงสดใสร่าเริง แข็งแรงดี ลีออนก็เลิกกังวลไป ดังนั้น การที่รอสไวส์ดื่มสุราหลังคลอดได้เจ็ดวัน จึงไม่มีผลกระทบต่อเธอหรือลูกสาวเลย
ลีออนจ้องมองรอสไวส์ที่นั่งอยู่ริมกองไฟ ดื่มสุรากับบรรดาสาวใช้ ใบหน้าของเธอเปล่งประกายใต้แสงไฟ รอยยิ้มดูผ่อนคลายและเป็นธรรมชาติในขณะที่รับแก้วเหล้าจากทุกคน ดูเป็นภาพบรรยากาศที่สบาย ๆ และอบอุ่น
ทว่า หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมานานขนาดนี้ ลีออนเข้าใจรอสไวส์มากขึ้นกว่าแต่ก่อน เขาค่อนข้างมั่นใจว่า รอยยิ้มและความสบายใจที่เห็นในตอนนี้… เป็นเพียงสิ่งที่เธอแสร้งแสดงออกมาเท่านั้น แท้จริงแล้ว เธอกำลัง… เหนื่อยมาก
“นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของงานเธอเหมือนกันเหรอ…ยัยมังกรงี่เง่า”
ลีออนก้มหน้าลง บีบแก้มลูกสาวเบา ๆ
“อย่าเอาอย่างแม่ในเรื่องนี้เลยนะจ๊ะ หนูควรรู้จักแบ่งเวลาให้ดีทั้งเรื่องงานและการพักผ่อน อย่าเป็นพวกบ้างานเกินไป ไม่งั้นคุณพ่อจะเป็นห่วงนะ~”
บท 171: ปลดล็อคความเป็นมูน (ภาคแรก) คลิกอ่านที่นี่ สนับสนุนโดย amb168
แอลกอฮอล์เป็นสิ่งวิเศษ
มันสามารถเจือจางความเศร้า และยังเร่งปฏิกิริยาแห่งความสุขได้อีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันกลายเป็นของคู่โต๊ะในงานเลี้ยงเฉลิมฉลองต่าง ๆ เพื่อเพิ่มบรรยากาศ
น่าเสียดายที่ลีออนไม่ถนัดเรื่องการดื่มนัก
เขาอาจฆ่าราชามังกรที่ตัวใหญ่กว่าเขาหลายเท่าได้ด้วยมือเปล่า แต่ไวน์แดงเพียงแก้วเดียวก็สามารถทำให้เขาหมดสติได้
เบียร์เขาพอจะดื่มได้อยู่บ้าง แต่ก็แค่พอได้เท่านั้น
หลังจากดื่มไปหลายรอบ ความเศร้าของเหล่ามังกรเงินก็จางหายไปอย่างสิ้นเชิง หรือไม่ก็ถูกระบายออกมาจนหมดก่อนจะถูกลืมเลือนไป
ลีออนก้มหน้าก้มตาเล่นกับลูกสาวตัวน้อย
พ่อกับลูกกำลังมีบทสนทนาแบบฝ่ายเดียวที่ไม่มีผลอะไรเลย
“ลูกจ๋า อยากให้พ่อเรียกหนูว่าอะไรดีน้า?”
“อุว้า… อาบ้า อาบ้า?”
“นี่ แม่หนูดื่มไปเยอะขนาดไหนกันเนี่ย? ร่างกายยังฟื้นไม่เต็มที่เลย ควรพักมากกว่านี้นะ”
“อื้ม… อายายา~”
“พี่สาวสองคนของหนูกำลังเล่นสนุกกันอยู่ตรงโน้น แต่พ่ออยู่ตรงนี้กับหนู ต่อไปนี้ หนูต้องเข้าข้างพ่อมากกว่านะ เข้าใจไหม?”
“ยิ๋ง~”
ต่างฝ่ายต่างพูดกันคนละภาษา
เด็กน้อยไม่เข้าใจคำพูดของผู้ใหญ่ และลีออนก็ไม่เข้าใจภาษาทารก แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้ลีออนหมดสนุกกับการพูดคุยกับลูกสาวตัวน้อยเลย
ผ่านไปสักพัก เด็กน้อยหาวหนึ่งที และปฏิสัมพันธ์กับลีออนก็ค่อย ๆ ลดลง
หนูน้อยเริ่มง่วงแล้ว
ลีออนลุกขึ้นแล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กกลับไปยังห้องนอนของรอสไวส์ หลังจากมั่นใจว่าเธอหลับสนิทแล้ว เขาก็ออกมาและกลับมานั่งที่ขั้นบันไดหน้าวิหารเหมือนเดิม
กองไฟในลานยังคงลุกโชน และงานเลี้ยงค่ำก็ยังไม่จบ ดูท่าว่าราชินีมังกรจะดื่มหนักในคืนนี้แน่ ๆ
แม้จะมีสาวใช้อยู่คอยพาเธอกลับห้องหากเธอเมามากเกินไป แต่ในฐานะ “สามี” ของราชินี ก็คงจะเหมาะสมถ้าเขาจะนั่งรออยู่ตรงนี้สักหน่อย อย่างน้อยก็ทำให้เขากับรอสไวส์ดู “รักกันดี” มากขึ้นในสายตาคนอื่น และทำให้ครอบครัวดู “อบอุ่น” ยิ่งขึ้น
เธอถึงกับเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวเพื่อทำให้บทบาทอันยิ่งใหญ่นี้ดูสมจริงยิ่งขึ้น แล้วลีออนจะยอมแพ้ได้อย่างไร?
อย่างน้อยมันก็เป็นแค่เรื่องของการรักษาภาพลักษณ์ ซึ่งไม่ได้เสียอะไรเลย
ลีออนครุ่นคิดอย่างเหม่อลอย
เขาไม่แน่ใจว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาเดินเข้ามาใกล้
ลีออนเงยหน้ามองไปยังทิศทางของเสียง
เป็นรอสไวส์
เธอดูเหมือนจะเมานิดหน่อย ถือเบียร์สองกระป๋องไว้ในมือ ก้าวเดินอย่างไม่มั่นคงเล็กน้อยแต่ยังไม่ถึงกับทรงตัวไม่ได้
ลีออนจ้องมองไปที่ฝ่าเท้าของเธอด้วยความกังวล กลัวว่าแม่มังกรซุ่มซ่ามคนนี้จะสะดุดขั้นบันไดหรือหินล้มลงไป
จนกระทั่งเธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาอย่างมั่นคง ลีออนถึงได้ละสายตาจากเท้าของเธอขึ้นมามองใบหน้า
ใบหน้าที่งดงามอ่อนหวานนั้นมีสีแดงระเรื่ออยู่เล็กน้อย ดวงตาสีเงินเหลือบมองครึ่งเปิดครึ่งปิด และแม้แต่ใบหูก็แดงด้วยเช่นกัน
เธอมีรอยยิ้มพึงพอใจประดับอยู่ที่ริมฝีปาก แม้จะไม่ชัดเจนว่าเธอกำลังเพลิดเพลินกับอะไรอยู่
ลีออนที่นั่งอยู่บนขั้นบันไดหลังวิหาร พบว่าสายตาของเขาอยู่ในระดับเดียวกับเธอพอดี
ภาพตรงหน้าเตือนให้ลีออนนึกถึงเมื่อสามปีก่อน ตอนที่เขาเข้าโจมตีวิหารมังกรเงิน หลังจากถูกสายลับภายในทรยศ เขาก็ถูกจับและคุมขังโดยเหล่ามังกรเงิน
และที่นั่นเอง เขาได้พบกับรอสไวส์เป็นครั้งแรก
ในตอนนั้น เธอก็เพิ่งกลับจากงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง และก็ดูเมาเล็กน้อยเช่นกัน
ถ้าตอนนั้นเธอไม่เมา ถ้าเธอมีสติสักหน่อย เธอก็คงไม่ตกหลุมพรางเวทเลือดของลีออน
อะไรนะ…โชคชะตาชอบเล่นตลกกับเรา—ไม่สิ กับมังกรต่างหาก ลีออนคิดในใจ
“เอ้า” เธอพูดพลางยื่นเบียร์กระป๋องหนึ่งให้เขา ขัดจังหวะความคิดของเขา
ของเหลวในกระป๋องกระเพื่อมเบา ๆ ส่งเสียงอู้อี้เบา ๆ
ลีออนส่ายหน้า “ผมไม่ดื่ม”
“งั้นฉันจะดื่มเอง” รอสไวส์ตอบกลับ
ลีออนรู้ดีว่ารอสไวส์ติดดื่มเล็กน้อย
แต่มันก็ไม่ถึงขั้นเรียกว่าติดเหล้า อย่างไรเสีย ในฐานะราชินี เธอแบกรับแรงกดดันมหาศาลในแต่ละวัน และเมื่อไม่มีทางอื่นให้ระบาย เธอก็หันไปพึ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพื่อปลอบประโลมตนเอง
ตลอดสิบเดือนที่ตั้งครรภ์ เธอไม่ได้แตะแอลกอฮอล์เลยสักหยด ซึ่งมันก็ทำให้เธออดทนลำบากไม่น้อย
เธอเปิดกระป๋องเบียร์ แล้วนั่งลงบนขั้นบันไดข้างลีออน ไหล่แนบไหล่
กลิ่นแอลกอฮอล์บางเบาลอยมาแตะจมูก กลับไม่ได้น่ารังเกียจเลย
รอสไวส์เลือกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างพิถีพิถัน แม้แต่เบียร์ เธอก็เลือกสรรเป็นพิเศษ ดังนั้นกลิ่นที่ติดตัวเธอจึงไม่ใช่กลิ่นเหม็นฉุน แต่เป็นกลิ่นหอมชวนดื่มเสียมากกว่า
หญิงสาวผมสีเงินยกกระป๋องขึ้นดื่มอึกใหญ่ จากนั้นวางกระป๋องลงข้างตัว
ท่าทางการนั่งของเธอแตกต่างจากของลีออนอย่างเห็นได้ชัด
ลีออนนั่งอยู่บนขั้นบันไดโดยวางเท้าไว้ที่สองขั้นด้านล่าง ท่านั่งของเขาเป็นแบบตรงมาตรฐานของผู้ชายสายแข็ง
ส่วนรอสไวส์นั้นเอนตัวไปด้านหลัง ใช้มือยันพื้นไว้ มองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืนเล็กน้อย เธอยื่นเรียวขาทั้งสองข้างออกไปตรง ๆ ทอดยาวไปหลายขั้นบันได
ทั้งสองนั่งใกล้กันจนไหล่ชนกันเป็นระยะ
สายลมยามค่ำคืนพัดผ่านวัดมังกร แผ่วเบาพลิ้วไหว ปลิวเส้นผมของทั้งคู่ให้ปลิวเล็กน้อย
เสียงจักจั่นดังคลอไปกับลมยามค่ำ ท้องฟ้ายามราตรีเบื้องบนงดงามราวกับภาพวาดที่ถูกคลี่ออก
“ฉันคิดว่า—” ราชินีพูดขึ้นมา สีหน้าจริงจังเสียจนผิดปกติ “โลกใบนี้เป็นมะเขือยาวลูกยักษ์”
ลีออนเหลือบตามองเธอด้วยความอึ้ง “…เธอดื่มไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย?”
“ถ้าโลกใบนี้เป็นมะเขือยาว นายจะทำยังไง?” ดูเหมือนเธอจะอยากต่อบทสนทนาประหลาดที่เธอเป็นคนเริ่มขึ้นนี้มาก
ลีออนถอนหายใจ ก่อนจะเล่นตามน้ำ “งั้นผมก็จะโรยแครอทหั่นไว้บนพื้น แล้วทำสตูว์มะเขือยาวใส่แครอทไงล่ะ”
“น่าสนใจ! เจ้านี่มันอัจฉริยะรึเปล่าเนี่ย?!”
“ฮะฮะ… ขอบพระคุณสำหรับคำชม ฝ่าบาท”
เมื่อรอสไวส์ได้ยินคำว่า “ฝ่าบาท” รอยยิ้มของเธอก็แข็งค้างขึ้นมาทันที
เธอหดขาเก็บกลับอย่างเก้อเขิน วางศอกพาดเข่าทั้งสองข้าง ใช้มือทั้งสองประคองคางไว้ ทำปากยื่นเล็กน้อยแล้วพึมพำว่า “การเป็นราชินีมันไม่สนุกเลยสักนิด”
“หืม? ถ้ามันไม่สนุก แล้วทำไมเธอถึงเอาจริงเอาจังนักล่ะ? ถ้าเธอไม่ชอบ งั้นก็ยกบัลลังก์ให้ผมก็ได้นะ ผมจะเป็นผู้นำเผ่ามังกรเงินเอง ว่าไงล่ะ—”
“บัลลังก์!!”
เสียงอุทานกะทันหันของรอสไวส์ทำเอาลีออนสะดุ้งเล็กน้อย
บท 172: ปลดล็อคความเป็นมูน (ภาคสอง) คลิกอ่านที่นี่ สนับสนุนโดย amb168
เขายกมือกุมอก พยายามสงบใจไม่ให้เต้นแรงเกินไป “เรื่องบัลลังก์อะไรนะ?”
“บัลลังก์น่ะ ก็แค่กรงขัง”
เธอพูดเหมือนเด็กสาวขี้เพ้อ คนหนึ่งที่เดี๋ยวก็ร้อนแรง เดี๋ยวก็หดหู่ลงอย่างไร้เหตุผล
รอสไวส์วางคางลงบนฝ่ามือ ดวงตาสีเงินเหม่อมองพื้นตรงขั้นบันไดเบื้องล่าง
“พอคุณนั่งลงไป ชีวิตคุณก็ไม่ใช่ของคุณอีกต่อไป”
“…รอสไวส์?”
“แต่ฉันจะอยู่ในกรงขังนี้ และทำหน้าที่ทุกอย่างให้ดีที่สุด! ยังไงซะ ฉันก็เป็นราชินีที่เก่งที่สุดในโลกนี่นา! ลีออน พูดซิ ฉันเป็นราชินีที่เก่งที่สุดใช่ไหม?”
เธอเอาหัวไหล่มาดันลีออนเบา ๆ ใบหน้าเศร้าหมองเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นสายตาที่เปี่ยมด้วยความคาดหวัง รอคำชมจากเขา
ลีออนยิ้ม “ใช่ เธอเป็นราชินีที่เก่งที่สุดแล้ว”
“เย้~”
เข้าใจละ ก่อนเมา เธอเหมือนโนอา แต่พอเมาแล้ว เธอเป็นมูนชัด ๆ
ก็นะ ดูจากนิสัยของเขากับรอสไวส์แล้ว จะให้มีลูกที่ร่าเริงสดใสแบบมูนได้ยังไงกัน
ที่แท้ต้องให้ราชินีมังกรตัวนี้เมาก่อน ถึงจะปลดล็อกคุณสมบัติทั้งหมดของเธอได้
“ราชินีที่เก่งที่สุด คู่กับเชลยที่ดีที่สุด เพอร์เฟกต์”
“จำเป็นต้องใช้คำว่า ‘เชลย’ ด้วยเหรอ?”
“ทำไมล่ะ นายไม่ใช่เชลยของฉันเหรอ?”
ลีออนไม่อยากเถียงกับราชินีมังกรขี้เมา “อืม ถ้าเธอว่างั้นก็ใช่”
แต่หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็เสริมขึ้นว่า “แต่เชลยคนนี้แหละที่ช่วยเผ่ามังกรเงินของเธอจากคอนสแตนตินเมื่อสัปดาห์ก่อนนะ”
“ใช่ ๆ นั่นแหละถึงได้บอกว่านายเป็นเชลยที่เก่งที่สุด~”
ดูท่าคำว่า “เชลย” คงเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ
ลีออนจึงเลือกจะตามน้ำไป
“เอ่อ… จริง ๆ แล้ว เธอน่าทึ่งมากเลยนะ ฉันเคยคิดว่าเธอแค่ชอบคุยโวเสียอีก”
แม้ว่าในสถานการณ์ปกติ รอสไวส์จะไม่พูดชมเขาแบบนี้ เพราะกลัวว่าเขาจะหลงตัวเองเกินไป แต่หลังจากศึกกับคอนสแตนติน เธอก็ยอมรับจริง ๆ ว่าลีออนนั้นแข็งแกร่งเหลือเชื่อ ถึงขั้นไร้เหตุผล
แต่คืนนี้ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ เธอจึงตัดสินใจจะชมเขาสักหน่อย พรุ่งนี้ค่อยแกล้งว่าเมาแล้วพูดไปงั้น ไม่ได้คิดจริง จะได้ดูว่าลีออนจะมีปฏิกิริยายังไง
“อา ฉันนี่ฉลาดจริง ๆ!” รอสไวส์คิดอย่างภาคภูมิ
แน่นอน ลีออนก็แอ่นอกด้วยความภูมิใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว คิดเหรอว่าผมตั้งฉายานักล่ามังกรที่แข็งแกร่งที่สุดให้ตัวเองเล่น ๆ? นี่เป็นฉายาที่จักรวรรดิยอมรับเลยนะ~”
“โฮกก~~”
รอสไวส์หันศีรษะมา โน้มตัวเข้าใกล้ เอาคางเล็ก ๆ ของเธอพิงอยู่บนแขนของลีออน แล้วใช้ดวงตาสีเงินอันงดงามจ้องมองเขา
แต่เธอก็จับตัวผมได้เมื่อสามปีก่อนไม่ใช่เหรอ? เชอะ ๆ ๆ
ลีออนสะบัดแขนเล็กน้อย ทำให้คางของรอสไวส์หลุดจากแขนเขา “ตอนนั้นผมโดนคนในหักหลัง ไม่งั้นผมคงจะ—”
“คงจะอะไรเหรอ? หืม?”
“คงจะ…”
แปลกจริง ทำไมพูดไม่ออกล่ะ?
ดูเหมือนรอยมังกรจะไม่ได้เรืองแสงนะ แล้วทำไมปากถึงไม่ฟังสมองล่ะ?
หรือว่า… ผมกำลังรู้สึกเห็นใจราชินีมังกรคนนี้อยู่เหรอ?
อึก… น่ากลัวชะมัด!
เขาเม้มริมฝีปากแน่น ไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนเรื่องคุยยังไงดี
“ฮึ คนใจร้าย ไม่มีจิตสำนึกเอาซะเลย” รอสไวส์บ่นอย่างขุ่นเคือง
“ผมจะใจร้ายได้ยังไงล่ะ? ตอนนั้นเราก็เป็นศัตรูกันนี่นา แล้วอีกอย่าง ถ้าผมไม่ใช้อาคมโลหิตกับเธอเมื่อสามปีก่อน ป่านนี้เธอคงจัดการผมไปแล้วใช่ไหมล่ะ?”
“ตอนนั้น เราเป็นศัตรูกันเหรอ?” รอสไวส์จับคำสำคัญขึ้นมาทันที
“ใช่”
“งั้นก็แปลว่า… ตอนนี้เราไม่ใช่ศัตรูกันแล้วน่ะสิ?”
สีหน้าลีออนพลันเก้อเขิน เขาหันหน้าหนีแล้วพึมพำเบา ๆ ว่า “ก็ยังเป็นศัตรูกันอยู่ แค่ช่วยกันเลี้ยงลูกสามคนชั่วคราวก็เท่านั้น…”
รอสไวส์แอบส่งเสียงเบา ๆ อย่างพึงใจ ราวกับสนุกกับบทสนทนานี้ไม่น้อย
“ลีออน” เธอพูดเสียงนุ่มลง “ถึงเราจะยังเป็นศัตรูกันอยู่ แต่เพื่อเห็นแก่ลูก ๆ พวกเรา… จะพยายามอยู่ร่วมกันให้ดีขึ้นหน่อยไม่ได้เหรอ?”
ลีออนถอนหายใจ พลันตระหนักถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับรอสไวส์ โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้
“บางที…” เขาพูดเบา ๆ “เราอาจจะลองดูก็ได้”
บทสนทนาที่ดูเหมือนจะหยอกเย้ากันไปมา แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยนัยถึงความเข้าใจและการร่วมมือที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ คืนยังคงดำเนินต่อไป เสียงจั๊กจั่นขับขาน และหมู่ดาวพราวแสงเหนือศีรษะ ขณะที่คนสองคนซึ่งไม่น่าเป็นไปได้จะมานั่งเคียงกัน กลับถูกผูกพันไว้ด้วยโชคชะตาและหน้าที่ที่แบ่งปันร่วมกัน
รอสไวส์เริ่มหงุดหงิด
เธอคว้าคางของลีออน บังคับให้เขาหันหน้ากลับมาหาเธอ แล้วก็บีบแก้มของเขาอย่างแรง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ถ้าวันหนึ่งโลกถึงกาลอวสาน เวทมนตร์ทั้งหมดสูญสลาย สิ่งมีชีวิตทั้งมวลกลายเป็นเถ้าธุลี ปากของนายก็ยังจะอยู่ดีไม่มีเปลี่ยน!”
ลีออนไม่ยอมให้เธอรังแกอยู่ฝ่ายเดียว แน่นอนว่าเขาก็คว้าแก้มของเธอมากำไว้บ้างเหมือนกัน
ทั้งสองคนจึงกลายเป็นเหมือนเด็กนักเรียนขี้ทะเลาะ นั่งอยู่บนขั้นบันได กำลังบีบแก้มกันไปมาไม่มีใครยอมใคร
“แล้วผมควรพูดอะไรล่ะ หืม?”
“พูดว่านายเป็นเชลยของฉันซะ!”
“ไม่พูด! ปล่อยผมก่อน!”
“ไม่ปล่อย! ถ้านายพูดว่าเป็นเชลยของฉัน ฉันถึงจะปล่อย!”
“ไม่มีทาง! เธอต้องปล่อยก่อน!”
“ไม่! นายต้องพูดก่อน!”
“…”
หลังจากโต้เถียงกันพักหนึ่ง รอสไวส์ก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ “งั้นฉันจะนับหนึ่งถึงสาม แล้วเราปล่อยพร้อมกันตกลงไหม”
ลีออนกลอกตาเล็กน้อย “โอเคก็ได้”
“สาม… สอง… หนึ่ง!”
…
ลีออน: →_→
รอสไวส์: ←_←
ความเงียบกะทันหันนี่แหละที่น่าอึดอัดที่สุด
ลีออนมองมือละเอียดอ่อนที่ยังคีบแก้มเขาอยู่ แล้วก็มองมือตัวเองที่กำลังบีบแก้มของรอสไวส์ เขาหัวเราะเบา ๆ “ผมนี่รู้ทันเธอทุกครั้งเลยนะ เจ้ามังกรราชินี”
“คราวนี้จริง ๆ แล้วนะ สาม สอง หนึ่ง ปล่อย”
ทั้งสองหยุดนิ่งเล็กน้อย เหมือนจะประเมินความจริงใจของอีกฝ่าย
“สาม… สอง… หนึ่ง!”
ด้วยความลังเลและตั้งใจในคราวเดียวกัน พวกเขาจึงปล่อยมือจากใบหน้าของกันและกันในเวลาเดียวกัน แล้วก็พากันลูบแก้มตัวเองที่ยังรู้สึกเจ็บหน่อย ๆ จ้องหน้ากันด้วยความหมั่นไส้ปนขบขัน
“พอใจยัง?” ลีออนถามด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมปนเอือม
“พอใจสิ” รอสไวส์แลบลิ้นใส่เขาอย่างเด็ก ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา
ลีออนก็อดยิ้มตอบไม่ได้ แม้จะเถียงกันอยู่บ่อย ๆ แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เต็มไปด้วยมิตรภาพและความผูกพันที่เกิดจากการใช้ชีวิตร่วมกัน ความรับผิดชอบร่วมกัน ค่ำคืนนั้นจึงดำเนินต่อไปอย่างสงบ อารมณ์ขันก่อนหน้านี้ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเงียบที่อบอุ่น
“ก็ได้ล่ะนะ”
“สาม… สอง… หนึ่ง!”
สุดท้ายทั้งคู่ก็ยอมปล่อยมือจากกัน
หลังจากลูบแก้มที่แดงระเรื่อและอุ่นเล็กน้อย รอสไวส์ก็ยกเบียร์ขึ้นจิบอีกคำ
เธอสูดหายใจลึก แล้วมองไปทางลีออน “แต่ไหน ๆ ก็พูดถึงเรื่องที่นายเคยโดนคนในหักหลังแล้ว… ดูเหมือนว่าเรายังไม่เคยคุยเรื่องนี้กันจริง ๆ เลยใช่ไหม งั้น… เราคุยกันตอนนี้ดีไหม?”
บท 173: ยังมีผู้หญิงอีกคนงั้นเหรอ? คลิกอ่านที่นี่ สนับสนุนโดย amb168
เรื่องที่ถูกใส่ร้ายและหักหลังโดยคนทรยศนั้น ลีออนแทบไม่เคยเอ่ยถึง รอสไวส์คงพอเดาได้ว่าเหตุใดเขาถึงไม่อยากพูดถึง
ประการแรก หลังจากออกศึกมายาวนาน สะสมความชอบนับไม่ถ้วน สุดท้ายกลับถูกบุคคลต่ำช้าทำร้าย สำหรับบุรุษผู้ได้รับการยกย่องจากจักรวรรดิและประชาชนว่าเป็นวีรบุรุษ นี่คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวง
ประการที่สอง คนที่ใส่ร้ายเขาน่าจะเป็นหนึ่งในสหายร่วมรบ คนที่เคยฝ่าฟันความเป็นความตายเคียงบ่าเคียงไหล่มาด้วยกัน หากเป็นคนอื่น ลีออนคงไม่ทุกข์ใจถึงเพียงนี้ แต่หากเป็นคนในหน่วยเดียวกันที่แอบเล่นงานเขากลางสนามรบได้ ก็แสดงว่าคนทรยศต้องอยู่ใกล้ตัวเขามาก
ผ่านไปสามปีแล้ว ถึงเวลาเปิดประเด็นนี้อย่างจริงจัง เมื่อรอสไวส์เอ่ยถาม ลีออนก็เงียบไปพักหนึ่ง เขาก้มหน้า เกาศีรษะ เหมือนจะยินยอมเล่าแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน
เมื่อเห็นว่าเขาลังเล รอสไวส์จึงเป็นฝ่ายเริ่มขึ้นมาเองว่า “งั้นมาเริ่มจากวันนั้นกันเลย ก่อนที่นายจะถูกใส่ร้าย วันนั้นนายกับพวกพ้องกำลังทำอะไรกันอยู่?”
ลีออนจ้องปลายรองเท้าของตัวเอง ดวงตาค่อย ๆ เหม่อลอย ขณะที่ความคิดพาเขาย้อนกลับไปยังวันนั้นเมื่อสามปีก่อน วันที่พวกเขาบุกโจมตีวิหารมังกรเงิน
เมื่อทบทวนความทรงจำนั้น เขาก็เริ่มพูดขึ้นเบา ๆ “วันนั้น กองทัพของเราได้เจาะแนวป้องกันชั้นนอกของวิหารแล้ว เหลือแค่พุ่งทะลุประตูหลักเข้าไป เราก็จะ…เอ่อ…”
เขาเม้มปาก มองไปทางรอสไวส์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วจึงพูดต่อ “เราก็จะได้เจอเธอ”
รอสไวส์วางคางไว้บนมือ ดวงตาสีสวยจับจ้องลีออนอย่างตั้งใจ
เจ้าหมานี่ก็พูดได้สุภาพอยู่เหมือนกัน “เราก็จะได้เจอเธอ”
หลังจากเจอฉันแล้วล่ะ? ทุกคนจะนั่งลงจิบชา คุยกันสบาย ๆ เหรอ? เธอส่ายหน้า ไล่ความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป แล้วพยักหน้า “อืม แล้วไงต่อ?”
“ก็… อย่างที่เธอรู้ ฝั่งมนุษย์เรามักใช้ยุทธวิธีโจมตีด้วยจำนวนมหาศาลเพื่อสู้กับเผ่ามังกร ดังนั้นหลังจากเจาะแนวป้องกันชั้นนอกได้ ผมก็สั่งให้กองกำลังส่วนใหญ่เข้าโจมตีประตูหลักของวิหารของเธอ”
“แน่นอนว่า นั่นเป็นแค่การลวงตา ทีมสังหารมังกรตัวจริง ซึ่งเป็นหน่วยรบชั้นแนวหน้า มีอยู่หลายร้อยคน ได้เปิดฉากโจมตีจากสองด้านพร้อมกัน ขณะที่กองกำลังของพวกมังกรเงินหันไปต้านแนวหน้าเต็มที่ ก็กลายเป็นโอกาสเหมาะในการเปิดช่องฝ่าทะลวงจากสองข้าง”
“แล้วศึกในวันนั้นก็เป็นไปตามที่ผมคาดไว้ การลวงได้ผล การโจมตีด้านข้างก็ราบรื่นดี”
“ตามแผนแล้ว ช่วงเวลานั้นควรเป็นช่วงที่ราชามังกรของอีกฝ่ายจะปรากฏตัว และผมก็เตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องสู้ตายกับเธอ”
รอสไวส์กะพริบตา เข้าใจทันทีว่ายุทธวิธีของลีออนในตอนนั้นคือกลยุทธ์แบบ “ทั้งหมดคุ้มกันหนึ่ง” ส่งเขา—อาวุธราชามังกร—เข้าสู่วิหาร และภารกิจของคนอื่นก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์
จากนั้นพวกเขาแค่รอดูโชว์ล่ามังกรคลาสสิกของนายพลลีออน
“แต่…ทันทีที่ผมและทีมของผมกำลังจะก้าวเข้าไปในลานวิหาร สายตาของผมกลับถูกความมืดกลืนกินในพริบตา”
“ความมืด?” รอสไวส์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เวทมนตร์ลวงตาเหรอ?”
“จากความรู้สึกในตอนนั้น มันดูเหมือนเวทลวงตาที่ทรงพลังมาก และเวทมนตร์ลวงตาแบบนั้นจำเป็นต้องใช้ผู้ร่ายที่อยู่ใกล้มาก และเป้าหมายต้องไม่มีการป้องกันเลย แต่ตอนนั้นรอบตัวผมไม่มีแม้แต่เงาของมังกรเงินสักตัว”
ดวงตาของรอสไวส์สั่นไหว เธอเข้าใจความหมายเบื้องหลังคำพูดของลีออนทันที
คนที่สามารถใช้เวทลวงตาทรงพลังกับเขาได้ขนาดนั้น ต้องเป็นคนที่ไว้ใจที่สุดในทีมเท่านั้น
ลีออนพูดต่อ “ผมไม่มีเวลาแม้แต่จะคิด รีบใช้ทุกวิถีทางที่มีเพื่อหลุดจากภาพลวงตา แต่ในตอนนั้นเอง…”
เขายกมือขึ้นกุมหน้าอก สีหน้าเคร่งขรึมลง “คนที่หักหลังผมลงมือแล้ว พวกเขาไม่ได้ใช้ดาบหรือมีด แต่เป็นของบางอย่างที่เล็กและแหลม มีการลงมนตร์ทะลวง หากไม่เช่นนั้น มันคงไม่มีทางทะลุเกราะอกได้”
“หัวใจของผมถูกแทงทะลุ แปลกตรงที่ผมรู้สึกเจ็บแค่ผิวหนังกับกล้ามเนื้อหน้าอก ตัวหัวใจเองกลับไม่เจ็บเท่าไหร่”
ถึงตรงนี้ ลีออนก็ส่ายหน้า แล้วยิ้มเจื่อน ๆ สองครั้ง “แต่ก็เป็นแค่ปรากฏการณ์ทางกายภาพปกติ ผมรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น และรู้ดีว่าเมื่อหัวใจถูกเจาะ ทุกอย่างก็จบสิ้นแล้ว”
“ตั้งแต่ถูกเวทลวงตาเล่นงานจนถูกลอบโจมตี ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที และตอนนั้น ไม่มีมังกรเงินอยู่ใกล้ผมในระยะร้อยเมตรเลยสักตัว”
“พอผมฟื้นขึ้นมา ตำแหน่งของทุกหน่วยที่บุกเข้ามาก็ถูกเปิดเผยหมดแล้ว พวกเธอปรับกลยุทธ์ทันทีและเริ่มจัดการพวกเราอย่างเป็นระบบ”
“ตอนนั้นผมไม่สามารถบัญชาการต่อได้ ตามขั้นตอน รองผู้บังคับบัญชาก็รับหน้าที่แทนและสั่งให้ทุกคนถอยทัพ”
“เพื่อนร่วมทีมของผมลากร่างผมที่แทบไม่รอดออกไปทีละนิ้ว ๆ มุ่งหน้าไปยังทางออกของวิหาร แต่เราช้าเกินไป เพราะตำแหน่งของพวกเราถูกเปิดเผยหมดแล้ว การตอบโต้ของพวกเธอจึงทั้งเร็วและแม่นยำ ถ้าพวกเขาอยากรอด ก็ต้องทิ้งผมไว้เบื้องหลัง”
“ตอนนั้น ผมแทบจะไม่รู้สึกตัวแล้ว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกเขาคุยอะไรกัน เหมือนจะเถียงกันอยู่แป๊บหนึ่ง แต่สุดท้าย… ผมก็กลายเป็นเชลยของพวกเธอ”
“นั่นแหละ… คงจะเป็นแบบนั้นแหละ”
ลีออนยกมือขึ้นปิดหน้า ถอนหายใจหนัก ๆ หนึ่งครั้ง
หลังจากได้ฟังคำเล่าของลีออน รอสไวส์ก็เงียบไปพักหนึ่ง
จากที่ลีออนเล่าให้ฟัง มันชัดเจนมากว่าเขาถูกหักหลังโดยเพื่อนร่วมทีมของตัวเองจริง ๆ
ทั้งเวทลวงตา อาวุธเวทมนตร์ การเปิดเผยตำแหน่ง และสุดท้ายที่ยังแสร้งแสดงความเป็น “สหายร่วมรบ”—ทั้งหมดบ่งบอกว่านี่เป็นการหักหลังที่วางแผนมาอย่างดี คนที่หักหลังลีออนเตรียมตัวมาพร้อมสำหรับจังหวะนั้นโดยเฉพาะ
และหลังจากลอบกัดสำเร็จ เขาก็ไม่ทิ้งหลักฐานอะไรไว้เลย ไม่เพียงแต่ฝั่งมนุษย์จะไม่สามารถสาวตัวคนร้ายได้ แม้แต่ฝ่ายมังกรเงินเองหลังจบศึกก็ยังไม่รู้ว่าใครคือมือสังหารฝีมือระดับท็อปที่เล่นงานพ่อบ้าน AD ของพวกเขาได้ จนทำให้กลยุทธ์ ‘N รุม 1’ ที่ไม่เคยแพ้มาก่อนต้องล่มสลาย
แต่ที่น่าขำอยู่หน่อย ๆ ก็คือ คนที่หักหลังเล็งเป้าหมายไปที่หัวใจของลีออนโดยตรง แสดงว่าเขาตั้งใจจะฆ่าให้ตายจริง ๆ ไม่มีแม้แต่เจตนาจะปล่อยให้รอด
น่าเสียดายที่ตอนนี้ลีออนไม่เพียงยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังกลายเป็น “สามีปลอม” ของราชินีมังกรเงิน แถมยังมีลูกสาวน่ารักถึงสามคน ถ้าเจ้าคนทรยศคนนั้นรู้เข้า คงเจ็บใจจนอยากทุบพื้นแน่นอน
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง รอสไวส์ก็เอ่ยถามว่า “นายมีความเห็นไหมว่าใครคือคนทรยศ? หรือพอจะเดาได้บ้างไหม?”
ลีออนมองตรงไปข้างหน้าแล้วส่ายหัว “ถ้ามองในแง่เหตุผล ทุกคนมีสิทธิ์ตกเป็นผู้ต้องสงสัยทั้งหมด แต่ถ้ามองจากความรู้สึก… ผมไม่เชื่อเลยว่าใครในพวกเขาจะทำเรื่องแบบนั้นได้”
เขาสามารถรักษาสมดุลระหว่างเหตุผลและอารมณ์ได้ดี ไม่ปล่อยให้อารมณ์โกรธจากการถูกทรยศมาบดบังสติ และไม่ลืมมิตรภาพที่สร้างร่วมกันในสถานการณ์生死 ไม่รีบปักใจหรือกล่าวหาใครโดยไม่มีหลักฐาน
ลีออนควบคุมทั้งอารมณ์และเหตุผลของตัวเองได้ดีมาก หากเป็นคนอื่น อาจจะไม่สามารถรับมือได้ถึงขนาดนี้
รอสไวส์คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันมามองเขา “เมื่อกี้นายบอกว่ามีเพื่อนร่วมทีมสามคนใช่ไหม?”
“อา…”
“งั้นก็คุยเรื่องพวกเขากันหน่อย พูดแบบสบาย ๆ ก็พอ”
ลีออนเกาศีรษะ พลางคิดว่า ไหน ๆ ก็เล่ามาตั้งเยอะแล้ว เล่าอีกหน่อยก็คงไม่เป็นไร
“อืม… หนึ่งคนเป็นรองหัวหน้าหน่วย อีกคนเป็นเมจสายสนับสนุน แล้วก็มีมือปืนอีกหนึ่งคน เริ่มจากรองหัวหน้าหน่วยก่อนแล้วกัน” ลีออนพูด “หมอนั่นน่ะเป็นพวกรองแชมป์ตลอดกาล”
รอสไวส์ถึงกับงง “รองแชมป์ตลอดกาล? ฟังดูเหมือนคำด่านะ?”
ลีออนยักไหล่ “ผมได้แชมป์บ่อยไง ลองเดาดูสิว่าใครได้รองแชมป์”
“อ้อ~ เข้าใจละ งั้นก็พูดต่อเลย”
“เหมือนกับผม เขาเป็นคนชั้นล่างที่เข้ากองทัพสังหารมังกรมาโดยไม่มีเส้นสายหรือภูมิหลังอะไร ใช้ความสามารถล้วน ๆ จนไต่เต้ามาเป็นรองหัวหน้าหน่วย อ้อ ตอนที่ผมถูกเล่นงาน เขาก็เป็นคนรับหน้าที่สั่งการแทนผมด้วย เป็นคนที่ฝีมือดีเลยล่ะ”
ลีออนหยุดไปครู่หนึ่งก่อนเสริมว่า “แต่ก็ยังเก่งไม่เท่าผมหรอก”
รอสไวส์หัวเราะเบา ๆ แล้วสะกิดไหล่ลีออน “นายไม่เคยพลาดโอกาสชมตัวเองเลยสินะ?”
หลังจากพูดเรื่องหนัก ๆ ไป การหยอกล้อเล็กน้อยก็ช่วยคลายบรรยากาศได้บ้าง
ลีออนหัวเราะตาม แล้วพูดต่อ “คนที่สองเป็นเมจสายสนับสนุน มาจากตระกูลใหญ่ เป็นลูกชายของรัฐมนตรีคนหนึ่งในราชสำนัก ว่ากันว่าเขาขอเข้าร่วมหน่วยของผมด้วยตัวเองหลังจากเรียนจบ บอกว่าชื่นชมผมมาก แล้วก็อยากเป็นนักล่ามังกรแบบผมในอนาคต”
รอสไวส์ยิ้มมุมปาก “ก็แค่ติ่งคนหนึ่งน่ะสิ แล้วคนสุดท้ายล่ะ มือปืนนั่น?”
“อ้อ คนนี้เป็นผู้หญิง พูดเก่งมาก—”
ราชินีตาโตทันที “เดี๋ยวนะ ผู้หญิงเหรอ?”
ลีออนชะงัก “ม-มีอะไรเหรอ?”
“คาสโมด ในชีวิตจืดชืดของนายกับเจ้าลาที่คอยเป็นเพื่อน ในที่สุดก็มีผู้หญิงคนที่สองวัยเดียวกับนายปรากฏขึ้น นอกจากเพื่อนร่วมชั้นผมเงินคนนั้น”
ลีออนกระพริบตาปริบ ๆ ฟังตอนแรกเหมือนโดนแซะว่าโสดมา 20 ปี แต่พอฟังไปเรื่อย ๆ เขาก็เริ่มได้กลิ่น…หึง?
“แล้วผู้หญิงคนนี้หน้าตาเป็นยังไง?” รอสไวส์ถาม
ในใจลีออนขยับเล็กน้อย ความคิดเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมา “เธอสวย สวยมากเลยล่ะ”
ความจริงแล้ว ผู้หญิงคนนั้นในสายตาลีออนก็หน้าตาธรรมดา แต่เพราะเธอมีคนมาชอบเยอะ เลยทำให้เขาเคยประเมินเธอไว้ว่า “ไปจีบเจ้าลาของฉันยังจะดีเสียกว่า อย่างน้อยมันก็ร้องอ้อแอ้ให้ฟังได้บ้าง”
พอได้ยินคำชมล้นฟ้าจากปากลีออนเกี่ยวกับมือปืนหญิง รอสไวส์ก็เบิกตากว้าง ขบฟันแน่นในใจ แต่ภายนอกยังแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“เหรอ? งั้นก็ดีเลยสิ มีผู้หญิงสวยอยู่ในทีม ได้ออกศึกพร้อมกับชมความงามไปด้วย คงเพลินน่าดูเลยสินะ?”
ลีออนไม่ตอบคำถามนั้น แต่กลับพูดขึ้นว่า “หึ ๆ ๆ ยัยมังกร เบียร์นี่หมดอายุรึเปล่า?”
“หมดอายุเหรอ? ไม่หนิ”
“แล้วทำไมมันถึงได้กลิ่นเปรี้ยวแบบนี้ล่ะ?”
แคร๊ก—
กระป๋องเบียร์ในมือรอสไวส์ถูกบีบแบนเสียงดังฉับพลัน
ลีออนเหลือบตามองกระป๋องที่ถูกบี้แบนในมือเธอ เรื่องนี้เริ่มลุกเป็นไฟแล้ว
ไม่ได้นะ เขาจะไปยั่วเธออีกไม่ได้ ถ้ายัยมังกรโกรธแล้วเมา อาจจะคิดวิธีใหม่มาเล่นงานเขาอีกก็ได้ แล้วแบบนั้นเขาคงซวยแน่…
ลีออนรีบพูดทันทีว่า “ล้อเล่น ล้อเล่นน่า จริง ๆ เธอก็หน้าตาธรรมดานั่นแหละ อย่างน้อยผมก็คิดงั้นนะ”
“อ้อ เหรอ…”
“ใช่…เอ่อ ตั้งแต่สีผม ส่วนสูง ไปจนถึงนิสัย เธอไม่ใช่สเปกผมเลยซักนิด”
“แล้วสเปกของนายล่ะ?”
“เฮ้ เธอไม่ควรรู้อยู่แล้วเหรอ? จาก XP ของผมน่ะ ทำไมยังถามอีกล่ะ ทำเหมือนไม่รู้เลย”
ลีออนพยายามหาทางเบี่ยงประเด็น แต่รอสไวส์โน้มตัวเข้ามา ใบหน้าของเธอยังแดงระเรื่อจากฤทธิ์แอลกอฮอล์
“บอกมาสิ ว่านายชอบแบบไหน?”
“ผมชอบ…ผมชอบผู้หญิงผมสีเงิน—”
“พูดให้จบรวดเดียวไม่ได้หรือไง…”
ระหว่างที่เธอพูด รอสไวส์ก็รู้สึกว่าแอลกอฮอล์พุ่งขึ้นหัวกะทันหัน โลกทั้งใบเริ่มหมุนคว้าง และเธอก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้อีกต่อไป สุดท้ายก็ล้มตัวลงนอนข้าง ๆ บนตักของลีออน
ลีออนกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปเขี่ยแก้มของรอสไวส์เบา ๆ “เฮ้ รอสไวส์ เฮ้?”
“อืม…”
สิ่งที่เขาได้รับกลับมาคือเสียงครางงึมงำในลำคอ
“เธอนี่หลับไวจริงนะ ยัยมังกร”
เพิ่งคลอดลูกมาไม่นาน แถมร่างกายก็ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ พอดื่มเข้าไปขนาดนั้น หลับไปกะทันหันแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก
ร่างของเธอเอนพิงเขา นอนตะแคงข้าง หลับลึกอย่างรวดเร็ว
กลิ่นกายจาง ๆ ของเธอผสมกับกลิ่นแอลกอฮอล์เล็กน้อยลอยมา พร้อมกับอุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่น
อกนุ่ม ๆ ของเธอกดแนบลงบนต้นขาของลีออนเบา ๆ ทำเอาความคิดของเขาเริ่มเตลิดอย่างควบคุมไม่ได้
ใบหน้าแดงขึ้น ลีออนรีบสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วค่อย ๆ ผ่อนออกช้า ๆ
หลังจากเรียกสติกลับมาได้บ้าง เขาก็อุ้มร่างของรอสไวส์ที่หลับอยู่ขึ้นมา แล้วก้าวขึ้นบันได พาเธอเข้าไปในวิหารอย่างเงียบ ๆ
บท 174: ตรอมตรม คลิกอ่านที่นี่ สนับสนุนโดย amb168
เมื่อเวลาผ่านไป ผลกระทบด้านลบจากสงครามก็ค่อย ๆ เลือนหายไป ทุกอย่างดูเหมือนจะก้าวหน้าไปในทิศทางที่ดี—อย่างน้อยก็สำหรับเผ่ามังกรเงิน
แต่สำหรับลีออน ชีวิตกลับไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ถ้าจะมีอะไรเพิ่มขึ้นก็คงเป็นความวุ่นวายที่มาพร้อมกับลูกสาวตัวน้อยของเขา นอกเหนือจากนั้น ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม—
จนกระทั่งเขาสังเกตได้ว่าอารมณ์ของรอสไวส์ดูจะตกต่ำลงทุกวัน
แต่เดิมนั้น รอสไวส์เป็นคนเสนอให้ยกระดับขวัญกำลังใจของเผ่ามังกรเงิน ถึงขนาดจัดงานเลี้ยงรอบกองไฟเพื่อจุดประสงค์นั้น ด้วยความพยายามและแรงสนับสนุนของเธอ ผู้คนในเผ่ามังกรเงินจึงค่อย ๆ ฟื้นฟูจิตใจกลับมา และการดำเนินงานของเผ่าก็เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม รอสไวส์ซึ่งเป็นผู้ผลักดันทุกอย่างกลับดูเหมือนจะไม่เข้ากับบรรยากาศโดยรวม
แสงอาทิตย์ยามเย็นทอดเงาของเธอให้ยาวและเรียว ผมสีเงินปลิวไหวเบา ๆ ตามสายลมยามเย็น ใบหน้าที่งดงามของเธอแฝงไว้ด้วยความเศร้า
ชิงช้าเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากโซ่เหล็กและแผ่นไม้ดังขึ้นเบา ๆ ไม่ถึงกับรบกวนความเงียบ
ดวงตาสีเงินของเธอทอดมองลงพื้น ความคิดล่องลอยย้อนกลับไปยังเรื่องราวเมื่ออดีตนานมาแล้ว
“ภายในหนึ่งปี อย่าให้ลีออนกลับไปยังจักรวรรดิ”
นั่นคือข้อตกลงที่เธอทำไว้กับไทเกอร์ในวันที่พบกันครั้งแรก แต่ในตอนนั้น รอสไวส์ยังไม่แม้แต่จะคิดปล่อยตัวลีออนไป อย่าว่าแต่หนึ่งปีเลย ต่อให้เป็นสิบปีหรือร้อยปี เธอก็จะกักเขาไว้ข้างกายตลอดไป มันคือบทลงโทษของมนุษย์จองหองผู้กล้าลบหลู่เธอ
ทว่าตั้งแต่นั้นมาก็เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับลีออนก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
ทั้งเธอและลีออนไม่เคยคิดจะใช้กันและกันเพื่อทำความเข้าใจเผ่าพันธุ์ของอีกฝ่าย เพราะไม่มีใครคนใดคนหนึ่งจะสามารถเป็นตัวแทนของทั้งเผ่าได้ สิ่งที่พวกเขาทำมีเพียงแค่การทำความเข้าใจซึ่งกันและกันเท่านั้น
และยิ่งใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานเท่าไร ภาพของลีออนในความคิดของรอสไวส์ก็ยิ่งห่างไกลจากภาพเดิมที่เธอเคยมี ในอดีต เธอเคยมองเขาเป็นศัตรู เป็นคนกวนประสาทที่ยังมีหน้ามายั่วโมโหเธอแม้ในวินาทีที่ใกล้ตาย
แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป เมื่อลูกสาวของพวกเขาเติบโตขึ้น เมื่อเธอผ่านช่วงสิบเดือนของการตั้งครรภ์ และเมื่อเด็กน้อยที่มีค่ายิ่งคนสุดท้ายถือกำเนิดขึ้น ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดนี้ คุณงามความดีของลีออนก็ค่อย ๆ ปรากฏออกมา
ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ และความกล้าหาญ
ในบรรดาผู้คนทั้งหมดที่รอสไวส์เคยพบมา ลีออนคือคนที่แสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติทั้งสามข้อนี้ได้ชัดเจนที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นพ่อที่ยอดเยี่ยม และในฐานะ “สามีจำแลง” เขาก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่น้อย
ความรักของเขานั้นบริสุทธิ์ เมื่อเขาทุ่มเทความรักให้ใครอย่างเต็มหัวใจ คนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย
ตั้งแต่แรกเริ่ม ลีออนไม่เคยดูแคลนลูกสาวของพวกเขาเลย เพียงเพราะเธอเกิดจากสายเลือดผสมระหว่างเขากับศัตรู ตรงกันข้าม เขาทุ่มเทความรักให้พวกเธออย่างไม่มีเงื่อนไข
แม้ลูกสาวคนเล็กจะยังเล็กเกินกว่าจะพูดถึงได้ แต่โนอาและมูนก็ได้รับความรักอันลึกซึ้งของลีออนอย่างเต็มเปี่ยม
รอสไวส์สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความแตกต่างระหว่างลูกสาวทั้งสองของเธอกับเหล่ามังกรรุ่นเยาว์ตัวอื่น
พวกเธอรักชีวิตมากกว่า มีความสุขกับชีวิตมากกว่า และมีแนวคิดเรื่อง “ครอบครัว” ที่ชัดเจนและแข็งแกร่งกว่ามังกรรุ่นเยาว์ทั่วไป ซึ่งเป็นสิ่งที่มังกรส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าใจได้
รอสไวส์รู้ดีว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะลีออน ถ้าเป็นเธอเพียงลำพัง บางทีลูกสาวของเธอคงยังเรียกเธออย่างห่างเหินว่า “ท่านแม่” อยู่จนถึงทุกวันนี้ เขาไม่ได้เป็นแค่นักโทษอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “ครอบครัว” นี้อย่างแท้จริง
และหลังจากสงครามคอนสแตนตินจบลง ก็มีปริศนามากมายปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทั้งหมดนั้นก็ล้วนเกี่ยวพันกับข้อตกลงของท่านลีออนอย่างน่าประหลาดใจ
รอสไวส์รู้สึกได้อย่างเลือนรางว่า ในจักรวรรดิมนุษย์ที่ห่างไกลนั้น ต้องมีสงครามที่ไร้ควันไฟรอคอยลีออนอยู่ อย่างมีเหตุผล เขาจำเป็นต้องกลับไปที่นั่นเพื่อคลี่คลายปริศนาที่ปรากฏขึ้นเหล่านั้น และในทางอารมณ์ การกระทำของไทเกอร์ก็ดูจะต้องการความร่วมมือและการสนับสนุนจากลีออนด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ หนึ่งปีนับจากวันที่เธอกับไทเกอร์ทำข้อตกลงกันได้ผ่านพ้นไปแล้ว และนี่แหละคือเหตุผลของความเศร้าหมองที่เกาะกุมเธอในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
แม้ว่าเธอจะตัดสินใจในใจไปแล้ว แต่ก็ยังคงจมอยู่กับความลังเลที่ไม่มีประโยชน์อะไร
การเงียบไว้จะมีความหมายอะไร? การหลีกเลี่ยงโดยตั้งใจจะปิดบังความจริงได้นานแค่ไหนกัน? สุดท้ายลีออนก็ต้องรู้ และสุดท้าย เขาก็ต้องจากที่นี่ไปอยู่ดี
“เฮ้อ…”
วันนี้เธอถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ แต่ละครั้งดูจะหนักหน่วงยิ่งกว่าครั้งก่อน
“เอี๊ยด…เอี๊ยด…”
จู่ ๆ แผ่นหลังของเธอก็ถูกรับเบา ๆ และชิงช้าก็เริ่มไกวไปมา เธอไม่จำเป็นต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นลีออน มือใหญ่ที่เย็นเล็กน้อยของเขาคือคำตอบ
เธอมัวแต่จมอยู่กับความทรงจำจนไม่ทันสังเกตเลยว่าเขาเดินมาข้างหลังตั้งแต่เมื่อไร
“สนุกไหม องค์ราชินี?” ลีออนถามพลางไกวชิงช้าให้เธอต่อไป
รอสไวส์จับโซ่เหล็กสองข้างของชิงช้าไว้แน่น เส้นผมสีเงินพลิ้วไหวตามแรงลม เธอยังหลุบตามองต่ำ ปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามจังหวะขึ้นลง เสียงของเธอเบาแทบแผ่ว “นายมาที่นี่ทำไม?”
“ฉันสังเกตว่าเธอดูอารมณ์ไม่ดีมาสักพักแล้ว เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไร”
คำตอบของเธอเย็นชานิด ๆ ใคร ๆ ก็รู้ดีว่าเวลาผู้หญิงบอกว่าไม่โกรธ มันไม่ได้แปลว่าไม่โกรธจริง ๆ จนกว่าจะถึงจุดที่ระเบิดออกมา ความโกรธก็เหมือนแมวในกล่อง—จะรู้ว่าตายหรือยังต้องเปิดกล่องดูเท่านั้น
“เล่าให้ฉันฟังหน่อยเถอะ…หรือว่าเป็นภาวะซึมเศร้าหลังคลอด?”
“ไม่เกี่ยวกับการคลอดลูก”
“อ๋อ…งั้นก็ต้องเกี่ยวกับฉันสินะ?”
รอสไวส์หลับตาลง บางครั้งเธอก็อยากให้เขาไม่เฉียบแหลมขนาดนี้บ้าง
เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบ ลีออนก็รู้ได้ทันทีว่าเขาทายถูก
ลีออนประคองแผ่นหลังของรอสไวส์เบา ๆ ค่อย ๆ หยุดการเคลื่อนไหวของชิงช้า จากนั้นจึงเดินอ้อมมาด้านหน้าเธอ ยืนตรง มือทั้งสองประสานไว้ที่อก
“บอกหน่อยเถอะ องค์ราชินี” เขาพูด “ผมทำอะไรให้เธอโกรธหรือเปล่า?”
รอสไวส์นั่งนิ่งบนชิงช้า เงยหน้ามองขึ้น แสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดจากด้านหลังของลีออนทำให้ใบหน้าด้านข้างของเธอเปล่งประกายอย่างเงียบงาม
เขายืนสูงเด่นอยู่ตรงหน้า ดวงตามองต่ำลงมาหาเธอ ทั้งสองสบตากัน ไม่มีใครหลบสายตา
ฉากนี้ทำให้รอสไวส์นึกถึงเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนในคุกใต้ดิน เมื่อลีออนเคยมองเธอด้วยสายตาเช่นนี้ เพียงแต่ตอนนี้ สายลมเย็นยามเย็นให้ความรู้สึกสบายกว่าความชื้นเย็นในคุกนัก
เขายังคงดูหล่อเหลาแบบแข็งแกร่งไม่เปลี่ยน แผลเป็นบนใบหน้าและร่างกายยิ่งขับเสน่ห์ความเป็นชายของเขาให้โดดเด่น
รอสไวส์อ้าปากขึ้น คิดว่าเธอควรจะใช้โอกาสนี้บอกเขาเกี่ยวกับข้อตกลงหนึ่งปีที่ทำไว้กับไทเกอร์
แต่ในขณะที่รอสไวส์กำลังจะเอ่ยปาก เสียงของมูนก็ดังมาจากที่ไกล ๆ
“แม่! พ่อ! ได้เวลากินข้าวแล้ว! พี่บอกว่าอย่ามัวช้าอยู่ตรงนั้นนะ ไม่งั้นจะไม่รอ!”
ลีออนหันศีรษะไปตอบ “บอกพี่ด้วยนะ ว่าถ้ายังแอบดูแม่กับพ่ออยู่อีก พ่อจะไม่สอนเวทมนตร์ให้แล้วนะ!”
พูดไม่ทันขาดคำ โนอาก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้าง ๆ มูน ในมือมีม้วนคัมภีร์อยู่ หางตั้งตรง เธอตะโกนใส่ลีออนว่า “แบบนั้นไม่ถูกต้องนะคะ พ่อ!”
ลีออนหัวเราะเบา ๆ แล้วจึงหันกลับมามองรอสไวส์อีกครั้ง “ไปกันเถอะ ได้เวลากลับไปกินข้าวแล้ว”
บท 175: กอดลูกสาว คลิกอ่านที่นี่ สนับสนุนโดย amb168
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา อารมณ์ของรอสไวส์อาจจะไม่ค่อยดีนัก แต่เธอไม่เคยแสดงออกให้ลูกสาวเห็นเลยแม้แต่น้อย
ที่โต๊ะอาหาร เธอนั่งฟังโนอาและมูนพูดคุยจ้อไม่หยุดอย่างอดทน
มูนอวดว่า วันนี้เธอเล่นซ่อนหากับสาวใช้เก่งมาก หาเจอหมดทุกคนภายในไม่ถึงนาที;
ส่วนโนอาก็เล่าว่าวันนี้ได้เรียนเวทมนตร์บทใหม่อะไรบ้าง
ส่วนลูกสาวคนเล็กนั้น…
ยังอยู่ในวัยที่พูดไม่เป็นคำ จึงยังร่วมวงสนทนากับพี่สาวไม่ได้
ลีออนกินอาหารไปพลาง คอยสังเกตอารมณ์ของรอสไวส์ไปด้วย
เมื่อครู่ที่สวนหลังบ้าน เขาเพิ่งถามรอสไวส์ไปว่า อารมณ์ที่ไม่ดีของเธอในช่วงนี้เป็นเพราะเขาหรือเปล่า
แต่รอสไวส์ก็ไม่ได้ตอบอะไร
ปกติแล้ว ถ้าเธอไม่ตอบคำถามของลีออน นั่นก็มักจะหมายความว่าเธอเห็นด้วยแบบเงียบ ๆ
แต่ลีออนก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเขาไปทำอะไรให้ราชินีของเขาขุ่นเคืองในช่วงนี้
หรือว่าจะเป็นเรื่องคืนนั้นในงานเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่เขาเผลอชมพลแม่นปืนสาวในทีมว่าดูสวยต่อหน้าเธอ?
เธอจะเก็บเรื่องนั้นมาคิดจนถึงตอนนี้เลยเหรอ?
ลีออนคิดแล้วก็รู้สึกว่าคงไม่น่าใช่
เพราะรอสไวส์ไม่ใช่คนที่จะหึงหวงอะไรง่าย ๆ อยู่แล้ว อีกอย่าง เธอก็รู้จักเขาดีถึงขนาดที่ฟังออกแน่ว่าเขาพูดล้อเล่น
และต่อให้เรื่องนั้นทำให้เธอไม่พอใจจริง ๆ เธอก็คง “สั่งสอน” เขาไปตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ให้รู้ไว้ว่าไม่ควรเอ่ยคำว่า “สวย” ต่อหน้าเธออีก
มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เธอจะต้องจมอยู่กับความหดหู่และเบื่อหน่ายขนาดนี้ แบกรับความอึดอัดไว้เพียงลำพัง
เฮ้อ…คิดยังไงก็คิดไม่ออกอยู่ดี
“พ่อ”
เสียงของมูนดึงลีออนกลับมาสู่ความเป็นจริง เขาส่ายศีรษะเบา ๆ อย่างแทบไม่สังเกตได้ แล้วหันไปมองลูกสาว
“มีอะไรเหรอ มูน?”
“พวกเราตกลงกันไว้นะ ว่าหลังจากแม่คลอดน้องเสร็จ เราจะไปทะเล~ พ่อยังจำได้ไหม?”
ลีออนยิ้ม “แน่นอน พ่อจำได้สิ แต่ตอนนี้น้องยังเล็กเกินไป ยังเดินทางไกลไม่ไหว ถ้าโตขึ้นอีกนิด เราค่อยไปทะเลกันดีไหม?”
มูนพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ได้เลย~”
มังกรน้อยจึงหันไปหาน้องสาว ใช้ปลายหางที่ว่องไวแหย่น้องเล่น
น้องสาวตัวน้อยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โดยมีผ้ากันเปื้อนผูกอยู่รอบคอเพื่อกันเลอะ มองปลายหางของพี่สาวด้วยดวงตากลมโต เธอแกว่งมือเล็กนุ่มไปมา พยายามจะคว้ามันแต่ก็ไม่เคยคว้าได้เลย
ฝั่งตรงข้ามโต๊ะ รอสไวส์วางคางไว้บนฝ่ามือข้างหนึ่ง ก้มตามองภาพตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ
ลีออนแอบมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วก็แปลกใจที่เห็นรอยยิ้มอันหายากปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ
มันไม่ใช่รอยยิ้มที่ฝืน แต่มันเป็นรอยยิ้มที่มาจากหัวใจ
“น้องจ๋า โตเร็ว ๆ นะ จะได้ไปทะเลด้วยกันทั้งครอบครัว~”
ลีออนเพิ่งจะรู้สึกโล่งใจที่ในที่สุดรอสไวส์ก็ยิ้มออกมา แต่ทันทีที่มูนพูดประโยคนั้น รอยยิ้มของเธอก็จางหายไปในทันที
เธอชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเบือนสายตาจากลูกสาวทั้งสอง ลดศีรษะลงแล้วเงียบ ๆ กินอาหารที่เหลือในจานต่อ
ลีออนจับสังเกตได้อย่างเฉียบคม
ทำไมถึงมีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนั้นตอนที่มูนพูดถึงคำว่า “ครอบครัวของเรา”?
ในเมื่อครอบครัวที่พวกเขาสร้างขึ้นนี้ ก็เป็นสิ่งที่รอสไวส์กับลีออนร่วมกันวางรากฐานขึ้นมาอย่างตั้งใจ จุดเริ่มต้นก็เพื่อมอบวัยเด็กที่สมบูรณ์ให้ลูก ๆ พร้อมความรักจากพ่อแม่ทั้งสองฝ่าย
และตอนนี้ ความคิดเรื่อง “ครอบครัว” ที่เข้มแข็งของมูน รวมถึงการยืนยันว่าพวกเขาคือ “ครอบครัวเดียวกัน” มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทั้งสองรักษาครอบครัวนี้ไว้ได้ดีมาก แล้วทำไมรอสไวส์ถึงไม่ได้รู้สึกโล่งใจ แต่กลับดูเหมือน…ต่อต้าน? เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริง ๆ ลีออนถอนใจในใจ แม้จะ “แต่งงาน” กันมานานเท่าไร เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมรอสไวส์ถึงแสดงออกแบบนี้
เดาไปก็ไม่มีประโยชน์ ลีออนคิดในใจ มีแต่ต้องรอให้เธออยากพูดถึงมันเอง เขาถึงจะรู้เรื่องทั้งหมด
หลังมื้อค่ำ โนอาและมูนก็กลับไปที่ห้อง เหลือน้องสาวตัวน้อยไว้ให้พ่อกับแม่ดูแลตามปกติ ทั้งสองยืนเคียงกันอยู่ในห้องครัว ล้างจานเหมือนเช่นทุกคืน ไม่มีบทสนทนาใดระหว่างพวกเขา แต่การเคลื่อนไหวกลับประสานกันอย่างเป็นจังหวะ
เมื่อขัดคราบสุดท้ายบนจานสุดท้ายเสร็จ ลีออนก็ยื่นจานให้รอสไวส์ที่รับหน้าที่ล้างที่อ่าง แต่ต่างจากทุกครั้ง รอสไวส์กลับยืนนิ่งไม่ขยับ เหมือนกำลังต่อสู้กับบางอย่างในใจ
ลีออนถือจานไว้ในมืออย่างเก้อ ๆ แล้วเอียงศีรษะเล็กน้อย “มีอะไรหรือเปล่า?”
รอสไวส์หลับตาลง สูดลมหายใจลึก เหมือนกับว่าในที่สุดเธอก็ตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้เสียที
“ลีออน ไป…ใช้เวลากับลูก ๆ เถอะ” เธอพูด
ลีออนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจนัก “อะไรนะ?”
“ฉันบอกว่า ไปเล่นกับลูก ๆ ไปสิ เล่นซ่อนแอบก็ได้ สอนเวทมนตร์ก็ได้ สั่งสอนพวกเธอก็ได้ หรือไม่ก็…แค่กอดพวกเธอไว้ก็พอ”
ยิ่งฟังลีออนก็ยิ่งรู้สึกสับสน แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ บางทีรอสไวส์อาจจะแค่อยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว และใช้เรื่องการอยู่กับลูกมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้เขาออกไป
ลีออนวางจานไว้ข้างอ่าง ถอดผ้ากันเปื้อนออก เช็ดมือให้แห้ง แล้วก็เดินออกจากห้องไป
เมื่อยามเย็นค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา แสงอาทิตย์ก็เลือนหายอย่างรวดเร็ว ห้องครัวค่อย ๆ มืดลง และแสงเงาก็ยิ่งเน้นให้เห็นความเหงาและเดียวดายของหญิงสาวผมเงินที่ยืนอยู่เพียงลำพัง
“แปะ… แปะ…”
หยดน้ำจากก๊อกไหลตกลงในอ่างอย่างสม่ำเสมอ สาดกระเซ็นไปรอบ ๆ อย่างเงียบงัน
รอสไวส์หลับตาลง สูดลมหายใจลึก เหมือนกับว่าในที่สุดเธอก็ตัดสินใจในเรื่องสำคัญได้เสียที
“ลีออน ไป…ใช้เวลากับลูก ๆ เถอะ” เธอพูด
ลีออนขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่เข้าใจนัก “อะไรนะ?”
“ฉันบอกว่า ไปเล่นกับลูก ๆ ไปสิ เล่นซ่อนแอบก็ได้ สอนเวทมนตร์ก็ได้ สั่งสอนพวกเธอก็ได้ หรือไม่ก็…แค่กอดพวกเธอไว้ก็พอ”
ยิ่งฟังลีออนก็ยิ่งรู้สึกสับสน แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ บางทีรอสไวส์อาจจะแค่อยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียว และใช้เรื่องการอยู่กับลูกมาเป็นข้ออ้างเพื่อให้เขาออกไป
ลีออนวางจานไว้ข้างอ่าง ถอดผ้ากันเปื้อนออก เช็ดมือให้แห้ง แล้วก็เดินออกจากห้องไป
เมื่อยามเย็นค่อย ๆ คืบคลานเข้ามา แสงอาทิตย์ก็เลือนหายอย่างรวดเร็ว ห้องครัวค่อย ๆ มืดลง และแสงเงาก็ยิ่งเน้นให้เห็นความเหงาและเดียวดายของหญิงสาวผมเงินที่ยืนอยู่เพียงลำพัง
“แปะ… แปะ…”
หยดน้ำจากก๊อกไหลตกลงในอ่างอย่างสม่ำเสมอ สาดกระเซ็นไปรอบ ๆ อย่างเงียบงัน
รอสไวส์ค่อย ๆ เหลือบตามองไปยังผ้ากันเปื้อนที่ลีออนเพิ่งถอดวางไว้ มันเป็นผ้ากันเปื้อนสีน้ำเงินธรรมดาแบบที่ใช้ในบ้านทั่วไป แต่เขาใส่มันมานานแล้ว เห็นได้จากคราบสีเหลืองที่ฝังแน่นอยู่
เธอก้มลงมองผ้ากันเปื้อนของตัวเองบ้าง ลวดลายแบบเดียวกัน แต่เป็นสีชมพู พวกเขาซื้อสิ่งนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่นะ…? เธอจำไม่ได้แล้ว รู้แค่ว่าเธออยู่กับลีออน…มานานมากแล้ว
เวลากว่าหนึ่งปี ซึ่งหากนับตามอายุขัยอันยืนยาวของมังกร ก็แค่พริบตาเดียวเท่านั้น
แต่สำหรับรอสไวส์แล้ว เธอกลับรู้สึกว่าหนึ่งปีนี้ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ยาวนานจนเธอแทบลืมไปว่ามันอาจจะมีจุดจบ
หลังจากเงียบไปเนิ่นนาน เธอค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ปลายนิ้วสั่นนิด ๆ แล้วหยิบจานที่ลีออนวางไว้ข้างอ่างขึ้นมา จากนั้นเปิดก๊อกน้ำ แล้วเริ่มล้างอย่างเงียบงัน
น้ำเย็นเฉียบไหลผ่านซอกนิ้วของเธอ เธอบีบมือแน่น แต่ก็พบว่าตนไม่อาจจับมันไว้ได้ และสิ่งที่เธอจับไว้ไม่ได้…ก็ไม่ใช่แค่น้ำที่ไหลผ่านปลายนิ้วเท่านั้น…
หลังสามทุ่ม เสียงกลอนประตูดังสะท้อนอยู่ทั่วบ้าน ลีออนเดินผ่านโถงทางเดินกลับเข้ามาในห้องนอน ลูกสาวคนเล็กนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ขณะที่รอสไวส์นั่งอยู่บนโซฟา
เธอไม่ได้ใส่ชุดนอน แต่กลับสวมชุดเดรสที่ดูค่อนข้างเป็นทางการ ลีออนยืนอยู่ตรงประตูห้องนอน เกาศีรษะเล็กน้อย
“ผม…เพิ่งเล่นกับลูก ๆ มาสักพัก สอนเวทมนตร์ให้โนอานิดหน่อย แล้วก็กอดพวกเธอทีละคนก่อนจะออกมา”
รอสไวส์ยังคงก้มหน้ามองปลายรองเท้าของตัวเอง แล้วพยักหน้าเบา ๆ โดยไม่พูดอะไร
“งั้น…เราจะทำยังไงต่อดี?” ลีออนถาม
รอสไวส์ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองลีออน ดวงตาของทั้งคู่สบกัน และในสายตานั้น ราวกับมีคำพูนนับพันที่ไม่อาจเอ่ยออกมา
น่าเสียดาย ที่ตอนนี้ไม่มีโอกาสจะพูดมันอีกแล้ว
หลังจากจ้องตากันเนิ่นนาน รอสไวส์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน “ลีออน หนึ่งปีก่อน วันนี้ ฉันได้พบกับอาจารย์ของนาย…”
บท 176: การตัดสินใจ คลิกอ่านที่นี่
รอสไวส์เล่าให้ลีออนฟังอย่างละเอียดถึงข้อตกลงหนึ่งปีที่เธอทำไว้กับไทเกอร์ในวันนั้น
หลังจากฟังจบ ลีออนรู้สึกหลากหลายอารมณ์ปะปนกัน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รู้สึกว่ารอสไวส์ตั้งใจจะปิดบังอะไรจากเขา เพราะท้ายที่สุดแล้ว อาจารย์ของเขาเป็นคนกำหนดไว้ว่าห้ามเขากลับไปยังจักรวรรดิเป็นเวลาหนึ่งปี หากเขารู้เรื่องนี้ล่วงหน้า บางทีตลอดทั้งปีนี้เขาอาจไม่มีทางสงบจิตใจได้เลย
รอสไวส์นั่งอยู่บนโซฟา เอ่ยเสียงเบา “อาจารย์ของนายไม่ได้บอกฉันเลยว่าเขาวางแผนจะทำอะไรตลอดปีที่ผ่านมา แต่ฉันคาดว่าเขาน่าจะกลับไปที่จักรวรรดิเพื่อสะสางบางเรื่อง และในช่วงเวลานั้นก็คงมีอันตรายร่วมด้วย ถึงได้ตัดสินใจกันไม่ให้นายเข้าไปเกี่ยวข้อง”
สีหน้าของลีออนเปลี่ยนเป็นจริงจัง เขาเดินไปนั่งข้างรอสไวส์บนโซฟา “แต่อาจารย์ของผมก็แค่นักล่ามังกรปลดเกษียณที่ดูแลฟาร์มของตัวเองมาหลายปีแล้ว เขาแทบไม่เคยพูดถึงช่วงเวลาที่อยู่ในกองทัพล่ามังกรเลย แม่ของผมก็เคยบอกว่า ตอนที่เขารับราชการก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรเลย แล้วคนวัยห้าสิบกว่าแบบนั้นจะไปจัดการอะไรในจักรวรรดิได้ยังไงกัน…”
“อาจารย์ของนายแทบไม่เคยพูดถึงอดีตของตัวเองเลย ส่วนความเข้าใจที่นายมีเกี่ยวกับช่วงที่เขารับราชการ ก็มีแค่สิ่งที่แม่ของนายเล่าให้ฟัง ซึ่งก็ค่อนข้างเอนเอียงอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ลีออน…ในความเห็นของฉัน อาจารย์ของนายอาจไม่ได้ธรรมดาอย่างที่นายคิด ไม่ใช่แค่ชาวนาเท่านั้นหรอก” รอสไวส์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เธอยังจำแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาจากไทเกอร์ อดีตนักล่ามังกร ได้ในวันที่เธอพบเขาครั้งแรก มันเป็นแรงกดดันที่เกินกว่ามนุษย์คนไหนจะเปล่งออกมาได้ ยกเว้นแค่ลีออน
เธอเชื่อว่า ถ้าจะมีใครสามารถฝึกฝนคนอย่างลีออนให้แข็งแกร่งผิดมนุษย์แบบนี้ได้ ไทเกอร์ก็ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ลีออนขมวดคิ้ว ไม่แน่ใจว่าจะพูดอะไรดี รอสไวส์นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างเขา หลังจากที่เธอได้บอกเขาทุกอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ของอาจารย์เขาและข้อตกลงหนึ่งปี
ตอนนี้ ถึงเวลาที่เขาจะต้องเป็นคนตัดสินใจแล้ว แต่เพื่อไม่ให้เจ้าคนโง่นี่คิดอะไรจนสมองไหม้ รอสไวส์จึงตัดสินใจจะช่วยให้เขาเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ก่อน
“ลีออน ก่อนที่ฉันจะเจออาจารย์ของนาย เขายังไม่รู้เลยว่านายยังมีชีวิตอยู่ เขาแค่…ภาวนา หรือจะเรียกว่า ‘หวัง’ ว่านายจะยังไม่ตาย ตอนนั้นเขาพาแม่ของนายไปหลบซ่อนอยู่ที่ลำธารในหุบเขา ใช้ชีวิตอย่างสงบห่างไกลจากโลกภายนอก ที่นั่นปลอดภัยดี และคนของจักรวรรดิก็หาเจอยาก”
“แต่ทันทีที่รู้ว่านายยังมีชีวิตอยู่ เขาก็เหมือนตัดสินใจบางอย่างในทันที”
“ฉันคิดว่าเขากำลังจะกลับไปจักรวรรดิเพื่อทำอะไรบางอย่างที่อันตราย…เพื่อเห็นแก่นาย”
“จริง ๆ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกนายเรื่องนี้หรอก ไม่ว่าสัญญาจะนานแค่ไหน หนึ่งปีหรือสองปี ฉันก็ยังไม่ยอมปล่อยนายไปอยู่ดี ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้ล้างแค้นให้สะใจ”
“แล้วบ้านของเรา…ถึงมันจะเป็นเพียงภาพลวงตา แต่นายก็กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้ไปแล้ว นายคือพ่อของโนอากับมูน แล้วก็…”
เธอพูดต่อเนื่องรวดเดียว แต่พอถึงประโยคสุดท้ายนั้นกลับติดขัด ดวงตาสีเงินของเธอหลบสายตาเขาเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ เบือนหน้าไปอีกทาง เสียงของเธอแผ่วลง “…นายเป็นสามีของฉัน”
“ถ้านายจากไป ที่นี่ก็จะไม่ใช่บ้านอีกต่อไปแล้ว”
“แต่ว่าฉันเข้าใจนะ ลีออน…ในโลกของมนุษย์ นายยังมีบ้านอีกหลังหนึ่ง”
“อาจารย์ของนาย…แม่ของนาย…พวกเขาทุกคนกำลังรอนายกลับไป”
“ตอนนี้ บางทีอาจารย์ของนายอาจต้องการนายมากกว่าพวกเราเสียอีก…นายมีสิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องทั้งหมดนี้”
“และมีสิทธิ์…ที่จะเป็นคนตัดสินใจ”
ลีออนจ้องมองอดีตศัตรูที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างเหม่อลอย เธอยอมมอบสิทธิ์ในการตัดสินใจให้กับเขาจริง ๆ งั้นเหรอ?
ไม่ใช่แค่นั้น เธอยังอธิบายเงื่อนไขและสถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายให้เขาอย่างชัดเจนรอบด้าน ราวกับกลัวว่าเขาจะสับสนและตัดสินใจผิดพลาด
และสิ่งที่เธอเพิ่งพูดไป—“อาจารย์ของนายต้องการนายมากกว่าพวกเรา”—ลีออนเข้าใจความหมายของมันเป็นอย่างดี ไม่นานมานี้ เขาเพิ่งเอาชนะราชามังกรเพลิงผู้หยิ่งยโส คอนสแตนติน ได้สำเร็จ ซึ่งชัยชนะครั้งนั้นได้ยกระดับสถานะและเกียรติภูมิของเผ่ามังกรเงินขึ้นในหมู่มังกรทั้งหมด
ในระยะสั้น คงไม่มีมังกรตัวไหนกล้าท้าทายเผ่ามังกรเงินของรอสไวส์อีก ดังนั้น ลูก ๆ ของพวกเขาจึงปลอดภัย และตัวรอสไวส์เองก็ปลอดภัย
แต่อาจารย์ของเขายังหายตัวไป ไม่มีใครรู้ชะตากรรม ตามคำขอของอาจารย์ในตอนนั้น เวลาก็ครบหนึ่งปีพอดี เขาสามารถกลับไปยังจักรวรรดิได้แล้ว โดยไม่ทำให้รอสไวส์ต้องรอแม้แต่วันเดียว
เธอ…เดี๋ยวก่อน—ลีออนพลันตระหนักขึ้นมาได้ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่รอสไวส์ดูหดหู่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา?
“รอสไวส์…เธอรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าผมจะตัดสินใจยังไง?” รอสไวส์พยักหน้าเงียบ ๆ
“เพราะแบบนี้ใช่ไหม เธอถึงกระสับกระส่ายอยู่ตลอด?”
เธอถอนหายใจ ปลายนิ้วยาวเรียวปัดเส้นผมที่ปรกหน้าผากออกอย่างแผ่วเบา “ถึงตอนนี้แล้ว ลีออน…พูดอะไรไปมันก็ไม่มีประโยชน์แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อพูดจบ รอสไวส์ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน “ถ้านายตัดสินใจแล้วล่ะก็…พวกเราออกเดินทางคืนนี้เลยก็ได้”
แม้แต่คนโง่ยังดูออกว่ารอสไวส์เองก็มีเหตุผลส่วนตัวอยู่ในใจ เธอไม่อยากให้ลีออนจากบ้านหลังนี้ไป ไม่อยากให้เขาทิ้งลูกสาวทั้งสองไว้ข้างหลัง
แต่เธอคือราชินีมังกรเงิน ไม่ใช่เด็กหญิงที่เอาแต่ใจ เธอรู้ดีว่าเมื่อไรควรสู้ และเมื่อไรควรยอม ลีออนก็เช่นกัน
เขาอาจแกล้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย อยู่ต่อที่นี่ในฐานะเจ้าชายแห่งเผ่ามังกรเงินต่อไป รับความรักและความเคารพจากผู้คนมากมาย มองดูลูกสาวน่ารักเติบโตขึ้นทุกวัน และในที่สุดก็ได้แก่เฒ่าอย่างสงบตามที่เคยใฝ่ฝันไว้
แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาก็จะไม่ใช่ “ลีออน แคสมอร์ด” อีกต่อไป ชายที่แบกรับหน้าที่และความรับผิดชอบไว้บนบ่าจะไม่มีทางปล่อยให้พ่อบุญธรรมต้องเผชิญอันตรายโดยลำพัง
เมื่อรอสไวส์มอบสิทธิ์ในการตัดสินใจให้ลีออน ทั้งสองคนต่างก็รู้ดีว่า สุดท้ายแล้วเขาจะเลือกกลับไปยังจักรวรรดิ เขาต้องกลับไปช่วยอาจารย์ของเขา และเปิดโปงคนทรยศที่ใส่ร้ายเขา
ลีออนจ้องมองเธอเนิ่นนาน รู้สึกเหมือนมีคำพูนนับพันอยากจะบอกกับเธอ แต่สุดท้าย คำพูดทั้งหมดก็หลอมรวมเป็นเพียงประโยคเดียวที่เรียบง่าย “ขอบคุณนะ รอสไวส์”
รอสไวส์ไม่ได้ตอบว่า “ไม่เป็นไร” เธอแค่หันหน้าหลบไปเล็กน้อย สีหน้าเรียบนิ่งของเธอไม่อาจปิดบังน้ำเสียงสั่นเครือได้เลย
“ก่อนจะออกเดินทาง…นายอยากกอดลูกสาวคนเล็กของเราสักหน่อยไหม?”
กอดลูกสาว… ถ้าอย่างนั้น ตอนที่เธอบอกให้เขาไปเล่นกับโนอาและมูนเมื่อเย็น แล้วบอกให้กอดพวกเธอแต่ละคน มันคือ…การบอกลางั้นเหรอ?
น่าเสียดายที่ตอนนั้นลีออนไม่ได้ตระหนักถึงสิ่งนั้นเลย และอ้อมกอดอำลานั้นก็ดูจะเร่งรีบเกินไป เขาถอนหายใจ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินช้า ๆ ไปที่ข้างเตียง
เมื่อลีออนมองดูลูกสาวคนเล็กที่กำลังหลับอยู่ รอยยิ้มบางเบาก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หม่นหมองของเขา เขาค่อย ๆ โน้มตัวลงไป แล้วจูบหน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา
“โตขึ้น…ฟังพี่สาวทั้งสองนะ แล้วก็ปกป้องแม่ด้วย”
ลูกสาวตัวน้อยที่อยู่ในความฝันส่งเสียงอืออาเบา ๆ ออกมา
ลีออนไม่แน่ใจว่า นั่นคือคำตอบของเธอหรือเปล่า
เขาหันกลับไปมองลูกสาวอีกครั้งอย่างไม่เต็มใจ แล้วจึงยืดตัวขึ้น ตั้งใจจัดเตรียมของที่อาจต้องใช้ระหว่างทางให้เรียบร้อย จากนั้นก้าวไปยังระเบียงด้วยฝีเท้าหนักแน่น
รอสไวส์ได้แปลงร่างเป็นร่างมังกรแล้ว และกำลังรออยู่กลางอากาศนอกระเบียง ลีออนกระโดดข้ามราวระเบียงอย่างง่ายดาย แล้วลงมายืนบนหลังของเธอ
“โนอากับมูนจะคิดว่าผมเป็นพ่อที่แย่ไหม?” ลีออนถามเสียงแผ่ว
โดยไม่ลังเล รอสไวส์ตอบกลับ “ไม่เลย…นายเป็นพ่อที่ดีที่สุดในโลกต่างหาก”
และยังเป็น…สามีที่ดีที่สุดในโลกด้วย แต่นั่นอาจจะสายเกินไปที่จะพูดมันในตอนนี้
มังกรสีเงินกระพือปีก แล้วหายลับไปในยามค่ำคืน
ม่านในห้องนอนปลิวไหวเบา ๆ จากแรงลมที่เกิดจากปีกของมังกร เด็กน้อยบนเตียงกำมือเล็ก ๆ แน่น ดิ้นไปมาอย่างกระสับกระส่าย
ในห้องที่เงียบงัน เสียงกลอนประตูดังขึ้นทำลายความเงียบ บานประตูค่อย ๆ เปิดออก ร่างเล็ก ๆ ร่างหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เรียกหาแม่กับพ่อด้วยเสียงเบา ๆ
แต่สิ่งที่เธอได้รับตอบกลับ มีเพียงเสียงอืออาเบา ๆ ของน้องสาว
แม่กับพ่อ…ไม่อยู่แล้ว
เธอเดินไปที่ข้างเตียง ฮัมเพลงกล่อมเบา ๆ จนกระทั่งน้องสาวกลับไปนอนหลับสนิทอีกครั้ง จากนั้นจึงเดินออกไปที่ระเบียง
หน้าต่างระเบียงเปิดอยู่ และมีร่องรอยของใครบางคนเหยียบตรงราวระเบียง บ่งบอกว่ามีคนจากไปทางนี้ไม่นานมานี้
โนอาเงยหน้าขึ้นช้า ๆ สายตาจ้องมองท้องฟ้ายามราตรีที่มืดมิด
“แม่…พ่อ…เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
บท 177: ออโรร่า คลิกอ่านที่นี่
หลังจากบินมาหลายชั่วโมง รอสไวส์และลีออนก็มาถึงบริเวณพรมแดนระหว่างเขตแดนของมนุษย์และมังกร
รอสไวส์นำทางลีออนไปยังลำธารในหุบเขาที่ไทเกอร์เคยใช้ซ่อนตัวในตอนนั้น
แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่าไทเกอร์อยู่ในจักรวรรดิหรือออกเดินทางไปแล้ว แต่ในเมื่อผ่านมาแถวนี้ การแวะตรวจสอบก็คงไม่เสียหายอะไร
ลีออนยืนอยู่ตรงริมหน้าผาสูงชันอย่างน่าหวาดเสียว มองดูสายน้ำตกที่ไหลลงสู่เหวลึกเบื้องล่างแล้วอดไม่ได้ที่จะอุทาน “อาจารย์ของผมเคยซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริง ๆ เหรอ?”
รอสไวส์พยักหน้า “ตอนนี้นายยังคิดว่าอาจารย์ของนายเป็นแค่ชาวนาธรรมดาอยู่อีกไหม?”
แค่การหาสถานที่ซ่อนตัวลับตาแบบนี้ แล้วยังอยู่ได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลานาน ชาวนาธรรมดาทำแบบนั้นไม่ได้แน่
ตาแก่เอ๊ย…ยังมีความลับอีกกี่อย่างที่ยังไม่ได้เล่าให้เขาฟังกันนะ?
เมื่อได้เจอกัน ลีออนจะต้องถามให้รู้เรื่องแน่นอน
รอสไวส์บินช้า ๆ ลงไปยังลำธารในหุบเขาพร้อมกับลีออน แล้วหาน้ำตกที่เคยมาในคราวก่อน
เธอกระพือปีกเบา ๆ แรงลมที่เกิดขึ้นทำให้น้ำตกแหวกออกเป็นช่อง เปิดทางให้ทั้งสองลอดผ่าน
เมื่อทั้งสองลอดผ่านม่านน้ำไป ด้านหลังก็เผยให้เห็นถ้ำลับซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายใน
ลีออนก้าวเข้าไปในถ้ำ โดยมีรอสไวส์เดินตามเข้าไปด้านหลัง
เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เธอเคยเห็นเมื่อคราวก่อนยังอยู่ที่เดิม…แต่—
รอสไวส์ยืนอยู่ข้างโต๊ะ แล้วเอามือปัดเบา ๆ พบว่ามีฝุ่นจับหนาเตอะ นั่นแสดงว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว
แน่นอนว่า ลีออนก็สังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกัน เขาเดินวนลึกเข้าไปในถ้ำ แต่ก็ไม่พบอะไร “อาจารย์กับแม่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
เขาหยุดพูดไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเจือความเสียดาย ขณะมองเข้าไปข้างในอีกครั้ง “แม้แต่ลาตัวนั้นก็ไม่อยู่”
รอสไวส์นึกขึ้นได้ว่าเชอร์ลี่ย์เคยบอกไว้ว่า ก่อนที่ไทเกอร์จะออกจากจักรวรรดิแล้วมาที่สถานที่อันโดดเดี่ยวนี้ เขาได้ขายฟาร์มและปศุสัตว์ทั้งหมดไป ยกเว้นลาแค่ตัวเดียวที่เขานำติดตัวมาด้วย
นั่นแสดงให้เห็นว่าลาสี่ขา หูยาวตัวนี้—เป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตไม่กี่อย่างที่สามารถทำร้ายลีออนได้—มีความสำคัญต่อครอบครัวนี้มากทีเดียว และตอนนี้…ทั้งอาจารย์ แม่ของเขา และลาตัวนั้นก็หายไปหมดแล้ว…
“เพราะฉะนั้น ก็เหลือแค่สองความเป็นไปได้เท่านั้น” รอสไวส์พูด “หนึ่ง—อาจารย์ของนายจัดการปัญหาในจักรวรรดิได้แล้ว พาแม่ของนายกับลาตัวนั้นจากไป และตอนนี้ก็กำลังรอนายกลับบ้าน หรือสอง—ปัญหานั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข และมันยุ่งยากกว่าที่เขาคาดไว้มาก จนเขาไม่มีพลังจะดูแลแม่ของนาย จึงพาเธอไปซ่อนไว้ที่อื่นชั่วคราว”
ลีออนพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะพูดว่า “งั้นพวกเรามุ่งหน้าไปต่อกันเถอะ”
รอสไวส์มองสีหน้าของลีออนที่แม้จะดูใจร้อนแต่ก็พยายามเก็บอาการไว้อย่างเงียบ ๆ เธออ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ลังเล
สุดท้าย เธอจึงเอ่ยเสียงเบา ๆ ตอบรับ แผ่ปีกออก แล้วพาลีออนบินออกจากถ้ำลับแห่งนั้น
ระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรต่ออีกเลย
เธอรู้สึกได้ถึงอารมณ์เร่งร้อนแต่กดเก็บไว้อย่างหนักของลีออน ขณะเดียวกัน ลีออนเองก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังเก็บงำบางอย่างไว้ในใจเช่นกัน
สองคนที่ปกติเจอกันทีไรก็มีเรื่องให้เถียงกันตลอด กลับกลายเป็นว่าตอนนี้…ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
มีเพียงเสียงลมหวีดหวิวที่พัดผ่านหู รบกวนจิตใจของลีออนอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเข้าสู่เขตแดนของมนุษย์ รอสไวส์ก็ร่ายเวทล่องหนทันที และลดความเร็วลง บินด้วยท่าทีระมัดระวังมากขึ้น
เขตแดนของมนุษย์ไม่ใช่ที่ที่ใครจะบุกรุกได้ตามใจ ยิ่งเข้าใกล้เท่าไร อันตรายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ตอนที่ลีออนเพิ่งฟื้นคืนสติใหม่ ๆ รอสไวส์เคยพาเขากลับมาที่ป่าใกล้ ๆ กับจักรวรรดิ
หลังจากผ่านช่วงเวลาแสนทรมานนั้น เธอที่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกพุ่งพล่าน เคยขู่เขาด้วยความสะใจว่า ตั้งแต่นี้ไปจะพาเขามาที่นี่ทุกเดือน เพื่อเหยียบย่ำศักดิ์ศรีและความเชื่อของเขาให้ย่อยยับ
แต่ครั้งนั้นกลับกลายเป็นครั้งเดียวที่เธอพาเขามาที่นี่จริง ๆ รอสไวส์ไม่สามารถเสี่ยงมากขนาดนั้น เพียงเพื่อจะทรมานลีออน
ไม่คาดคิดเลยว่า…การกลับเข้าดินแดนมนุษย์อีกครั้งของพวกเขา จะมีวัตถุประสงค์ที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง จาก “จะกักเขาไว้ข้างกายตลอดไป” กลายเป็น “พาเขากลับสู่บ้านเกิดด้วยมือตัวเอง”…ความต่างระหว่างสองสิ่งนี้ช่างรุนแรง และความว่างเปล่าในใจราชินี…ก็รุนแรงเช่นกัน
หลังจากบินมาอีกหลายชั่วโมง ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจักรวรรดิ
รอสไวส์ลงจอดในป่าแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอเคยใช้เป็นจุดพักคราวก่อน ที่นี่สามารถมองเห็นจักรวรรดิได้จากระยะไกล ลีออนยืนอยู่บนจุดสูง มองบ้านเกิดของตนที่อยู่ลิบ ๆ
แสงไฟระยิบระยับสะท้อนอยู่ในดวงตาสีเข้มของเขา และในชั่วขณะนั้น เขาก็รู้สึกสับสนปนเปไปหมด บ้านก็ยังคงเป็นบ้าน แต่…“จักรวรรดิ” ยังเป็น “จักรวรรดิ” เดิมหรือไม่?
ครั้งก่อนที่พวกเขามาที่นี่ มันคือศรัทธาในใจของลีออน คือหลักยึดที่เขายอมสละชีวิตเพื่อปกป้อง แต่ตอนนี้…มันกลับดูคล้ายอสูรร้ายที่หลับใหล ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อเข้าใกล้ มันจะกระดิกหางอย่างเชื่องกับลีออน หรือจะอ้าปากกว้างเปื้อนเลือดแล้วคำรามใส่เขาแทน
ลีออนกำหมัดแน่นโดยไม่เอ่ยคำใด ลมหายใจเริ่มหนักขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาแทบไม่เคยรู้สึกกลัวสิ่งใดที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นมังกร สิ่งมีชีวิตอันตราย หรืออะไรก็ตาม ลีออนไม่เคยกลัวเลย
แต่ในตอนนี้ เมื่อเขาจ้องมองไปยังจักรวรรดิที่เคยสาบานจะปกป้องด้วยชีวิต ความหวาดกลัวที่ไร้ที่มาก็ค่อย ๆ กัดกินหัวใจของเขา
อาจารย์เคยบอกไว้ว่า สัตว์ประหลาดที่จับต้องได้ไม่น่ากลัว สิ่งที่น่ากลัวกว่าสัตว์ประหลาด…คือจิตใจของมนุษย์ ที่ทั้งมองไม่เห็นและจับต้องไม่ได้
ดวงตาของลีออนสั่นไหวเบา ๆ ความเย็นยะเยือกอย่างรุนแรงพัดซัดเข้ามาราวกับน้ำหลาก จนเขาหายใจแทบไม่ออก เขาก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว ความหวาดกลัวที่ไร้รูปร่างนั้นหนักหนาจนแทบแบกรับไม่ไหว
แต่ในชั่วขณะนั้นเอง คลื่นความอบอุ่นก็กระจายไปทั่วแผ่นหลังของเขา ลีออนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ ก้มลงมอง แขนเรียวยาวข้างหนึ่งกำลังกอดรอบเอวของเขาไว้อย่างแนบแน่น
ความนุ่มนวลและอบอุ่นจากทางด้านหลังที่โอบกอดเขาไว้ ได้สลายความกลัวและความเย็นยะเยือกทั้งหมดในใจของลีออนไปในทันที
“รอสไวส์…”
เขาอยากจะหันกลับไปมองเธอ แต่เจ้าของเสียงที่อยู่ข้างหลังก็สั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “อย่าขยับ…อย่าหันกลับมา”
ลีออนรู้สึกได้ว่ารอสไวส์ค่อย ๆ เอนหน้าผากมาซบแผ่นหลังของเขา เธอไม่ได้กอดเขาแน่นนัก อาจเพราะไม่กล้า…หรืออาจเพราะไม่สามารถทำได้
ลีออนมองมือละเอียดอ่อนที่โอบรอบหน้าท้องของเขาอยู่ มือที่นุ่มนวล ผิวหลังมือขาวเนียน ปลายนิ้วเรียวยาว เล็บสะท้อนแสงชมพูระเรื่ออ่อน ๆ เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะวางมือลงเบา ๆ คลุมมือของรอสไวส์ที่เย็นเล็กน้อยไว้อย่างอ่อนโยน
สายลมเย็นยามเย็นพัดผ่านเข้ามาในป่า ใบไม้รอบข้างพลิ้วไหวตามแรงลม เสียงจิ้งหรีดดังแว่วจากความมืด หิ่งห้อยบินว่อนล้อมรอบทั้งคู่ และแสงจันทร์ที่ลอดผ่านช่องว่างของใบไม้ ก็โปรยปรายลงบนเส้นผมสีเงินของพวกเขาทั้งสองอย่างไม่ตระหนี่
เบื้องหน้าของลีออนคือจักรวรรดิที่เต็มไปด้วยอันตราย ซึ่งรอให้อาจารย์ของเขาเป็นผู้รับมือ ส่วนเบื้องหลังของเขา…คือ ‘ศัตรู’ ในอดีต และคนที่เขาอยู่เคียงข้างทั้งเช้าและค่ำ
หลังความเงียบยาวนาน ลีออนก็พูดขึ้นเบา ๆ “หลังจากผมจัดการเรื่องทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ผมจะ—”
“ใครบอกว่าฉันจะรอ” รอสไวส์พูดแทรกทันทีโดยไม่ให้เขาพูดจบ น้ำเสียงของเธอฟังดูเหมือนเด็กดื้อที่กำลังงอนอยู่
เธออดทนมาหลายวันแล้ว แม้กระทั่งตอนเดินทางมาก็ยังเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ไม่กี่นาทีก็ต้องแยกจากผู้ชายคนนี้ เธอทำได้แค่เฝ้านับถอยหลัง
เธออยากเอาแต่ใจ…สักครั้งก็ยังดี แม้จะเป็นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น
“ฉันเป็นอะไรกับนาย…ทำไมฉันต้องรอ? ฉันไม่รอหรอก ไม่อยากรอด้วยซ้ำ”
ลีออนเม้มปากแน่น ไหล่ทั้งสองตกลงอย่างอ่อนแรง “ขอโทษนะ”
เธอกอดเขาแน่นขึ้น เสียงสั่นเครือเจือสะอื้นจนแทบกลั้นไว้ไม่ไหว “อย่าเป็นอะไรไปนะ…ลีออน ได้โปรด อย่าได้เกิดเหตุร้ายกับนายเลย…”
ใช่—การเอาแต่ใจ ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับเธอเลยจริง ๆ
ลีออนกัดริมฝีปากแน่น มือกำข้อมือของรอสไวส์แน่นราวกับจะถ่ายทอดความแน่วแน่ในใจให้เธอรับรู้ “ผมสัญญา รอสไวส์…ผมจะไม่ปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นแน่นอน”
เธอไม่ได้ตอบอะไรกลับมา แค่ยังกอดเขาจากด้านหลังอย่างแน่นหนา
หลังจากเงียบกันไปครู่หนึ่ง ลีออนก็เอ่ยถามเบา ๆ “แล้วเราจะอธิบายให้ลูก ๆ ฟังยังไงดี?”
“ฉันจะเป็นคนพูดเอง” รอสไวส์ข่มอารมณ์แล้วตอบ
“ถ้านายยังจัดการปัญหาในจักรวรรดิร่วมกับอาจารย์ไม่ได้ในระยะสั้น…ทุกสามเดือน ถ้านายยังมีชีวิตอยู่ ก็ไปที่ลำธารในหุบเขาที่อาจารย์ของนายเคยซ่อนตัวไว้นั่น ที่นั่นเป็นพรมแดนระหว่างโลกมนุษย์กับมังกร น่าจะปลอดภัยพอ ฉันจะอธิบายให้ลูก ๆ เข้าใจ แล้วพาพวกเธอไปเยี่ยมนาย”
เรื่องนี้ดูไม่เหมือนการตัดสินใจชั่ววูบเลย—ลีออนคิด รู้จักนิสัยเธอดีขนาดนี้ เขาแน่ใจว่าเธอวางแผนไว้ตั้งนานแล้ว
“ได้ยินไหม?” เธอเอาหน้าผากชนแผ่นหลังของลีออนเบา ๆ
“ได้ยิน ๆ ผมได้ยินแล้ว”
“ทุกสามเดือน นายต้องไปที่นั่น ห้ามเบี้ยว เข้าใจไหม?”
‘ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ก็ไปที่นั่น’ ‘ทุกสามเดือน ห้ามไม่ไปเด็ดขาด’
วิธีพูดแบบนี้…มันตรงไปตรงมาสุด ๆ แล้ว สำหรับรอสไวส์
เธอต้องการให้ลีออนมีชีวิตอยู่ต่อ
“จำไว้นะ ผมจะไปตรงเวลาตามนัดแน่นอน” ลีออนให้คำมั่น
รอสไวส์หลับตาลง แล้วถอนหายใจยาว
“สุดท้าย…ตั้งชื่อลูกสาวคนเล็กของเรากันเถอะ”
“ให้ผมเป็นคนเลือกไหม?”
รอสไวส์พยักหน้า แล้วรีบเสริมขึ้นว่า “ห้ามมีคำว่า ‘ดวงดาว’ หรือ ‘ป่าเถื่อน’ นะ”
เมื่อพูดจบ ทั้งคู่ก็ยิ้มออกมาพร้อมกัน
เธอค่อย ๆ หันหน้าแนบแก้มลงบนแผ่นหลังของลีออน กอดเขาแน่นขึ้น และปล่อยให้ร่างของทั้งสองแกว่งไกวไปตามสายลมยามเย็น
ลีออนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “งั้นตั้งชื่อว่าออโรร่าละกัน ความหมายคือ ‘รุ่งอรุณ’ และ ‘แสงสว่าง’ ลูกสาวคนเล็กของเราเกิดตอนรุ่งสางพอดี”
“ออโรร่า… อืม ชื่อนี้แหละ ดีแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของรอสไวส์ค่อย ๆ จางลง เธอคลายอ้อมกอดจากลีออนอย่างอ้อยอิ่ง ถอยหลังออกไปสองสามก้าว มองร่างของเขาเงียบ ๆ
“ไปเถอะ แคสมอร์ด ไปทำในสิ่งที่นายต้องทำ”
ชายตรงหน้าเธอหันกลับมาครึ่งหนึ่ง แสงจันทร์สะท้อนบนใบหน้าด้านข้างที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น ปอยผมปลิวไหวตามแรงลม
เขาพยักหน้า แล้วเริ่มก้าวเดินออกไป มุ่งหน้าสู่สัตว์ร้ายที่เงียบสงบในระยะไกล
ราชินีมังกรเงินมองดูแผ่นหลังของเขาที่ค่อย ๆ ห่างออกไป แล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ลีออน ขอโชคจงสถิตย์ในตัวนาย…”
บท 178: ขอบใจนะ เจ้าลา คลิกอ่านที่นี่
ขี้เกียจแปล มันไม่ค่อยสนุก ย่อง่ายๆว่า ลีออนลอบเข้าจักรวรรดิสำเร็จ แล้วจะตามหารีเบคก้า เพื่อนเก่าลีออน
บทที่ 179: โลลิปืนคู่!
ย่อคร่าวๆ ลีออนสืบหาที่พักรีเบคก้าเจอ
ผมหางม้าคู่ที่มัดอยู่ด้านหลังของเด็กสาวแกว่งไหวไปมาในขณะที่เธอเดินอย่างเบาสบาย
แม้จะมีรูปร่างเล็กแบบโลลิ แต่เธอกลับแต่งตัวด้วยสไตล์ผู้ใหญ่นำแฟชั่น—เสื้อกั๊กสีดำสั้น เสื้อกล้ามสีขาวด้านใน และกางเกงขาสั้นสุด ๆ ถึงจะตัวเล็ก แต่เรียวขาของเธอกลับได้สัดส่วนอย่างลงตัว มีเนื้อมีหนังพอดิบพอดี
เธออุ้มถุงช้อปปิ้งใบใหญ่ไว้ในอ้อมแขน ข้างในเต็มไปด้วยขนมและผลไม้หลากชนิด
“สวัสดีตอนบ่ายจ้ะ รีเบคก้า” คุณนายแฮร์รี่เพื่อนบ้านทักขึ้น
เด็กสาวผมหางม้าคู่หยุดเดิน แล้วตอบกลับอย่างร่าเริง “สวัสดีตอนบ่ายค่ะ คุณนายแฮร์รี่! วันนี้ดูเด็กกว่าวันเมื่อวานอีกนะคะ ใช้เวทมนตร์อะไรหรือเปล่า? สอนหนูบ้างสิ~”
คุณนายแฮร์รี่ยิ้มปลื้มกับคำชมของเด็กสาว แล้วโบกมือปฏิเสธ “ไม่ ๆ แค่รักษาอารมณ์ดี ๆ ไว้ก็พอแล้วจ้ะ”
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ดีจังเลย~ ว่าแต่คุณนายแฮร์รี่คะ เมื่อสองเดือนก่อนที่คุณขอให้หนูช่วยไล่แมลง ยังจำได้ใช่ไหมคะ? ช่วงนี้แมลงมันกลับมาอีกหรือยัง หนูจะได้ช่วยไล่อีกครั้ง!”
รอยยิ้มของคุณนายแฮร์รี่ค้างทันที เมื่อนึกถึงภาพน่าสะพรึงเมื่อสองเดือนก่อน ที่รีเบคก้าควงปืนกลสองกระบอกไล่กราดยิงแมลงทั่วสวน…
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว!
“มะ ไม่ต้อง ๆ จ้ะ รีเบคก้า หนูกลับไปทำธุระของหนูเถอะนะ…”
“ได้เลยค่ะ คุณนายแฮร์รี่ ถ้าต้องการให้ช่วยอะไรก็บอกได้นะคะ!”
คุณนายแฮร์รี่โบกมือลา รีเบคก้าก็เดินต่อกลับบ้านด้วยก้าวเดินเบาสบายและกระฉับกระเฉง
เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน เธอก็ยกขาเรียวได้รูปที่เต็มไปด้วยเนื้อเล็กน้อยขึ้นมารองถุงช้อปปิ้งไว้ เพื่อให้มือว่างพอจะหยิบกุญแจออกมาจากกระเป๋า
แต่ในชั่วขณะนั้นเอง หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างจากหน้าต่างใกล้ ๆ ตรงห้องรับแขก—เงาคนนั่นหรือเปล่า?
รีเบคก้าขมวดคิ้ว “ขโมยงั้นเหรอ?”
โดยทั่วไปแล้ว คนส่วนใหญ่พอเจอขโมยขึ้นบ้านก็มักจะตกใจกลัว และหลังจากความตกใจในเบื้องต้น ก็มักจะรีบโทรหาหน่วยลาดตระเวนหรือตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่รีเบคก้า…ไม่ใช่คนส่วนใหญ่
เธอไม่เพียงไม่ตกใจเลยสักนิด แต่ยังดูเหมือนจะตื่นเต้นเสียด้วยซ้ำ
ขโมยหัวเหลืองตัวน้อย…ในจักรวรรดิใหญ่โตขนาดนี้ แกมีบ้านให้เลือกตั้งมากมาย แต่ดันเลือกมาปล้นบ้านของฉันเนี่ยนะ?
จังหวะเหมาะพอดีเลย! ก็ในเมื่อตั้งแต่ถูกย้ายไปประจำการลาดตระเวน เธอก็ไม่ได้มีโอกาสแอคชั่นเท่าไรนัก และวันนี้…เธอจะใช้เจ้าขโมยน้อยนี่เป็นเป้าซ้อม!
รีเบคก้าวางถุงช้อปปิ้งลงอย่างเบามือ แล้วเปิดมุมพรมหน้าประตู จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งกดลงบนแผ่นไม้ใต้พรมอย่างแรงจนแผ่นไม้เปิดออก เผยให้เห็นช่องลับซึ่งซ่อนปืนพกเล็ก ๆ กระบอกหนึ่งไว้อย่างประณีต
ในฐานะมือปืนระดับยอดฝีมือ การซ่อนปืนในถังเก็บน้ำของชักโครกยังเคยทำมาแล้ว การซ่อนไว้ใต้พรมแค่นี้จะเหลืออะไร?
รีเบคก้าหยิบปืนขึ้นมาอย่างคล่องแคล่ว แล้วค่อย ๆ เปิดประตูบ้านอย่างเงียบเชียบ ก้าวเท้าเบา ๆ เข้าไปในตัวบ้าน เธอแนบตัวกับผนังใกล้ประตู หรี่ตามองลอดออกไปยังห้องรับแขก—ขโมยผมดำยังยืนอยู่ตรงนั้น
อ้อ ไม่ใช่ผมเหลือง แต่เป็นผมสีดำ และก็ไม่ได้ตัวเล็กด้วย สูงอย่างน้อยก็ 180 เซนติเมตรได้ ถ้าเกิดสู้กันตรง ๆ ล่ะก็ ปกติเขาคงเตะเธอที่สูงแค่ 158 เซนติเมตรปลิวกระเด็นได้ง่าย ๆ เลย
หัวขโมยผมดำหันหลังให้รีเบคก้า ทำให้เธอมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่ก็ไม่สำคัญ ไม่ว่าจะผมสีเหลืองหรือดำ ไม่ว่าจะเป็นขโมยกระจอกหรือขาใหญ่—อาวุธในมือของเธอไม่ใช่ของเล่น
หัวขโมยนั่นยังไม่รู้ตัวเลยว่ารีเบคก้ากำลังแอบมองอยู่จากด้านหลัง เขายังคงค้นหาของในห้องด้วยความตั้งอกตั้งใจ
รีเบคก้าเห็นโอกาสแล้ว ค่อย ๆ ย่องเข้าไปเงียบ ๆ ทีละก้าวจากทางด้านหลัง
การเคลื่อนไหวแบบไร้เสียงเป็นทักษะพื้นฐานที่มือปืนต้องมี
จนกระทั่งเธอเข้าไปใกล้หลังของหัวขโมยโดยที่เขายังไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
แชะ—
ปากกระบอกปืนสีดำสนิทแนบชิดกับเอวของหัวขโมย—เธอไม่ได้เล็งที่หัว เพราะเธอเตี้ยเกินไป ต้องเขย่งถึงจะยิงได้ที่เอว
หัวขโมยที่ดูจะมีสติพอสมควร ก็รีบยกมือยอมแพ้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้า
“ว้าว~ ดูมีประสบการณ์ดีนะคะ คุณขโมย! โดนเอาปืนจ่อหลังแบบนี้มาไม่ต่ำกว่าหนหนึ่งแน่เลยใช่ไหม?” รีเบคก้าพูดต่อ “กลางวันแสก ๆ แอบเข้าบ้านสาวน้อย แถมยังมาคุ้ยกล่องอาหารที่กินไม่หมดอีก—รสนิยมคุณนี่แปลกดีจังนะคะ~”
คุณขโมยยังคงเงียบกริบ
“หึ! คุณมีสิทธิ์ที่จะไม่พูดอะไรทั้งนั้นนะคะคุณขโมย แต่ทุกคำที่คุณพูดจะถูกใช้เป็นหลักฐานในชั้นศาล!” รีเบคก้ายังคงพูดต่อ แต่ก็ยังคงเจอความเงียบเป็นคำตอบ
สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดสำหรับคนช่างพูดอย่างเธอ…ก็คือการเจอคนที่เงียบเป็นเป่าสากแบบนี้
เธอพูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว ในขณะที่อีกฝ่ายนิ่งเฉยราวกับเป็นใบ้
รีเบคก้าขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด แล้วเอาปืนจ่อแน่นขึ้นไปที่แผ่นหลังของเขาอีกครั้ง “ทำเป็นใบ้งั้นเหรอ? เชื่อไหมว่าฉันจะลั่นไกให้แกเดินไม่ได้เลยเดี๋ยวนี้แหละ!”
ก็แค่ขู่เท่านั้นแหละ ถึงเขาจะเป็นขโมย แต่ความผิดก็ยังไม่ถึงขั้นต้องโดนยิงพิการ และจักรวรรดิเองก็ไม่ใช่ที่ที่ใครจะมาใช้ความรุนแรงโดยไม่สนกฎหมายได้ง่าย ๆ
แต่คราวนี้ หัวขโมยก็พูดตอบกลับมาในที่สุด “…ปืนของเธอน่ะ ไม่มีลูกกระสุนอยู่ด้วยซ้ำ!”
บทที่ 180: จักรวรรดิ คลิกอ่านที่นี่
เสียงที่คุ้นเคย…
รีเบคก้าไม่มีทางจำผิดได้แน่นอน—ตลอดหลายปีที่เธอโลดแล่นอยู่ในสนามรบ ทุกช่วงวินาทีที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายระหว่างความเป็นและความตาย ล้วนมีเสียงนี้คอยนำทาง ให้พวกเขาฝ่าฟันจนรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อ
เธอมองดูร่างสูงใหญ่ตรงหน้า ดวงตาสีฟ้าใสเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง
มือที่ถือปืนอยู่สั่นเล็กน้อย รีเบคก้ากัดฟันแน่น ข่มความสับสนและตกใจเอาไว้ แล้วออกแรงผลักหลังชายตรงหน้า
“หันกลับมา!”
น้ำเสียงของเธอสั่นด้วยความตื่นเต้นปนสะอื้น
ลีออนยกมือขึ้น แล้วค่อย ๆ หันกลับมาอย่างช้า ๆ
เวลาผ่านไปสามปีเต็ม แต่ในเสี้ยววินาทีนั้น—เมื่อรีเบคก้าได้เห็นใบหน้าหล่อเหลานั้นอีกครั้ง ใบหน้าที่เปี่ยมด้วยความแน่วแน่—เธอรู้สึกราวกับกำลังฝันอยู่
หยดน้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงจากหางตาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าหวานสะท้อนอารมณ์หลากหลายอย่างปนเปกัน
นอกจากความตกใจและประหลาดใจแล้ว ยังมีทั้งความสับสน ความซาบซึ้ง และความโล่งใจ รวมไปถึงความรู้สึกอีกมากมายที่อัดแน่นอยู่ในใจ
ก็แน่ล่ะ—กัปตันที่ควรจะตายไปแล้วในกองบัญชาการของศัตรูเมื่อสามปีก่อน ตอนนี้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าเธออย่างปาฏิหาริย์ ใครจะไม่อึ้งบ้างล่ะ?
ลีออนเห็นสีหน้าและปฏิกิริยาของรีเบคก้าแล้ว ก็ลอบถอนหายใจโล่งอก
ดูไม่เหมือนว่าเธอจะเสแสร้งเลย
ลีออนรู้จักเธอดี—รีเบคก้าเข้าร่วมทีมของเขาทันทีหลังจากจบการศึกษาจากโรงเรียนฝึกนักล่ามังกร
สาวบ้าแบบนี้ไม่เคยเก็บอารมณ์ไว้บนใบหน้าได้เลย คิดอะไรอยู่ก็แสดงออกมาทันที
และตอนนี้ บนใบหน้าของเธอเขียนไว้ชัดเจนว่า “บ้าเอ๊ย! กัปตันยังมีชีวิตอยู่จริง ๆ ด้วย!” ไม่ใช่ “โถ่เว้ย แคสมอร์ดยังไม่ตายอีกเรอะ?!”
ลีออนก้มมองเด็กสาวผมหางม้าคู่ที่สูงกว่าตัวเองอยู่พอสมควร ก่อนจะค่อย ๆ ลดมือลง “ว่าไง เราสองคนต่างก็วางปืนลง แล้วมานั่งคุยกันดี ๆ สักหน่อยไหม?”
รีเบคก้าเพิ่งจะหลุดออกจากภวังค์แห่งความตกใจ เธอส่ายหัวเบา ๆ เป็นเชิงว่าเริ่มยอมรับความจริงที่ว่าลีออนยังไม่ตายแล้ว
แต่ก็ยังไม่ยอมลดปืนลง
รีเบคก้าเขย่งปลายเท้าแล้วชูแขนขึ้น ปากกระบอกปืนสีดำเล็งไปที่ใบหน้าของลีออน “นี่ฉันฝันอยู่รึเปล่า?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่ แล้วจะฝันตอนกลางวันแสก ๆ ทำไมล่ะ?”
“ไม่ค่ะ กัปตัน ฉันจะยิงต้นขานายเดี๋ยวนี้แหละ ถ้านายร้องด้วยความเจ็บ ก็แปลว่านี่ไม่ใช่ความฝัน มาเริ่มกันเลย!”
คิ้วของลีออนกระตุกเล็กน้อย—จักรวรรดิอาจจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่คนยิงปืนของเขายังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน เธอยังเป็นสาวน้อยจิตหลุดคนเดิมอยู่ดี
แต่ลีออนยังคงสงบนิ่ง แค่ยักไหล่เบา ๆ “ผมบอกแล้วไงว่า ปืนของเธอน่ะ…ไม่มีลูกกระสุน”
รีเบคก้าชะงัก แล้วรีบหดปืนกลับไปตรวจสอบซองกระสุนทันที แน่นอนว่า—ว่างเปล่า
จากนั้น เธอก็เห็นลีออนหยิบลูกกระสุนเต็มกำมือออกมาจากกระเป๋า “ที่ซ่อนปืนของเธอมันโจ่งแจ้งเกินไปหน่อยนะ รีเบคก้า”
ก่อนจะมั่นใจได้ว่ารีเบคก้าเชื่อถือได้จริงอย่างที่อาจารย์ของเขาพูดไว้ ลีออนก็ระมัดระวังด้วยการถอดลูกกระสุนออกจากปืนของเธอไว้ก่อน รอดูว่าเมื่อเธอกลับถึงบ้านจะสามารถพูดคุยกันอย่างสงบได้หรือไม่—หากไม่ ก็คงไม่ต้องกังวลกับมือปืนไร้อาวุธคนนี้นัก
รีเบคก้ามองชายตรงหน้าด้วยสายตาเหม่อลอย—แบบนี้สิถึงจะเรียกว่า “กัปตัน”
ท่าทีสบาย ๆ เย็นชาอย่างมีเสน่ห์แบบนี้ ไม่มีใครเลียนแบบได้หรอก
ในที่สุด รีเบคก้าก็ลดการ์ดลง แล้วกางแขนออก เตรียมจะโผเข้ากอดลีออน
แต่จู่ ๆ ลีออนก็สะดุ้ง รีบถอยหลังหนึ่งก้าว พร้อมยื่นมือออกไปกันไม่ให้รีเบคก้าเข้าใกล้มากไปกว่านี้
รีเบคก้ากะพริบตาปริบ ๆ “กัปตัน ฉันไม่ติดนะที่จะกอดศพที่ฟื้นคืนชีพ แต่แบบนี้คือ…ตัวนายไม่ยอมเอง?”
“สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว รีเบคก้า”
ก็จริง—สถานการณ์มันต่างไปจากเมื่อสามปีก่อนโดยสิ้นเชิง
ตอนนั้นเขายังโสด จะกอดก็ไม่เห็นเป็นอะไร
แต่ตอนนี้…ผ่านไปสามปี เขาไม่เพียงแต่งงานแล้ว แต่ยังมีลูกถึงสามคน
แม้ภรรยาจะไม่อยู่ชั่วคราว แต่เขาก็ต้องรักษาความเหมาะสมในฐานะสามี—จริยธรรมแบบคาสมอร์ดนั้นลึกซึ้ง ครบเครื่องสมกับเป็นคุณพ่อบ้านแห่งจักรวรรดิ!
อย่างไรก็ตาม รีเบคก้าไม่ได้ตระหนักเลยว่า “กัปตัน” ของเธอได้กลายเป็น “สามีที่บ้านมีอยู่แล้ว” ไปเรียบร้อยแล้ว เธอกลับตีความคำว่า “สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน” ของลีออนไปอีกทางหนึ่ง
“ก็ใช่น่ะสิ—สามปีที่นายหายไปแบบไร้ข่าวคราว มันก็เปลี่ยนแปลงสภาพภายในของจักรวรรดิเยอะอยู่หรอก”
รีเบคก้าโยนปืนทิ้งลงบนโซฟา แล้วเดินกลับไปที่ประตู หยิบถุงขนมและผลไม้ขนาดใหญ่ที่เพิ่งซื้อมาก่อนหน้านี้ขึ้นมา
ระหว่างนั้น เธอก็เหลือบมองลอดออกไปนอกประตูเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครน่าสงสัยยืนเฝ้าอยู่ ก่อนจะรีบหดหัวกลับเข้ามาแล้วปิดประตูแน่น
“ระวังตัวจังเลยนะ?” ลีออนถามขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าทีมลาดตระเวนรู้ว่าฉันซ่อนผู้ทรยศต่อจักรวรรดิไว้ในบ้านล่ะก็…คงได้ไปยืนห้อยอยู่บนตะแลงแกงแน่ ๆ” รีเบคก้าตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
ตัดเลยละกัน รีเบคก้าจะถามข่าวคราวลีออนว่ารอดมาได้ไง แต่ลีออนยังไม่ตอบ แล้วเดี๋ยวลีออนจะไปเจออาจารย์ กับเพื่อนอีกสองคน ชื่อ มาติน กับ วิคเตอร์
บทที่ 181: สีเหลือง การพนัน ยาเสพติด และเทคนิคการหลอมโลหะ คลิกอ่านที่นี่
ย่อง่ายๆ บทนี้เจอ อาจารย์ไทเกอร์กับโดนกลุ่มทหารตัวร้ายล้อมกรอบ
บทที่ 182: ปล่อยให้คุณลุงเป็นคนหาทางออก คลิกอ่้านที่นี่
อาจารย์กับศิษย์ยืนพิงหลังกัน โดยที่ไทเกอร์ถือดาบไว้ด้านหน้า
“ข้านึกว่า การได้พบกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปสามปี มันจะซาบซึ้งอบอุ่นเสียอีก ใครจะคิดว่าจะมีคนดูเยอะแบบนี้”
“อาจารย์ครับ ตอนนี้เรากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายแรง อย่าบ่นเลยดีกว่า” ลีออนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อได้ยินคำพูดของศิษย์ ถึงกับอึ้ง “เป็นอะไรไป เจ้าเด็กนี่ สามปีที่ผ่านมาเอาแต่ชะล่าใจจนไม่ได้ฝึกฝนงั้นรึ? พวกอันตรายแค่นี้ อาจจะยากไปสำหรับคนแก่แบบข้า แต่กับเจ้า มันน่าจะง่ายเหมือนดื่มน้ำเย็นไม่ใช่หรือไง?”
ลีออนกลืนน้ำลายอย่างประหม่า ยกมือขึ้นให้ดูแสงไฟฟ้าที่กระพริบแผ่ว ๆ สองครั้งในฝ่ามือก่อนจะดับวูบลง
น่าอายจริง ๆ
เขากลับมาเร็วเกินไป ยังไม่มีโอกาสสะสมมานาให้เพียงพอ ทักษะ “เทคนิคล้างผลาญ” ที่ใช้ไปเมื่อครู่ กินมานาไปจนหมด
“สามปีนี้มันเกิดอะไรขึ้นเยอะมากครับ เรื่องมันค่อนข้างซับซ้อน ไว้พอฝ่าวงล้อมนี้ไปได้ ผมจะอธิบายให้อาจารย์ฟังละเอียดเลย”
“แค่มีลูกสาวสองคนเองใช่ไหม? มันจะซับซ้อนอะไรนักหนา?” เท็กพูดเสียงเรียบ
ลีออน: ?
“อาจารย์…รู้ได้ยังไงครับ?”
“ภรรยาเจ้าบอกข้าน่ะสิ”
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ไทเกอร์ก็ถามต่อว่า “แล้วราชินีมังกรเงินนั่นคือเมียเจ้าสินะ? หรือพวกเจ้าต้องแต่งกันเพราะพลาด?”
“ตามทฤษฎีแล้ว…นางก็เป็นภรรยาของผมครับ แล้วเราก็มีลูกสาวมากกว่าสองคนเสียด้วย…”
ไทเกอร์: ?
“โอเคล่ะ เด็กน้อย ข้ารู้แล้วว่าทำไมเจ้าถึงดูร้อนรนขนาดนี้—ดูเหมือนว่าสามปีที่ผ่านมานี่ เจ้าจะไม่ทำอะไรเลยนอกจากช่วยเหลือเผ่ามังกรเงินขยายประชากรใช่ไหม?”
“ผมบอกแล้วไงครับว่า—ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง หลังจากฝ่าวงล้อมนี่ออกไปก่อน!”
“หึ อย่าให้คนแก่แบบข้าต้องรอเลยแล้วกัน” ไทเกอร์พูด
ลีออนพยักหน้า ทั้งสองกระจายกำลังเปลี่ยนขบวนพลางโจมตี ส่งผลให้สถานการณ์ในสนามรบตกอยู่ในความโกลาหลชั่วขณะ
แม้ว่าลีออนจะหมดมานาไปแล้ว แต่ด้วยทักษะการต่อสู้และพละกำลังเพียว ๆ เขาก็ยังสามารถผลักดันพวกประเภทอันตรายระดับสูงสามคนถอยร่นไปได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไทเกอร์เองก็สังเกตเห็น—ดูเหมือนว่าเจ้าหนูนี่จะพัฒนาขึ้นมากจากเมื่อสามปีก่อน แสดงว่าเขาไม่ได้เอาแต่ใช้ชีวิตครอบครัวอย่างสงบสุขกับเมียและลูกในเผ่ามังกรเงินอย่างเดียว ยังไม่ลืมที่จะฝึกฝนตัวเองด้วย
อาจารย์กับศิษย์ประสานมือกันอย่างราบรื่น เคลื่อนไหวสลับหลบและถอยร่นไปตามแนวถนน
แต่หมัดเดียวก็สู้สี่มือไม่ได้—ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนมาก และยังคงปล่อยประเภทอันตรายระดับ A ออกมาอย่างต่อเนื่อง
“พวกนี้มันไม่คิดถึงผลกระทบอะไรเลยเหรอครับ ถ้าไอ้พวกประเภทอันตรายพวกนี้เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมากลางถนนในจักรวรรดิ ประชาชนบริสุทธิ์จะเดือดร้อนกันหมด” ลีออนกล่าว
“จักรวรรดินี่มันไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เจ้าหนู” ไทเกอร์ตอบกลับ
ทันทีที่พูดจบ ไทเกอร์ก็ยกดาบใหญ่ขึ้นเหนือหัว แสงสีน้ำเงินรวมตัวกันอย่างรวดเร็วบนใบดาบ
ฟึ่บ—!
ไทเกอร์ฟันดาบลงมาอย่างแรง แรงฟันปล่อยพลังสายฟ้าเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวพุ่งทะลวงออกไป ฉีกถนนเบื้องหน้าเป็นช่องโหว่
“เร็วเข้า! ไป!”
อาจารย์กับศิษย์รีบพุ่งตัวไปยังช่องว่างที่เปิดออก ท่ามกลางเสียงฝีเท้าของเจ้าหน้าที่กว่าร้อยคน และประเภทอันตรายอีกนับสิบที่ยังตามมาติด ๆ
“อย่าบอกนะว่าเจ้าบึ่งมาช่วยข้าโดยไม่มีแผนอะไรเลย?” ไทเกอร์ถามขณะวิ่ง
“แน่นอนว่าผมเตรียมมาครับ” ลีออนตอบ
“แล้วเตรียมอะไรไว้?”
ยังไม่ทันที่ลีออนจะตอบ เสียงฝีเท้าม้าก็ดังขึ้นอย่างเร่งรีบมาจากด้านหน้า
ทั้งสองเงยหน้ามองก็เห็นรถม้าคันหนึ่งพุ่งตรงมาด้วยความเร็ว บนรถม้านั้นมีเด็กสาวตัวเล็กผมแกละคู่สะพายปืนพกสองกระบอกอยู่ด้านหลัง ใบหน้าเธอเต็มไปด้วยความตกใจ เธอกำบังเหียนแน่นพลางตะโกนลั่น
“ม้านี่ไม่ยอมฟังคำสั่งเลยสักนิด!”
เมื่อรถม้าอยู่ห่างจากอาจารย์กับศิษย์ไม่ถึงสิบเมตร ร่างเล็กของรีเบคก้าก็เอนตัวไปด้านหลัง ดึงบังเหียนเต็มแรง ม้าสูงส่งส่งเสียงร้องแหลมพลางยกกีบหน้าแล้วหยุดนิ่งอยู่กับที่
รีเบคก้าถอนหายใจอย่างโล่งอก “บังคับรถม้านี่ยากกว่ายิงปืนอีกนะเนี่ย”
ลีออนกับไทเกอร์สบตากัน จากนั้นก็กระโดดขึ้นรถม้าพร้อมกัน
ลีออนรับบังเหียนจากมือรีเบคก้า “เดี๋ยวผมขับเอง เธอไปด้านหลังช่วยอาจารย์รับมือพวกประเภทอันตรายที่ไล่ตามมาเถอะ”
“รับทราบค่ะ กัปตัน!” รีเบคก้ายิ้มกว้าง ในที่สุดก็มาถึงช่วงที่เธอถนัดที่สุดแล้ว!
เธอเดินไปยังด้านหลังรถม้า แล้วก็เห็นไทเกอร์ “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไทเกอร์”
“ค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้ช่วยถ่วงเวลาให้ข้าหน่อย ข้าจะแจกของหนักให้พวกมันไปซักชุด” ไทเกอร์พูด
“โอเค!”
รีเบคก้าชักปืนพกทั้งสองกระบอกออกมา ปลดเซฟ แล้วก้าวขึ้นไปยืนบนขอบท้ายรถม้า แววตาสีน้ำเงินเข้มของเธอเปล่งประกายด้วยความฮึกเหิมที่หายไปนาน
“ไม่ได้ฆ่าพวกแกมานานแล้วนะ พวกสัตว์ประหลาด—อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ!” พูดจบ เธอก็เหนี่ยวไกทันที
ในพริบตา เสียงปืนก็ดังสนั่น ปืนหนักในมือรีเบคก้าทั้งสองกระบอกปล่อยกระสุนออกมาจากแม็กกาซีน แสงแฟลชจากปลายกระบอกปืนสะท้อนใบหน้าของเธอเป็นระยะ
ใบหน้าที่ควรจะใช้คำว่า “น่ารัก” กลับเต็มไปด้วยรอยยิ้มของความตื่นเต้น เธอหัวเราะเสียงดัง ขณะที่เสียงกรีดร้องของศัตรูดังระงมอยู่ในหู
ลีออนซึ่งนั่งขับรถม้าอยู่ด้านหน้า ฟังเสียงปืนที่ดังไม่ขาดสาย ก็อดคิดไม่ได้ว่า—ผู้เชี่ยวชาญด้านปืนของเขา คนที่บางคนเรียกว่า “สาวน้อยแสนประสาท” อย่างน่ารัก… แต่บางคนก็เรียกตรง ๆ ว่า “โลลิวิปลาศ!”
อาจเป็นเพราะอยู่บนรถม้าไม่สะดวกนัก มิเช่นนั้นลีออนมั่นใจว่ารีเบคก้าคงจะเอาปืนใหญ่ธาตุไฟจากหลังบ้านเธอมาด้วยแน่ ๆ
เขาสะบัดความคิดออกจากหัว แล้วหันไปตั้งใจควบคุมรถม้าอีกครั้ง การไล่ล่ายังดำเนินต่อไป ขณะที่กระสุนในมือรีเบคก้าก็ใกล้หมดลงเรื่อย ๆ
ขณะยิง เธอก็หันไปมองที่ห้องโดยสารของรถม้า “ไทเกอร์! ไหวมั้ยเนี่ย? ฉันจะหมดกระสุนแล้วนะ!”
ไทเกอร์ยื่นหัวออกมาจากห้องโดยสาร “ยิงต่อไปเถอะ เดี๋ยวข้าจะหาทางเอง”
พูดจบ เขาก็กลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง
“เฮ้อ! ต้องมาร่วมทีมกับคุณลุงขี้บ่นกับกัปตันซื่อบื้อแบบนี้นี่มันน่าหงุดหงิดจริง ๆ!”
รีเบคก้าบ่นกระปอดกระแปดอย่างหัวเสีย แต่กระนั้นก็ยังเร่งจังหวะการยิงให้หนักขึ้นอีก
ทันทีที่กระสุนในมือรีเบคก้าหมดลงอย่างสิ้นเชิง ไทเกอร์ก็ออกมาจากห้องโดยสารของรถม้าเสียที ในมือของเขามีม้วนด้ายสีดำอยู่หนึ่งมัด
รีเบคก้าโยนปืนพกที่ร้อนระอุทิ้งไปทันที “พ่อ นั่นอะไรน่ะ?”
“ดูให้ดีล่ะ เด็กน้อย” ไทเกอร์กล่าวก่อนจะขว้างด้ายออกไป
ด้ายนั้นแผ่ออกในอากาศ กลายเป็นตาข่ายขนาดยักษ์ที่ถักทออย่างประณีต
ตาข่ายยักษ์ค่อย ๆ ลอยลงสู่พื้นดิน เหล่าประเภทอันตรายที่ปัญญาทึบก็ไม่ทันเอะใจ เดินเหยียบลงไปบนตาข่ายกันอย่างเต็มใจ
ไทเกอร์ฉวยโอกาสดีนั้นดีดนิ้วขึ้นทันที พริบตานั้น ตาข่ายยักษ์ที่ปูอยู่บนพื้นก็ส่องแสงด้วยสายฟ้าและประกายไฟ เหล่าสัตว์ประหลาดที่เหยียบอยู่ต่างร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด สายฟ้าความเข้มข้นสูงทำให้พวกมันเป็นอัมพาตทันที ขวางถนนไว้ และพวกเจ้าหน้าที่ที่ไล่ตามมาก็ไม่สามารถตามทันได้
“พ่อนี่สุดยอดไปเลย!” ดวงตารีเบคก้าเปล่งประกาย
“ฮึ่ม เด็กน้อย เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ” ไทเกอร์ตอบกลับ
รถม้าพุ่งทะยานจากไป ทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง…
ทั้งสามหนีรอดมาถึงสลัมแห่งหนึ่ง ลีออนเข็นรถม้าเข้าไปในบึงเน่าเหม็น แล้วหาอาหารมาให้ม้ากิน หลังจากมันกินจนอิ่มแล้ว เขาก็ปล่อยมันให้เป็นอิสระ
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ลีออนก็เดินเข้าไปในบ้านเก่าโทรม รีเบคก้ากำลังยุ่งอยู่กับการดูแลอาวุธของเธอ ส่วนไทเกอร์ก็ก่อกองไฟใกล้ ๆ เพื่อให้ความอบอุ่น
ลีออนนั่งลงข้างกองไฟ กอดอกไขว้ขา ไทเกอร์ใช้ดาบใหญ่ของตนงัดกระป๋องเนื้อวัวแล้วส่งให้ลีออน
“ข้าอยากจะต้อนรับเจ้าด้วยเนื้อย่างอย่างหรูหรา แต่สภาพแบบนี้… คงต้องทนกินเนื้อกระป๋องไปก่อนละนะ”
ลีออนยิ้มรับก่อนจะรับกระป๋องมา “อาจารย์ ไม่เคยนึกเลยว่าการกลับมาเจอกันจะเป็นแบบนี้”
“ฮึ่ม แค่ได้เจอกันก็นับว่าดีแล้ว ข้านึกว่าเผ่ามังกรเงินจับตัวเจ้าไปแล้วเสียอีก” ไทเกอร์ตอบกลับ
ไทเกอร์เปิดกระป๋องอีกใบแล้วยื่นให้รีเบคก้า จากนั้นจึงหันไปหาลีออน “ที่เจ้ามาพร้อมรีเบคก้า แสดงว่าเจ้าเห็นข้อความที่ข้าทิ้งไว้ที่ฟาร์มแล้วใช่ไหม?”
ลีออนพยักหน้า “ใช่ ข้าเห็นแล้ว”
“ข้อความอะไรเหรอ?” รีเบคก้าที่กินไปแล้วครึ่งกระป๋อง เงยหน้าขึ้นถามตาแป๋ว
“ก็เรื่องไอ้หนูทรยศนั่นแหละ อาจารย์บอกว่าเธอไว้ใจได้” ลีออนอธิบาย
“อ้อ แบบนี้นี่เอง งั้นก็แปลว่าพ่อมีความประทับใจที่ดีกับฉันล่ะสิ” รีเบคก้าพูดอย่างร่าเริง
“ความประทับใจมันก็ดีอยู่หรอก แต่เรื่องแบบนี้มันจริงจัง จะวัดความน่าเชื่อถือด้วยแค่ความประทับใจอย่างเดียวไม่ได้หรอก” ไทเกอร์ตอบ
“ข้าทิ้งข้อความนั้นไว้ในยุ้งฉางที่ฟาร์ม เพราะข้าคำนวณไว้ว่าน่าจะประมาณหนึ่งปีเจ้าน่าจะกลับมา ลีออน ในช่วงปีที่ผ่านมา ข้าแอบติดตามและสืบข้อมูลของพวกเจ้าทั้งสามคนอยู่ตลอด”
รีเบคก้ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “พ่อสะกดรอยมาตลอด… แต่ฉันไม่รู้ตัวเลย”
ในฐานะอดีตสมาชิกระดับสูงของกองทัพปราบมังกรแห่งจักรวรรดิ รีเบคก้ามีความสามารถในการต่อต้านการติดตามตัวสูงมาก (การไม่ล็อกประตูหลังบ้านไม่ถือว่าเป็นความสามารถในการต่อต้านการติดตาม) แต่ที่ไทเกอร์สามารถติดตามและสืบข้อมูลเธอได้นานเป็นปีโดยเธอไม่รู้ตัวเลยนั้น ถือว่าสุดยอดจริง ๆ
ไทเกอร์โบกมือราวกับไม่ใส่ใจ “ก็แค่การตามตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีอะไรน่าพูดถึงหรอก ไม่มีอะไรเลย~”
รีเบคก้ายิ้มมุมปากอย่างรู้ทัน เธอรู้ดีแล้วว่าลีออนไปเอานิสัยมาจากใคร เวลาสองคนนี้เริ่มคุยอวดเมื่อไหร่ ก็เหมือนกันไม่มีผิด
หลังจากพูดคุยเรื่องทั่วไปกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ลีออนก็เริ่มเข้าสู่ประเด็นหลัก
สิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดเป็นอันดับแรก “อาจารย์ ภรรยาอาจารย์ไม่ได้อยู่กับท่านเหรอครับ?”
“ก็เพราะสถานการณ์ในจักรวรรดิมันวุ่นวายกว่าที่ข้าคิดไว้ ข้าเลยพาแม่ของเจ้าไปซ่อนไว้ในที่ที่ปลอดภัยที่สุด มีคนดูแลอยู่” ไทเกอร์อธิบาย จากนั้นก็เสริมขึ้นอีกประโยค “ลานั่นก็อยู่ที่นั่นด้วย”
“อ้อ… แค่แม่อาจารย์ปลอดภัยก็ดีแล้วครับ” ลีออนตอบ
จากนั้นเขาก็ถามอีก “อาจารย์ ตอนที่ท่านบอกว่าสถานการณ์ในจักรวรรดิมันวุ่นวาย… ท่านหมายถึงอะไรแน่ๆ กันครับ?”
ไทเกอร์ถอนหายใจ แล้วค่อยๆ เริ่มอธิบาย “เมื่อสามปีก่อน เจ้าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตอนศึกกับมังกรเงิน หลังจากกองทัพปราบมังกรกลับมาด้วยความพ่ายแพ้ย่อยยับ จักรวรรดิก็โยนความผิดทั้งหมดให้เจ้า แล้วตั้งข้อหาเป็น ‘กบฏ’”
“ข้าไม่รู้ว่าที่แนวหน้ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในตอนนั้น แต่ข้าเชื่อว่าศิษย์ของข้าจะไม่มีวันทรยศสหายหรือบ้านเมืองของตนแน่นอน”
“ตอนนั้น ทุกคนเชื่อว่าเจ้าตายไปแล้ว และข้าเองก็หมดอาลัยตายอยากกับจักรวรรดิที่เน่าเฟะเพราะการแย่งชิงอำนาจ ข้าจึงพาแม่ของเจ้าจากมา หวังว่าจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออย่างสงบสุข”
“จนกระทั่งวันหนึ่ง ข้าพบว่ามีมังกรเงินตามรอยข้าอยู่ “องครักษ์หลวงสองคนมาดักข้าไว้ และข้าก็แค่ใช้สันดาบฟาดพวกมันให้สลบ”
“แต่วันถัดมา ศพของพวกนั้นกลับถูกแขวนประจานอยู่บนกำแพงพระราชวัง และข้าก็ถูกใส่ร้ายว่าเป็นอาชญากรต้องการตัว” ไทเกอร์กล่าวต่อ
“ตั้งแต่วินาทีนั้น ข้าก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าจักรวรรดินี้เน่าเฟะถึงแก่น และสถานการณ์ของเจ้าก็ไม่ใช่แค่เป็นแพะรับบาปธรรมดา—มันมีคนจงใจป้ายความผิดให้เจ้า”
“วิธีเดียวที่จะต่อรองกับพวกสุนัขในจักรวรรดิได้ คือ ‘กำลัง’ เท่านั้น”
“ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ข้าฆ่าหัวหน้าหน่วยสตรี ฆ่าเจ้าของบ่อน และแม้แต่เจ้าพ่อค้ายารายใหญ่ ข้าทำให้จักรวรรดิรู้สึกถึงแรงกดดันจนต้องส่งอสูรร้ายมาไล่ล่าข้า”
“ข้าคาดว่า คราวหน้าพวกมันคงไม่ลังเลที่จะทำเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้อีก”
หลังจากฟังเรื่องราวจากปากอาจารย์ของเขาอย่างเงียบงันอยู่พักใหญ่ ลีออนก็พูดขึ้นในที่สุด “อาจารย์ลำบากมากเลยนะครับ”
ข้าจึงติดต่อกับราชินีมังกรเงิน และเธอก็บอกข้าว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่”
“หลังจากเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ข้าก็ตัดสินใจกลับเข้าสู่จักรวรรดิอีกครั้ง เพื่อสืบหาความจริง และล้างมลทินให้เจ้า”
“ข้าไปหาเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่มีตำแหน่งอยู่ในระดับสูงของจักรวรรดิ ข้าไม่ได้บอกเขาว่าเจ้ายังไม่ตาย แต่ข้าให้เขาช่วยติดต่อกับพวกที่อยู่เบื้องหลังศึกกับมังกรเงิน และเรียกร้องให้ยกเลิกข้อหาของเจ้า ทว่า… พวกมันกลับเพิกเฉยทุกอย่าง แถมยังคิดจะปิดปากข้าอีกต่างหาก”
“ไม่เป็นไรหรอก ข้าพยายามมาทั้งปี แต่ก็ยังลบข้อกล่าวหาว่าทรยศของเจ้าไม่ได้ สุดท้ายก็ยังต้องให้เจ้ากลับมาช่วยข้าอยู่ดี” ไทเกอร์กล่าว
ลีออนเอื้อมมือไปตบไหล่อาจารย์ของเขาเบา ๆ “อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ อาจารย์ช่วยผมมามากแล้วจริง ๆ”
ไทเกอร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้วก็ถามว่า “แล้วแผนต่อไปของเจ้าคืออะไร?”
“อย่างแรก…เราต้องเปิดโปงไอ้ตัวที่ใส่ร้ายผมก่อน มันน่าจะมีความเชื่อมโยงลึกกับราชวงศ์” ลีออนตอบ
ไทเกอร์หรี่ตาลงเล็กน้อย “อย่างที่ข้าคิด เจ้าโดนใส่ร้ายจริง ๆ”
ทั้งอาจารย์และศิษย์จึงเริ่มแลกเปลี่ยนเบาะแสและข่าวกรองที่แต่ละฝ่ายรวบรวมมาได้
ในขณะเดียวกัน รีเบคก้าก็แอบขโมยเนื้อกระป๋องที่ลีออนกินค้างไว้ไปเรียบร้อยแล้ว
ตัดภาพมา ในพระราชวัง บนยอดกำแพง มีร่างสองร่างยืนอยู่ มองลงไปยังจักรวรรดิที่ทอดตัวยาวไกล
“ลีออนยังมีชีวิตอยู่”
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นอย่างช้า ๆ เสียงของเขาทุ้มลึกและทรงอำนาจ “เจ้าไร้ประโยชน์ ฆ่าเขาไม่สำเร็จในตอนนั้น”
อีกคนทรุดตัวลงคุกเข่า เสียงสั่นเครือ “ขออภัยขอรับ นายท่าน… แต่ข้าสาบานเลยว่าตอนนั้นข้าแทงทะลุหัวใจเขา ไม่มีทางที่เขาจะรอดได้…”
“หึ… ไร้ค่า”
“นายท่าน” ลดสายตาลงมองชายที่กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้า
“คืนนี้ เขากับรีเบคก้า อดีตเพื่อนร่วมทีมของเจ้า ได้พาไทเกอร์หนีจากโบสถ์ไปแล้ว พวกมันคงจะมาหาเจ้าในเร็ววันนี้ นี่คือความผิดพลาดของเจ้า และเจ้าต้องเป็นคนจัดการให้เรียบร้อย”
“ขอรับ… นายท่าน…”
“อีกอย่าง เจ้ารู้ความลับมากเกินไป ที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่จนทุกวันนี้ ก็เพราะเบื้องบนยังเมินเฉยให้เท่านั้น เพราะฉะนั้น ถ้าเจ้าพลาดอีกครั้ง ไม่ต้องรอให้ลีออนลงมือ คนของจักรวรรดิก็จะไม่ไว้ชีวิตเจ้า เข้าใจหรือไม่?”
“ขอรับ นายท่าน ข้าจะไม่พลาดอีกแน่นอน!”
“นายท่าน” สะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังจากไป
“ภายในห้าวัน ข้าต้องได้เห็นศพของลีออน แคสม็อด”
บท 183: ใช่คอนสแตนตินคนเดียวกับที่คุยรึ คลิกอ่านที่นี่
หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลที่แต่ละคนมีและพูดคุยกันจนเข้าใจโดยคร่าว ๆ แล้ว ลีออนก็หยิบยกเรื่องสำคัญบางอย่างขึ้นมา
นี่คือสิ่งที่รอสไวส์เคยเตือนเขาไว้เมื่อไม่นานมานี้—แม้ตอนนี้เราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่ภรรยาผู้ดื้อรั้นและเอาแต่ใจของฉันก็ยังไม่หยุดส่งข้อมูลมาให้!
“มีอีกเรื่องครับ อาจารย์ ท่านรู้จักจอมราชันย์มังกรเพลิงโลกันต์ คอนสแตนติน ไหมครับ?”
“คอนสแตนตินเหรอ? รู้สิ ข้าเคยได้ยินชื่อเขา เขาเป็นราชันย์มังกรโบราณมาก ปรากฏอยู่แค่ตามร่องรอยในเอกสารประวัติศาสตร์ ข้าไม่เคยเจอตัวจริงของเขาตอนที่ยังหนุ่ม ๆ เลย” ไทเกอร์กล่าว
ไทเกอร์พยักหน้า “เขาได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษของเผ่าพันธุ์มังกร เพราะในช่วงต้นของสงคราม เขาได้ยึดครองดินแดนจากเผ่าพันธุ์ต่างถิ่นนับไม่ถ้วนเพื่อมังกร ไม่ใช่แค่มนุษย์ แต่รวมถึงเผ่าพันธุ์ลี้ลับอื่น ๆ ด้วย น่าเสียดายที่ข้าไม่เคยมีโอกาสได้ประมือกับราชันย์มังกรผู้เกรียงไกรขนาดนั้น หวังว่าสักวันข้าจะได้ดวลกับเขาสักครั้ง”
ลีออนเกาศีรษะเล็กน้อยก่อนกระแอม “อาจารย์ครับ ท่านอาจไม่มีโอกาสนั้นแล้วล่ะครับ”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะผมฆ่าเขาไปแล้ว…”
ไทเกอร์: ??
รีเบคกา: ??
เอาล่ะ การกลับมาพบกันของสองราชันแห่งกองทัพสังหารมังกรมันช่างยิ่งใหญ่อลังการเสียจริง จนรีเบคกาถึงกับลืมกระป๋องเนื้อวัวที่อยู่ในมือไปชั่วขณะ
“เรา… พูดถึงคอนสแตนตินคนเดียวกันอยู่ใช่ไหมเนี่ย?”
ไทเกอร์ไม่ได้สงสัยในคำพูดของศิษย์ เขาแค่อยากยืนยันอีกครั้ง
“อืม… ข้าว่าก็น่าจะใช่นะ?”
ลีออนพูด “ตอนนั้นเขากำลังจะบุกวิหารมังกรเงินพอดี แล้วจังหวะนั้น… สถานการณ์มันพิเศษหน่อย เผ่าพันธุ์มังกรเงินรับมือไม่ไหว ผมเลย… ช่วยไปนิดหน่อย…”
เพี๊ยะ—
อยู่ดี ๆ รีเบคกาก็ตบไหล่ของลีออนด้วยฝ่ามือเล็ก ๆ ใบหน้าลอลิแต่งแต้มด้วยความจริงจัง “กัปตัน ถึงกับยื่นมือไปช่วยพวกมังกรเงินเลยเหรอ แบบนี้มันทรยศต่อการปฏิวัติชัด ๆ!”
ลีออนปิดหน้าตัวเองอย่างเงียบ ๆ “ไม่ใช่… ขอบอกอีกทีว่าสถานการณ์ตอนนั้นมันพิเศษจริง ๆ เธอคิดว่าผมอยากช่วยหรือไง?”
“สถานการณ์พิเศษที่ว่านั่น มันคืออะไร?” ไทเกอร์ถาม
“มันก็… เอ่อ…”
สายตาของลีออนเริ่มหลุกหลิกอย่างไม่สบายใจ รู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนหนามแหลม
รีเบคกาเริ่มหมดความอดทน “เร็วเข้า มันคืออะไร?”
“คือว่า… เอ่อ… ตอนนั้นองค์หญิงลำดับที่สามของเผ่ามังกรเงินกำลังจะคลอด…”
“คลอดแล้วไง? มันเกี่ยวอะไรกับกัปตัน? ทำไมไม่ฉวยโอกาสจัดการเธอไปซะเลยล่ะ?” รีเบคกาถาม
ไทเกอร์หรี่ตาลงเล็กน้อย ราวกับมองทะลุทุกอย่าง “รีเบคกา กัปตันของเธอไม่ได้อยากจะจัดการเธอเลยต่างหาก”
“หมายความว่ายังไงกัน?”
“องค์หญิงลำดับที่สามของมังกรเงิน… คือลูกสาวคนที่สามของเขาใช่ไหม ลีออน?”
“ลูกสาวเหรอ?! คุณมีลูกกับราชามังกรเงินเหรอ?! แถมยังมีตั้งสามคน?!”
กริ๊ก—
รีเบคกาควักปืนพกจากเอวทันทีแล้วจ่อไปที่ขมับของลีออน
“พ่อ ถอยไปค่ะ หนูจะจัดการกับคนทรยศที่ร่วมมือกับศัตรูต่างเผ่านี่ให้เรียบร้อยในนัดเดียว!”
ไทเกอร์ยังคงนิ่ง ไม่หวั่นไหว เขารู้ว่ารีเบคกาพูดเล่น ปืนในมือนั้นไม่มีแม้แต่กระสุน และนิ้วชี้ของเธอก็ยังไม่แตะไกปืนด้วยซ้ำ
ถึงจะบ้าบิ่นแค่ไหน แต่เด็กคนนี้ก็ยังมีสติอยู่บ้าง
“ก่อนจะจัดการหมอนี่ บางทีเราควรฟังสิ่งที่เขาจะพูดก่อนดีไหม” ไทเกอร์กล่าว “ตอนที่ราชามังกรเงินมาหาข้าปีที่แล้ว เขาไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรระหว่างเจ้าสองคนเลย”
“อาจารย์… เราค่อยพูดเรื่องผมกับรอสไวส์ทีหลังได้ไหม ขอพูดเรื่องคอนสแตนตินให้จบก่อน”
“คอนสแตนตินก็ตายไปแล้ว จะพูดถึงเขาทำไมอีก? เรื่องของเจ้าน่ะสดกว่าเยอะ รีบเลย เล่าให้หมดว่าเจ้ากับราชามังกรเงินได้กันยังไง? ใครจีบใครก่อน?”
ตอนที่ไทเกอร์พบกับรอสไวส์ครั้งแรก เขาพยายามรักษาศักดิ์ศรีและบารมีของตนเองไว้จึงไม่ได้ถามอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรอสไวส์กับลีออน แต่ตอนนี้ศิษย์รักกลับมาแล้ว และต่างก็ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีกต่อไป
ถึงเวลาสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา!
ลีออนเหลือบมองอาจารย์ของตน แล้วก็เหลือบมองรีเบคกาที่แม้จะทำท่าทีเหมือนจะลงมือเก็บกวาด แต่ในใจกลับดูจะอยากฟังเรื่องเมาท์มากกว่า เขาถอนหายใจในใจอย่างจนปัญญา ดูเหมือนว่าหากไม่เล่าเรื่อง “อุบัติเหตุ” ระหว่างเขากับรอสไวส์ให้จบๆ ไป คนสองคนนี้คงไม่ปล่อยเขาแน่
“น่าจะเป็น… เธอจีบผมก่อนครับ” ลีออนว่า
“โอ้? ศิษย์ข้ามีเสน่ห์ถึงขนาดนั้นเชียว? เล่ามาเลยสิ ว่าเธอจีบเจ้ายังไง?”
ลีออนตอบอย่างตรงไปตรงมา “ขังผมไว้ครับ”
รีเบคกาโห่ร้องอย่างตื่นเต้น “มันต้องแบบนี้สิ!”
แต่ด้วยความที่อายุมากกว่า ไทเกอร์จึงไม่เข้าใจว่า “การขังไว้” ในบริบทของความรักของหนุ่มสาวนั้นหมายถึงอะไร แต่เขาก็พอเดาได้ว่า… คงจะโรแมนติกไม่น้อย?
ราชามังกรตกหลุมรักมนุษย์ กลัวว่าจะเสียเขาไป ก็เลย “ขัง” เขาไว้
อืม… น่าจะประมาณนั้นแหละ ไทเกอร์คิดในใจ
“ก่อนหน้านี้ ตอนราชามังกรเงินมาหาข้า เขาทิ้งรูปถ่ายไว้ใบหนึ่ง”
ขณะพูด ไทเกอร์ก็หยิบภาพถ่ายที่พับไว้ออกจากกระเป๋า แล้วกางออก เผยให้เห็นภาพครอบครัวของลีออน
รีเบคการีบชะโงกหน้าเข้ามาดูอย่างสนใจ เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าราชามังกรที่ทำให้กัปตันทื่อๆ ของเธอหวั่นไหวได้ขนาดนั้น หน้าตาจะงดงามขนาดไหน พอสอดสายตามองเข้าไปในภาพ รีเบคกาก็เอ่ยชมทันที “ว้าว สวยจังเลย”
ลีออนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เธอถึงกับให้รูปนี้กับอาจารย์เลยเหรอ?”
“ใช่ ตอนแรกข้าก็แค่คิดว่า แค่เจ้ารอดชีวิตกลับมาก็ดีเกินพอแล้ว จะพิการหรือโดนทรมานแค่ไหนก็ช่าง ขอแค่ยังมีชีวิตอยู่ก็พอ”
ไทเกอร์มองลีออนในรูป แล้วสายตาก็เลื่อนมาที่ลูกสาวมังกรตัวน้อยทั้งสอง ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มอย่างพึงพอใจบนริมฝีปาก
“แต่ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะใช้ชีวิตได้ดีขนาดนี้ ไม่เพียงได้แต่งงานกับราชามังกรเงิน ยังมีลูกสาวน่ารักตั้งสองคนอีกด้วย”
เว้นจังหวะเล็กน้อย ไทเกอร์พึมพำเบาๆ ว่า “ดูท่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการข้ามสายพันธุ์ระหว่างมนุษย์กับมังกรจริงๆ ด้วย…”
“แต่กัปตันคะ เด็กผู้หญิงคนนี้ที่ไม่มีหน้าม้า ดูนิสัยน่าจะเอาเรื่องนิดหน่อยนะ” รีเบคกาชี้ไปที่ภาพของโนอาในรูป
“อ้อ… ตอนนั้นโนอาเข้าใจผิดไปนิดหน่อย แต่สุดท้ายก็เคลียร์กันได้ แล้วเธอก็ยังชอบผมอยู่ดี”
“เธอชื่อโนอาเหรอ? แล้วคนนี้ล่ะ?” ไทเกอร์ที่เก็บรูปนี้ไว้ตลอดหนึ่งปีถามขึ้น ทั้งที่ยังไม่รู้ชื่อหลานสาวตัวน้อยสองคนของเขา
“มูน แปลว่าพระจันทร์”
“อืม ชื่อเพราะดี”
ลีออนเม้มริมฝีปาก ถูมือไปมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า “อาจารย์ ขอดูรูปหน่อยได้ไหม?”
“ได้สิ เอาไปเลย”
ไทเกอร์ยื่นรูปให้ ลีออนรับมาถือไว้ตรงมุมหนึ่ง แล้วก้มหน้าลงมองดูรูปด้วยแววตาจริงจัง
ในรูปถ่ายนั้น เขากับรอสไวส์ทำมือเป็นรูปหัวใจร่วมกัน โดยลีออนใช้มือ ส่วนรอสไวส์ใช้หาง—เป็นท่าทางโรแมนติกในสายตาช่างภาพ ทว่าในตอนนั้น พวกเขาทั้งคู่กลับรู้สึกกระอักกระอ่วนและเขินอาย
แต่พอมองย้อนกลับไปตอนนี้ มันก็ช่าง…โรแมนติกจริง ๆ การรวมกันของมนุษย์กับมังกร ที่แสดงความรักในแบบของตนเองด้วยการสร้างรูปหัวใจ มันช่างโรแมนติกอย่างแท้จริง
ตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างรอสไวส์กับลีออนไม่ได้ราบรื่นนัก เธอมักหาทางกลั่นแกล้งเขาอยู่เสมอ ขณะที่โนอาก็มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเขา และชอบแสดงท่าทีเย็นชาใส่ มีเพียงแค่มูนเท่านั้นที่คอยเดินตามเขาไปทุกที่ เรียกเขาว่า “พ่อ” อย่างน่าเอ็นดู
แม้เรื่องราวเหล่านั้นจะผ่านมาแล้วหนึ่งปี แต่เมื่อหวนคิดถึง มันยังคงชัดเจนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน รูปถ่ายใบนั้นคือจุดเริ่มต้นของครอบครัว “ปลอม ๆ” นี้ ที่บรรจุความทรงจำอันมีค่าที่สุดของลีออนไว้
แน่นอนว่า เขาไม่ต้องการให้วันเวลาเหล่านั้นกลายเป็นเพียงแค่ความทรงจำ หากเป็นไปได้ เขาก็อยากให้มันดำเนินต่อไป—แล้วจะผิดอะไรเล่า?
ปลายนิ้วของลีออนลูบไล้ใบหน้าของลูกสาวทั้งสองคนในรูปอย่างแผ่วเบา แล้วค่อย ๆ เลื่อนไปยังใบหน้าของรอสไวส์ ด้วยเส้นผมและดวงตาสีเงิน ความงามอันวิจิตรของเธอช่างราวกับหญิงสาวในภาพวาด
หลังจากจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ลีออนก็ยิ้มออกมา
เมื่อเห็นสีหน้าประหลาดของกัปตัน รีเบคก้าก็เอียงตัวเข้าไปกระซิบกับไทเกอร์เบา ๆ ว่า “เขาเป็นอะไรไปคะ?”
“ไม่รู้หรือไง? เขากำลังรำลึกถึงความหลังอยู่ไงล่ะ” ไทเกอร์ตอบด้วยเสียงเบา
อาจารย์ไทเกอร์ช่างเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และเฉียบแหลม สมกับเป็นอาจารย์โดยแท้
บท 184: กัปตัน รอยสักเรืองแสงได้ไง
หลังจากหวนคิดถึงความหลังอยู่ครู่หนึ่ง ลีออนก็ส่งรูปถ่ายครอบครัวคืนให้กับอาจารย์ของเขา ซึ่งเป็นชายชราผู้ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อจักรวรรดิ และพกพารูปนี้ติดตัวอยู่เสมอ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชายชราคนนี้ต้องรักหลานสาวทั้งสองคนที่เขายังไม่เคยพบหน้าอย่างสุดหัวใจแน่ ๆ
น่าเสียดายที่ก่อนจะกลับมายังจักรวรรดิเพื่อช่วยเหลืออาจารย์ ลีออนไม่ทันได้ถ่ายรูปของลูกสาวคนเล็กที่เพิ่งเกิดไว้
ไม่เช่นนั้น เขาคงได้อวดเด็กน้อยให้กับอาจารย์ได้ดูบ้าง เมื่อล่วงเลยถึงวัยหนึ่ง คนเราจะไม่ได้คิดถึงแค่ตัวเองหรือคนรุ่นถัดไปเท่านั้น แต่จะนึกถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน หรือแม้กระทั่งรุ่นเหลน เพราะนั่นคือสายใยของครอบครัวที่ทอดยาวออกไป
ไทเกอร์เก็บรูปถ่ายใส่กระเป๋าไว้อย่างปลอดภัย ก่อนจะวกกลับเข้าสู่ประเด็นหลัก “เจ้าบอกว่า คอนสแตนตินบุกโจมตีเผ่ามังกรเงินงั้นหรือ?”
ลีออนพยักหน้า “ครับ ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือมีเหตุผลอื่น แต่ดูเหมือนคอนสแตนตินจะเลือกโจมตีเผ่ามังกรเงินในช่วงที่รอสไวส์อ่อนแอที่สุด ผมไม่มีข้อมูลในมือละเอียดมากพอจึงไม่กล้าสรุป แต่รอสไวส์ได้เตือนผมเรื่องหนึ่งไว้”
“เรื่องอะไร?”
“เมื่อประมาณหนึ่งปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ท่านกลับมาจักรวรรดิ คอนสแตนตินเริ่มเคลื่อนไหวในเผ่ามังกรอย่างกว้างขวาง จุดชนวนให้เกิดสงครามและความขัดแย้งหลายครั้ง”
สีหน้าลีออนเคร่งเครียดขึ้น จริง ๆ แล้ว ตอนที่รอสไวส์เตือนเขา เขาก็เริ่มตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว
เพียงแต่…เขาลังเลที่จะสืบสาวไปให้ลึกกว่านี้ เพราะสิ่งที่เขาอาจพบในท้ายที่สุด อาจเป็นความจริงที่เขารับไม่ได้
เมื่อเห็นสีหน้าลีออน ไทเกอร์ก็เริ่มเดาออกว่าศิษย์ของตนกำลังจะพูดอะไร “เจ้าหมายความว่า… จักรวรรดิอาจจะร่วมมือกับคอนสแตนติน?”
รีเบคก้ายกมือขึ้น “เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน พวกท่านสองคนกระโดดจากเบาะแสไปสู่ข้อสรุปเร็วเกินไปแล้ว ไม่มีขั้นตอนการวิเคราะห์ก่อนเลยหรือ?ไม่เข้าใจ”
“แล้วการที่อาจารย์ไทเกอร์กลับมาจักรวรรดิเมื่อปีก่อน มันเกี่ยวอะไรกับที่คอนสแตนตินก่อเรื่องในหมู่เผ่ามังกร?”
ลีออนหันไปมองรีเบคก้า ก่อนอธิบายอย่างใจเย็น “สิ่งที่คอนสแตนตินทำ—การก่อสงครามและความขัดแย้ง มันเป็นเพียงม่านควัน จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาไม่ใช่การรุกรานเผ่ามังกรอื่น แต่เป้าหมายของเขามาตั้งแต่แรกก็คือเผ่ามังกรเงินต่างหาก ก่อนที่จะเปิดฉากโจมตีอย่างเป็นทางการ เขายังเคยส่งกำลังบางส่วนไปที่ใกล้เผ่าญาติของมังกรเงินอย่าง ‘มังกรแดง’ ทำทีเหมือนจะหาเรื่องกับพวกนั้น”
“ตอนที่ทุกคนคิดว่าคอนสแตนตินเป็นแค่มังกรคลั่งที่ก่อเรื่องไปทั่ว เขาก็รวมพลกองกำลังชั้นยอดของเผ่ามังกรเพลิง แล้วเปิดฉากโจมตีเผ่ามังกรเงินอย่างสายฟ้าแลบ แถมยังลงมานำทัพด้วยตนเอง เป้าหมายก็เพื่อยึดเผ่ามังกรเงินให้ได้ทั้งหมด”
“ตอนที่ผมเผชิญหน้ากับเขา เขาจำได้ว่าผมเป็นมนุษย์ แต่ในหมู่มังกรทั้งหมด มีแค่รอสไวส์เท่านั้นที่รู้ว่าผมเป็นมนุษย์ เธอไม่มีทางเป็นคนบอกคอนสแตนตินแน่ ๆ มันไม่สมเหตุสมผลเลย”
“ถ้าไม่มีใครในเผ่ามังกรนอกจากรอสไวส์ที่รู้เรื่องนี้ ก็เหลือแค่…จักรวรรดิเท่านั้น”
“ในสงครามมังกรเงินเมื่อสามปีก่อน ผมถูกใส่ร้ายโดยคนทรยศ บาดเจ็บสาหัส และถูกทิ้งไว้ให้ตาย หลังสงคราม ทุกคนคงคิดว่าผมไม่รอด ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ของผม ภรรยาของเขา หรือแม้แต่ตัวผมเองก็ตาม”
“แต่ใครจะคิดล่ะ ว่านอกจากผมจะรอดมาได้ สองปีต่อมายังสามารถติดต่อกับอาจารย์ได้อีก”
“เมื่ออาจารย์รู้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ เขาจึงกลับไปยังจักรวรรติเพื่อขอให้ล้างมลทินจากข้อหากบฏให้กับผม แต่จักรวรรดิก็ยังยืนกรานว่า ‘คนตายก็ควรจะเงียบ ๆ ไปซะ’ แถมยังใส่ร้ายอาจารย์ผมว่าเป็นฆาตกรอีกต่างหาก”
“ดังนั้น อย่างที่อาจารย์ผมพูดไว้ตะกี้ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาได้กดดันจักรวรรดิอย่างต่อเนื่อง พยายามบีบบังคับให้พวกเขายอมอ่อนข้อ แต่คนในจักรวรรดิก็ไม่ได้โง่เง่าอะไร นักพรตชราที่หลีกหนีจากโลกและความวุ่นวายทั้งมวลไปใช้ชีวิตสงบในหุบเขาอยู่ดี ๆ คงไม่เกิดความยึดติดที่จะล้างมลทินให้ศิษย์ของตัวเองขึ้นมาหรอก”
“ดังนั้น พวกเขาอาจเดาออกแล้วก็ได้ว่า ผมที่ถูกทอดทิ้งไว้ในเผ่ามังกรเงินเมื่อสามปีก่อน อาจจะยังไม่ตาย พวกเขาจึงส่งคอนสแตนตินไปปั่นป่วนในหมู่เผ่ามังกร แล้วใช้โอกาสนั้นซุ่มโจมตีมังกรเงิน หวังจะกำจัดผมให้สิ้นซาก”
“และเมื่อผมฆ่าคอนสแตนตินได้ จักรวรรดิก็ต้องเริ่มร้อนตัว พวกเขาจึงต้องรีบกำจัดอาจารย์ผมซึ่งกลายเป็นภัยภายใน โดยถึงขั้นปล่อยอาวุธอันตรายออกมา เพราะพวกเขารู้ดีว่า เมื่อผมกลับมายังจักรวรรดิและพบตัวอาจารย์เมื่อไหร่ ผมอาจจะสาวไปถึงความลับสกปรกของพวกเขาได้”
“สรุปก็คือ—”
“ประการแรก จักรวรรดิมีความร่วมมือกับเผ่ามังกร และคอนสแตนตินก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเขาเป็นคนเดียวหรือไม่”
“ประการที่สอง คนทรยศที่ใส่ร้ายผมเมื่อสามปีก่อน น่าจะได้รับคำสั่งจากจักรวรรดิ เพราะแค่จะหา ‘แพะรับบาป’ คงไม่ถึงกับต้องลงทุนลงแรงฆ่าผมขนาดนี้”
ลีออนสรุปเรื่องราวตลอดสามปีที่ผ่านมาอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่รีเบคก้าค่อย ๆ ย่อยข้อมูลและทำความเข้าใจ
สีหน้าของอาจารย์เคร่งเครียด เขานั่งนิ่ง凝มองเปลวไฟอย่างใช้ความคิด
ลีออนถอนหายใจยาว เขาคิดว่าการได้พูดออกมาแล้วจะช่วยให้เบาลงบ้าง แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น สิ่งที่พูดออกมาเป็นเพียงผลสรุปจากเบาะแสที่มี เป็นแค่ยอดภูเขาน้ำแข็ง ยังมีคำถามอีกมากที่ยังไม่ได้รับคำตอบ
ทำไมจักรวรรดิจึงร่วมมือกับเผ่ามังกร? เป้าหมายของพวกเขาคืออะไร? ทำไมถึงต้องยืนกรานจะฆ่าลีออนให้ได้? คำถามมากมายถาโถมอยู่ในใจของลีออน
เขาปรับสภาพจิตใจ หันไปมองรีเบคก้า แล้วก็มองไปที่อาจารย์ ก่อนจะพูดว่า “เพราะงั้นก้าวต่อไปของผม คือหาตัวคนทรยศที่เคยใส่ร้ายผมให้ได้ก่อน แล้วดูว่าพอจะสาวเบาะแสอะไรจากเขาเกี่ยวกับเรื่องภายในของจักรวรรดิได้บ้างไหม”
ไทเกอร์ไม่ขัดข้องแม้แต่น้อย “ไม่ว่าเจ้าจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ข้าก็จะสนับสนุนเจ้า”
“อ้าว นึกว่าจะพูดว่า ตั้งแต่นี้ไปข้าไม่ใช่อาจารย์เจ้าอีกแล้ว เจ้าไม่ใช่ศิษย์ข้า ถ้าเจ้าไปสร้างเรื่องอะไรขึ้นมา อย่าเอาชื่อข้าไปอ้าง—โอ๊ย!”
ไทเกอร์เตะเก้าอี้ตัวเล็กที่ลีออนนั่งอยู่จนคว่ำ แล้วหัวเราะพลางดุว่า “เจ้าคิดว่าข้าทำเพื่อเจ้าเหรอ? ข้าทำเพื่อตัวเองต่างหาก ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป เมียเจ้าจะฉีกข้าเป็นชิ้น ๆ ที่สำคัญที่สุดคือ—”
ลีออนนั่งอยู่ “ถ้าเจ้าตาย แล้วใครจะตอกเกือกม้าให้ลาน้อยล่ะ?”
“…เฮ้อ”
เอาล่ะ สถานะของลีออนในลำดับชั้นของครอบครัวฝั่งมนุษย์ก็เป็นแบบนี้แหละ:
ภรรยาอาจารย์ > ลาน้อย > อาจารย์ > ลีออน
และในห่วงโซ่อาหารตำแหน่งต่ำสุดก็คือสองคนนี้ คนหนึ่งกลัวเมีย อีกคนอยู่ไกลเมีย ช่างเป็นภาพที่นามธรรมปนขำขันดีจริง ๆ
หลังจากปล่อยมุกเบา ๆ เสร็จ ลีออนก็หันไปมองรีเบคก้า
อาจารย์ช่วยเขาเพราะผูกพันกันเหมือนพ่อลูก เป็นเรื่องธรรมดาที่จะให้การสนับสนุนเขาในสถานการณ์ซับซ้อนของจักรวรรดิ
แต่รีเบคก้าเป็นแค่เพื่อนร่วมทีมเก่าของเขาเท่านั้นเอง
แม้พวกเขาจะเคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายครั้ง เคยโค่นมังกรและสัตว์ประหลาดนับไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้พวกเขาต้องเผชิญกับหุบเหวที่มืดมิดยิ่งกว่า
หากพลัดตกลงไป ก็ไม่มีโอกาสได้กลับขึ้นมาอีก
เมื่อสบตากับลีออน รีเบคก้าก็เดาได้ทันทีว่าเขากำลังจะพูดอะไร ก่อนที่เขาจะทันเอ่ยปาก เด็กสาวผมหางม้าคู่นั้นก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“กัปตัน ฉันบอกคุณไปแล้วตั้งแต่ตอนกลางวัน สามปีก่อนฉันทิ้งคุณไป แต่สามปีให้หลังฉันจะไม่ทิ้งคุณอีก เพราะงั้นสำหรับภารกิจบ้าระห่ำครั้งนี้ อย่าคิดแม้แต่จะเขี่ยฉันออกไปเลย”
ลีออนยิ้มอย่างจนปัญญา “แต่มันอันตราจริง ๆ นะ อันตรายกว่าการต่อสู้ครั้งไหน ๆ ที่เราเคยเจอเสียอีก”
เขารู้ดีว่าเด็กสาวจอมเพี้ยนคนนี้แบกรับความรู้สึกผิดจากการทิ้งเขาไว้ที่วิหารมังกรเงินมาตลอดหลายปี
แม้เวลาจะผ่านมาแล้วถึงสามปี เธอก็ยังคงเก็บความรู้สึกผิดนั้นไว้ในใจ ดังนั้นตอนนี้เมื่อลีออนกลับมาแล้ว เธอจึงอยากทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้เพื่อชดเชยความผิดของตัวเองที่มีต่อเขา
ไม่สำคัญว่าลีออนจะคิดอย่างไร เพราะถึงรีเบคก้าจะดูเพี้ยน ๆ แต่ถ้าเธอตัดสินใจแล้ว ต่อให้ลากด้วยม้าสิบแปดตัวก็หยุดเธอไม่ได้
“ไม่ค่ะ กัปตัน ฉันว่าการนั่งอยู่ในหน่วยลาดตระเวนทุกวัน รอวันตายนั่นแหละที่อันตรายที่สุด”
รีเบคก้าพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พาฉันไปด้วยนะ ฉันสัญญาว่าจะไม่ทิ้งคุณอีก”
ไทเกอร์หันไปมองเด็กสาว เห็นแววตาแน่วแน่นั้น ก็โน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเธอเบา ๆ “กัปตันของเธอแต่งงานมีลูกแล้วนะ อย่าพูดอะไรซึ้ง ๆ น้ำเน่าพวกนั้นเลย”
รีเบคก้าขมวดคิ้ว ส่งเสียงหึในลำคออย่างไม่พอใจ แล้วใช้ศอกกระทุ้งทันที “นี่มันสายสัมพันธ์ของเพื่อนต่างหาก!”
ไทเกอร์ยกมือกุมอก ถอยกรูดไปอย่างเสียฟอร์ม “โอเค ๆ มิตรภาพก็แล้วกัน ถึงเวลานั้นถ้าเธอจะตะโกนเรื่องมิตรภาพแล้วบุกขึ้นไปฆ่าจักรพรรดิเจ้านั่น ฉันก็จะเชียร์ให้เต็มที่จากข้างล่างนี่แหละ”
“แก่แล้วยังงี่เง่าอีก” รีเบคก้าตอกกลับอย่างเฉียบคม
หลังจากหยอกล้อกันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง ลีออนก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิ ยังมีอีกเรื่องนึง”
“เรื่องอะไรเหรอ?”
“ผมใช้เวทมนตร์ไม่ได้แล้ว”
ไทเกอร์กับรีเบคก้าต่างตกใจ “หมายความว่ายังไงว่าใช้เวทไม่ได้? วงเวทในตัวพังเหรอ?”
ลีออนส่ายหัว มือแตะที่หน้าอก “ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันเกิดจากอะไร แต่ตอนนี้ผมรวบรวมพลังเวทไม่ได้เลย ทำได้แค่กลั่นพลังเวทในช่วงปกติ แล้วเก็บไว้ใน…เอ่อ ในวงเวทบางอย่างที่สลักไว้บนตัว แต่ประสิทธิภาพมันช้ามาก แล้วเวทที่ผมสะสมไว้ก่อนหน้านี้ก็ใช้หมดไปตอนพาท่านอาจารย์หนีออกมาเมื่อคืนแล้ว”
จู่ ๆ รีเบคก้าก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา ท่ามกลางคำพูดมากมายของกัปตัน เธอกลับจับได้แค่คำหนึ่งที่สะดุดหู “วงเวทบางอย่างที่สลักไว้บนตัว… กัปตัน ทำไมตอนพูดถึงมัน คุณถึงดูเขิน ๆ แปลก ๆ ล่ะ?”
“หะ… เขินเหรอ? ไม่ใช่นะ ไม่มีอะไรจะเขินเลย ก็แค่วงเวทวงหนึ่งเอง ไม่มีอะไรพิเศษ”
รีเบคก้าหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด ก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่หน้าอกของลีออน
“แล้วแสงสีม่วงที่กำลังส่องวาบ ๆ บนอกคุณตอนนี้ล่ะ มันคืออะไร?”
ลีออน: Σ( °△°|||) อะไรนะ?!
บท 185: รอสไวส์ 518 ครั้ง คลิกอ่านที่นี่
“อย่าขยับ! ขอฉันดูหน่อย!”
“ไม่ได้นะอาจารย์! ห้ามดูเด็ดขาด!”
“รีเบคก้า จับเขาไว้ ฉันจะเปิดเสื้อเขา!”
“รับทราบค่ะ พ่อ!”
ทั้งสองคนร่วมมือกันจับวีรบุรุษนักล่ามังกรแนบติดกำแพง ก่อนจะเปิดเสื้อเขาออก ลวดลายมังกรที่หน้าอกกระพริบแสงสีเงินสองครั้งแล้วก็ดับลง
เมื่อเห็นลวดลายเวทสีเงินบนหน้าอกกัปตัน รีเบคก้าก็เลิกคิ้วด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์พร้อมผิวปากเบา ๆ “กัปตัน วงเวทของคุณนี่… ดูแล้วชวนให้คิดลึกนิด ๆ แฮะ”
“วงเวทอะไรล่ะเจ้าเด็กนี่ ไทเกอร์ นี่มันอะไรกันแน่?”
ลีออนหลบสายตาแล้วพูดติดอ่างว่า “เอ่อ… แค่รอยสักธรรมดาน่ะ จริง ๆ ก็แค่รอยสัก”
“รอยสักที่บ้านเจ้าเปล่งแสงสีม่วงได้รึไง? เห็นชัดเลยว่านี่ไม่ใช่รอยสักธรรมดา” อาจารย์มองทะลุปริศนาออกทันที
“เฮ้! ไม่ใช่อย่างนั้นนะอาจารย์ รอยสักนี่ ถึงมันจะดูทะแม่ง ๆ ไปหน่อย แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักระหว่างเทพสงครามกับภรรยามังกรของเขา” ลีออนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อธิบายมา”
“เอ่อ… เรื่องนี้อธิบายละเอียดไม่ได้ครับ”
“ทำไมจะอธิบายไม่ได้?” อาจารย์ถาม
“ไม่ต้องถามหรอกค่ะพ่อ ก็นี่มันรอยสักคู่รักของกัปตันกับภรรยามังกรของเขานั่นแหละ” รีเบคก้าพูดด้วยสีหน้ารู้ทัน ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงมีเลศนัยว่า “แต่ก็ไม่แน่นะ มังกรน่ะมีกลเม็ดเวทมนตร์สารพัด ใครจะรู้ว่ารอยสักนี่มีฟังก์ชันแอบแฝงอะไรอีกบ้าง”
เฮ้อ
ลีออนรีบใส่เสื้อผ้า ลุกขึ้นยืน แล้วเปลี่ยนเรื่องทันทีว่า “หน้าที่อื่นของมันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับรอสไวส์ แค่รู้ไว้ว่ารอยสักนี่คือที่เก็บพลังเวทมนตร์ของผมก็พอแล้ว”
รีเบคก้ากลอกตา “หึ ถ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด เดี๋ยวฉันไปหาข้อมูลเองก็ได้”
ความอยากรู้อยากเห็นอาจเป็นหายนะ ระวังจะเสียใจทีหลังล่ะ!
ทั้งสามคนกลับมาที่กองไฟแล้วพูดคุยต่อจากก่อนหน้านี้
“เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าหนูนี่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้ เราก็ต้องระวังในทุกย่างก้าวมากขึ้น” ไทเกอร์พูดขึ้น
“ครับ แต่โชคดีที่ตอนนี้จักรวรรดิส่งมาแค่พวกสิ่งมีชีวิตอันตราย เรายังพอมีแรงรับมือไหว” ลีออนพยักหน้า
“เราเพิ่งพูดกันเองว่า ขั้นแรกคือต้องหาตัวคนทรยศที่ใส่ร้ายผม แล้วจะเริ่มจากตรงไหน?”
“เริ่มจากหาวิคเตอร์ก่อนครับ รีเบคก้าบอกว่าเขากลายเป็นนักร้องประจำในบาร์หลังออกจากกองทัพสังหารมังกร เทียบกับมาร์ตินที่อยู่กับพวกขุนนางแล้ว เรามีโอกาสติดต่อกับวิคเตอร์มากกว่า” ลีออนพูด
“ดี งั้นคืนนี้พักก่อน พรุ่งนี้กลางคืนค่อยเริ่มปฏิบัติการ”
“ครับ ว่าแต่ เดี๋ยวคืนนี้ผมเฝ้ายามรอบแรกเองครับ อาจารย์กับรีเบคก้าพักเถอะ”
ไทเกอร์ส่ายหัว “เจ้ารอบแรก ข้ารอบสอง”
เข้าใจนิสัยของอาจารย์ดี ลีออนไม่เถียง “ไม่มีปัญหาครับ อาจารย์”
“เดี๋ยวก่อน!” รีเบคก้ายกมือขึ้นมาทันที
“อะไรเหรอ?”
รีเบคก้าวางมือบนหน้าอก ลูบคางตัวเอง แล้วทำท่าทางเคร่งขรึม “ในเมื่อเราสามคนจะร่วมเป็นร่วมตายกันแล้ว ไม่ควรตั้งชื่อกลุ่มหน่อยเหรอ?”
ลีออนกับไทเกอร์สบตากันแล้วก็ไหล่ตกพร้อมกัน
“แล้วเธออยากตั้งชื่อว่าอะไรล่ะ?”
“ชุดสามประสาน คุณลุงหัวร้อน หนุ่มซื่อบื้อ กับสาวสวย! เป็นไง?”
ลีออนยิ้มมุมปากแซวกลับ “ชื่อนี่ตรงไปตรงมาซะจนเพิ่มอีกนิดก็กลายเป็นชื่อวิทยานิพนธ์ได้เลยนะ”
“เชอะ งั้นเรียกว่า… ชุดสามประสาน แก่ อ่อนแอ ป่วย!”
“แก่ อ่อนแอ ป่วย?” ลีออนเลิกคิ้วขึ้น
รีเบคก้าพยักหน้าแล้วอธิบายอย่างมีเหตุผล “คุณพ่อแก่แล้วก็เลย ‘แก่’ ฉันเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็เลย ‘อ่อนแอ’ ส่วนกัปตันใช้เวทไม่ได้ แถมยังไม่รู้สาเหตุด้วย ก็เลย ‘ป่วย’ ไงล่ะ”
ลีออนอดไม่ได้ต้องปรบมือให้กับทักษะการให้เหตุผลของมือปืนสาว “ฟังดูมีเหตุผล น่าเชื่อถือสุด ๆ งั้นก็ไปนอนได้แล้ว ‘สาวอ่อนแอ’”
รีเบคก้ายิ้มอย่างพอใจแล้วล้มตัวลงนอนข้างกองไฟ ขณะที่ไทเกอร์ก็เอาผ้าห่มผืนเดียวที่มีคลุมให้เธอ เขาไม่คิดว่าลีออนจะกลับมาเร็วขนาดนี้ แถมยังพาเพื่อนร่วมทีมมาด้วย ทำให้เสบียงอย่างผ้าห่มเตรียมไว้ไม่พอ แต่แค่สามารถหาที่หลบภัยได้ในขณะที่ถูกหมายหัวอยู่ก็ถือว่าดีมากแล้ว ลีออนกับรีเบคก้าก็ชื่นชมไทเกอร์ในเรื่องนี้เช่นกัน
หลังจากอาจารย์ของเขาล้มตัวลงนอน ลีออนก็ค่อย ๆ เดินออกไปข้างนอก
เขานั่งลงบนขั้นบันไดที่เต็มไปด้วยฝุ่น แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืน
เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง
ในจักรวรรดิ มีนักกวีหลายคนมักใช้ข้างขึ้นข้างแรมของพระจันทร์เป็นสัญลักษณ์แทนความสุขและความเศร้าในชีวิตของผู้คน แต่ค่ำคืนนี้พระจันทร์กลมเต็มดวงเหลือเกิน ทว่าลีออนกลับไม่อาจแบ่งปันภาพนั้นกับใครบางคนได้
เขาอดคิดไม่ได้ว่า พระจันทร์ที่เผ่ามังกรเงินมองเห็น ซึ่งอยู่ไกลออกไปหลายพันไมล์ จะกลมสวยเหมือนกันไหม…
เมื่อความคิดลอยไปไกล ลีออนก็ยกมือแตะหน้าอกของตัวเอง
“เมื่อคนที่มีรอยสักมังกรเริ่มคิดถึงอีกฝ่าย รอยนั้นจะเริ่มเปล่งแสง”
งั้น… เธอก็กำลังคิดถึงเขาอยู่เหมือนกันใช่ไหม?
ลีออนลดสายตาลงและถอนหายใจเบา ๆ
หลังจากปรับอารมณ์ได้เล็กน้อย เขาก็เริ่มจดจ่อกับการเฝ้ายามในยามค่ำคืนต่อไป
รุ่งเช้าวันถัดมา ลีออนค่อย ๆ ลืมตาขึ้น “ตื่นแล้วเหรอ กัปตัน” ใบหน้าของหญิงสาวก็ปรากฏอยู่ในระดับสายตาของเขาพอดี
“อืม… มีอะไรเหรอ?” ลีออนขยี้ตา
“ไม่มีอะไรมาก แค่รู้สึกว่าคอแห้ง ๆ ไหม?”
ลีออนงุนงงเล็กน้อยก่อนจะยันตัวลุกขึ้นนั่ง “มีอะไรหรือเปล่า? หืม… พอบอกแบบนี้ ก็รู้สึกแห้งจริง ๆ แฮะ”
หลังจากหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็สะดุ้งเฮือก “เธอกับอาจารย์…เมื่อคืนนี้ไม่ได้ทำอะไรแปลก ๆ ตอนผมหลับอยู่ใช่ไหม?”
รีเบคก้าส่ายหน้า
ในตอนนั้นเอง อาจารย์ไทเกอร์ก็เดินเข้ามาและยืนข้าง ๆ ลีออน “เมื่อคืน หลังจากที่เจ้าหลับไป เจ้าพูดละเมอเรียกชื่อหลายชื่อ และเรียกแต่ละชื่อซ้ำหลายครั้งเลย”
ลีออนตกใจ “…ชื่อใครบ้าง?”
รีเบคก้านับได้อย่างแม่นยำ “ออโรร่า 104 ครั้ง, โนอา 110 ครั้ง, แล้วก็มูน 112 ครั้ง”
ลีออนถอนหายใจโล่งอก
โล่งใจไปที เพราะทั้งหมดนั่นคือชื่อของลูกสาวผมทั้งนั้น
ก็เป็นธรรมดานี่ที่พ่อคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกลบ้านจะละเมอเรียกลูกสาวในยามหลับ นั่นก็เพราะรักพวกเธอมากไงล่ะ!
แต่แล้วอาจารย์ก็ปล่อยหมัดเด็ดใส่จนผมแทบกลายเป็นหิน “รอสไวส์ 518 ครั้ง”
ลีออน: ?
“เทพสงครามผู้อกหักหัวปักหัวปำอย่างแท้จริงเลยนะกัปตัน พ่อบอกว่ากัปตันละเมอเรียกชื่อเมียจนฟองออกปาก เรียกไปตั้ง 518 ครั้งแน่ะ แหมๆๆ พลังแห่งความรักนี่มันสุดยอดจริง ๆ”
“… ก็แค่ละเมอเฉย ๆ เอง ไม่ได้หมายความว่าอะไรหรอก” ลีออนพยายามแก้ตัว
รีเบคก้าหันไปมองไทเกอร์ “พ่อคะ ศิษย์พ่อเป็นพวกดื้อเงียบแบบนี้ตั้งแต่เด็กเลยเหรอ?”
“ใช่ ตอนเด็ก ๆ ถึงขนาดโดนลาตัวนั้นเตะเข้าเต็มเปา ยังไม่ร้องออกมาซักคำ ดื้อยิ่งกว่าขนมแผ่นที่ข้าทำซะอีก” ไทเกอร์หัวเราะ
“เฮ้อ ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าราชินีมังกรนั่นทนใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายดื้อด้านแบบนี้ได้ยังไงตั้งสามปี” รีเบคก้าถอนหายใจ
หรือว่า…ราชินีมังกรจะดื้อยิ่งกว่าข้าอีก… ลีออนหัวเราะแห้ง ๆ พลางเบี่ยงประเด็นไป
เนื่องจากพวกเขาวางแผนจะไปหาแวคเตอร์ในตอนเย็น ช่วงกลางวันจึงมีเวลาเตรียมตัวอย่างเต็มที่
ไทเกอร์รับหน้าที่ออกไปหาข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมืองปัจจุบัน ส่วนรีเบคก้าไปจัดการหาเครื่องกระสุนให้เพียงพอ ขณะที่ลีออนใช้เวลาที่หาได้ยากในช่วงสงบแบบนี้ นั่งวางแผนการปฏิบัติการอย่างละเอียด เพื่อเปิดโปงตัวคนทรยศ
เวลาผ่านไปสามปี ในที่สุดช่วงเวลาแห่งความจริงก็ใกล้มาถึงแล้ว
บท 186: Crossing this Mountain
ขี้เกียจแปล ย่อคร่าวๆว่าเจอวิคเตอร์
บท 187: Please turn on the voice
ขี้เกียจแปล ย่อคร่าวๆว่าสืบสวนมาติน กับ วิคเตอร์
บท 188: Layout
ขี้เกียจแปล ย่อคร่าวๆว่าวางแผนล่อลวงชี้เป้าคนร้ายเป็นใคร
บท 189: The Player in Control
ขี้เกียจแปล ย่อคร่าวๆว่า วิคเตอร์เป็นคนร้ายจากหลักฐานที่เก็บไว้กับตัว ลีออนเลยจัดการสังหารวิคเตอร์
บท 190: The Weak and Infirm’s Abode
ขี้เกียจแปล ย่อคร่าวๆว่า ไทเกอร์ไม่ให้ลีออนหลบอยู่ในจักรวรรดิ
บท 191: มิเคยจากลา
ขี้เกียจแปล ย่อคร่าวๆช่วงแรกเลยว่า ลีออนหลบหนีจากจักรวรรดิ และนัดหมายว่า พวกไทเกอร์จะสืบข่าวจากในจักรวรรดิ ส่วนลีออนไปสืบในกลุ่มมังกร ง่ายๆคือให้ลีออนกลับไปอยู่กับเผ่ามังกรเงิน จะใช้แผนของรอสไวส์คือทุกสามเดือน ให้ไปเจอกันที่กระท่อม ตอนนี้ลีออนหลบหนีออกจากปราสาทจักรววรดิได้ละ แต่กำลังโดนศัตรูไล่ล่าอยู่
หลังจากบ่นเล็กน้อย ลีออนก็เดินหน้าต่อไป แต่ในขณะนั้นเอง เสียงกรีดร้องแหลมของฝูงลิงปีศาจก็ดังขึ้นจากทุกทิศทาง
หัวใจของลีออนกระตุกวูบ “ดูเหมือนว่าจักรวรรดิจะเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว…” เสียงใบไม้เสียดสีกับเสียงลำต้นไม้ลั่นครืดคราดดังระงมไปทั่ว
ลีออนยังคงตั้งสติ ระวังภัยรอบตัวเพื่อไม่ให้ถูกพวกอสูรเจ้าเล่ห์ซุ่มโจมตีเอาได้
เสียงกรีดร้องอันเยือกเย็นสะท้อนก้องท่ามกลางม่านฝน พวกสัตว์ประหลาดยังไม่รีบร้อนเข้าโจมตี แต่ดูเหมือนจะตั้งใจจะค่อย ๆ บั่นทอนจิตใจของลีออนแทน
ลีออนพยายามรวบรวมพลังเวทอีกครั้ง แต่สายฟ้าในมือกลับวูบวาบเพียงสองครั้งก่อนจะดับวูบลง
“โฮกกก!!”
ดูเหมือนพวกอสูรจะรู้แล้วว่าเหยื่อของพวกมันไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อีกต่อไป ลิงปีศาจหางยาวตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่ลีออนจากด้านข้างราวกับภูตผี
ลีออนตอบสนองอย่างรวดเร็ว ขณะสัตว์ประหลาดกระโจนเข้าใส่ เขาย่อเข่าและโน้มเอว ก่อนจะออกหมัดตรงใส่ท้องของมันอย่างจัง
ลิงปีศาจส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ลีออนฉวยโอกาสนั้นคว้าหางของมันไว้ทั้งสองมือ พร้อมกับเหยียบขาอีกข้างของมันจนหัก เสียงร้องโหยหวนของลิงตัวนั้นดึงดูดฝูงพวกมันให้เข้ามามากขึ้น
พวกมันโถมลงมารอบตัวลีออนดั่งสายฝน ล้อมเขาไว้แน่น ลีออนกะคร่าว ๆ ได้ว่ามีไม่ต่ำกว่าสี่สิบตัว
“ให้ตายสิ เดินเข้ารังลิงซะแล้วเรา”
ไม่เหมือนกับอสูรอันตรายประเภทอื่น ลิงปีศาจหางยาวเหล่านี้มีความเข้าใจในเรื่องการทำงานเป็นทีมและกลยุทธ์มากกว่า ลีออนรู้เรื่องนี้ดี เขาจึงไม่มีความคิดจะสู้ยืดเยื้อกับพวกมัน
ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มไล่ล่าจากจักรวรรดิก็กำลังจะตามมาทัน เขาไม่มีเวลามาสู้ในระยะยาวที่นี่ ต้องรีบหนีให้เร็วที่สุด
หลังจากสังเกตพวกมันอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของลีออนก็จับจ้องไปที่ลิงตัวหนึ่ง
ทันใดนั้น เขาก็ยันเท้าขวาลงบนพื้นอย่างแรง น้ำฝนและโคลนกระจายกระเซ็น เขาพุ่งตัวตรงไปยังเป้าหมายที่เลือกไว้
ก่อนที่พวกมันจะทันตั้งตัว ลีออนก็เข้าถึงระยะแล้ว
“อาฮูวว!! โฮกก!!”
“อาฮูวว!!”
เสียงคำรามของเหล่าสัตว์ประหลาดดังกึกก้องไม่หยุด แฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น ความเจ็บปวด ความภาคภูมิใจ การข่มขู่ และการคุกคาม… ลีออนใช้เพียงวิชาต่อสู้ล้วน ๆ สร้างความโกลาหลท่ามกลางฝูงอสูร
หลังจากฝ่าช่องว่างออกมาได้ ลีออนก็เร่งฝีเท้าวิ่งผ่านไป ฝูงลิงปีศาจแตกกระเจิง วิ่งไล่ตามเขาผ่านป่าเข้ามาจากทุกทิศทาง นี่ไม่ใช่แค่การไล่ล่าธรรมดา แต่เป็นการค่อย ๆ บั่นทอนพลังของลีออนอย่างชาญฉลาด
“แย่แล้ว…เริ่มจะยุ่งละสิ”
ลีออนตระหนักถึงความสามารถทางยุทธวิธีของลิงปีศาจ แต่เขายังหาวิธีรับมือที่ได้ผลไม่ได้ หลังจากฝ่าการล้อมมาสามระลอกติดต่อกัน ลีออนจึงหลบมาพักใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
เขาค่อย ๆ นั่งลงพิงลำต้น หอบหายใจอย่างหนัก
ลีออนหลับตาลง ฟื้นฟูกำลังอย่างเงียบ ๆ สายฝนที่ตกหนักชะล้างใบหน้าของเขาจนเปียกโชก ส่วนหนึ่งของพลังในร่างกายต้องใช้ไปในการรักษาอุณหภูมิ ทำให้พลังงานของเขายิ่งลดลงอย่างรวดเร็ว
ลีออนยกมือที่เย็นเฉียบขึ้น ปัดปอยผมเปียกฝนออกจากใบหน้า พิงต้นไม้เงยหน้ามองท้องฟ้าครึ้มเมฆที่มืดมิด เขายังไม่ทันออกจากเขตชานเมืองของจักรวรรดิ แต่พลังของร่างกายก็เริ่มจะตามไม่ทันแล้ว
ในขณะนั้น เสียงหอนของฝูงลิงปีศาจก็ดังขึ้นอีกครั้งในป่า และใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ…
เขาหันไปมองกำแพงเมืองจักรวรรดิที่อยู่ไกลออกไป “หรือเราควรจะกลับไปดี…”
เส้นทางสู่เผ่ามังกรนั้นทั้งห่างไกลและเต็มไปด้วยอันตราย ทว่าหากเขายอมย้อนกลับตอนนี้ ภายในหนึ่งชั่วโมงเขาก็จะกลับไปถึงจักรวรรดิ และได้พบกับอาจารย์กับรีเบคก้าอีกครั้ง
แม้จะสืบสวนแค่เรื่องสมรู้ร่วมคิดในจักรวรรดิ อาจทำให้การดำเนินการช้าลง แต่มันก็…ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายใช่ไหม
การย้อนกลับไป…มันง่ายก็จริง
แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น อาจจะไม่มีวันได้เจอโนอา มูน และลูกสาวตัวน้อยอีกเลย
“โฮก!—”
ฝูงลิงปีศาจหลายตัวกระโจนลงมาล้อมลีออนไว้ พวกมันจ้องเหยื่อที่ใกล้หมดแรงด้วยแววตาเยาะเย้ย ก่อนจะส่งเสียงร้องอย่างมีชัย
ลีออนกัดฟัน ใช้ลำต้นไม้เป็นที่พยุงลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า แต่พื้นดินที่ลื่นจากฝนก็ทำให้เขาลื่นล้มลงไปอีกครั้ง
“โฮก! โฮก! อูววว~~~”
ลิงปีศาจทุบหน้าอกตัวเอง ส่งเสียงประหลาดคล้ายเยาะเย้ย ลีออน ผู้เคยเป็นนักล่ามังกร ดวงตาไร้แววอ่อนโยนใด ๆ เหลืออยู่ เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นอีกครั้ง ก้าวตรงไปหาลิงตัวที่บ้าระห่ำที่สุด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ซากลิงปีศาจหางยาวแทบจะทับถมเต็มลาน ลีออนในสภาพโชกเลือดพิงต้นไม้อย่างอ่อนแรง รู้สึกว่าการหายใจแม้เพียงเล็กน้อยก็ยากเย็นเหลือเกิน
เสียงทหารจักรวรรดิจากที่ไกล ๆ ค่อย ๆ ดังเข้ามา ลีออนหลับตาลง ในช่วงชีวิตสั้น ๆ แต่โดดเด่นตลอด 23 ปีของเขา เขาไม่เคยถอยหลังหลังจากตัดสินใจไปแล้ว แต่คราวนี้ เส้นทางที่ยาวไกลเบื้องหน้าและอันตรายตรงหน้ากลับทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่น
สายฝนยังคงโปรยปราย ราวกับจะดับเปลวไฟริบหรี่ที่ผลักดันลีออนให้เดินมาถึงจุดนี้ เขาเอนศีรษะพิงกับลำต้นหยาบของต้นไม้ ปล่อยให้สายฝนเย็นเฉียบล้างผ่านใบหน้า
แต่ในวินาทีนั้นเอง ฝนก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ทว่าเสียงฝนกลับยังคงดังอยู่ ลีออนตกใจ ลืมตาขึ้นช้า ๆ
หญิงสาวผู้มีผมสีเงินยืนอยู่เงียบ ๆ เบื้องหน้าลีออน ชุดกระโปรงยาวของเธอเปียกโชกจากสายฝน แต่เธอกลับกางปีกมังกรออกมาบังฝนให้เขา ทั้งสองสบตากัน—หนึ่งสูง หนึ่งเตี้ย—เช่นเดียวกับหลายครั้งที่ผ่านมา
ดวงตาของลีออนที่เคยมืดมิด เริ่มมีแสงแห่งความหวังส่องประกายอีกครั้ง แสงสีเงินอันเจิดจ้าสะท้อนในม่านตาสีดำสนิทของเขา
“เธอ…ไม่ได้กลับไป?” เขาถาม
“เปล่าเลย ฉันไม่ได้กลับตั้งแต่แรกแล้ว” เธอตอบ
“รอสไวส์…”
“กลับบ้านกันเถอะ ลีออน”
บท 192: เจ็บตรงไหน เดี๋ยวตรวจให้
มังกรสีเงินตัวหนึ่งทะยานผ่านท้องฟ้า ข้ามภูเขาและแม่น้ำ ออกจากดินแดนของมนุษย์ มุ่งหน้ากลับสู่ดินแดนของเหล่ามังกร
ลีออนนอนอยู่บนหลังของรอสไวส์ รับฟังเสียงลมที่พัดผ่านหู และสัมผัสถึงจังหวะการกระพือปีกของมังกร
เขาค่อย ๆ ยื่นมือออกไป ลูบแผ่นหลังของมังกรเบา ๆ
เกล็ดมังกรเย็นเฉียบเมื่อสัมผัส แต่กลับให้ความรู้สึกสบายอย่างประหลาด
ลีออนค่อย ๆ หลับตาลง ขณะนี้เขามีคำถามมากมายที่อยากจะถามรอสไวส์ แต่เขาก็รู้ดีว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
ตลอดการเดินทาง รอสไวส์ไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยสักคำ เพียงแค่บินเงียบ ๆ
มันเหมือนกับเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนที่เธอส่งลีออนกลับไป ทั้งสองต่างก็เงียบงัน
แต่ความเงียบในครั้งนี้ กลับแตกต่างจากก่อนหน้านั้น
มันเหมือนกับคำถามหนึ่งที่ทั้งสองต่างหลีกเลี่ยงและปฏิเสธมาตลอด แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขากลับได้คำตอบที่คาดไม่ถึง ทว่าก็สมเหตุสมผล
แม้จะยังไม่อยากเผชิญหน้ากับคำตอบของคำถามนั้น แต่หากในอดีต พวกเขาหลีกเลี่ยงเพราะ “ไม่อยาก” ตอนนี้กลับเป็นเพราะ “ไม่กล้า”
แม้แต่มนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด และราชินีแห่งมังกรเงิน ก็ยังมีบางสิ่งที่ไม่กล้าเผชิญ มันช่างน่าอับอายหากจะพูดออกมาตรง ๆ
หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ลีออนก็รู้สึกว่ารอสไวส์เริ่มลดความเร็วและระดับเพดานบินลง
เขาลุกขึ้นนั่ง แล้วก้มมองลงไปเบื้องล่าง
แม้จะมองเห็นวิหารมังกรเงินอยู่ลิบ ๆ แต่ระยะทางจากจุดนี้ก็ยังอีกไกล รอสไวส์คงบินไปถึงวิหารจากตำแหน่งนี้ไม่ได้หากจะชะลอความเร็ว
ก่อนที่ลีออนจะทันได้เอ่ยถามว่าเธอจะทำอะไร รอสไวส์ก็ค่อย ๆ ลดระดับลงจอดบนพื้น
เธอเอนกายมังกรอันใหญ่โตลง แล้วลีออนก็กระโดดลงจากหลังเธออย่างเบา ๆ
จากนั้นรอสไวส์ก็แปลงร่างกลับมาเป็นมนุษย์
เธอยังคงสวมชุดเดิมกับวันที่ส่งลีออนจากไป เพียงแต่ชายกระโปรงนั้นเปื้อนคราบดินเล็กน้อย
ใบหน้าที่งดงามของเธอก็ดูเหนื่อยล้าอยู่จาง ๆ
“เธอบอกว่าไม่เคยไปไหน หมายความว่า… เธอรอผมอยู่ในป่าผืนนั้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา” ลีออนคิดในใจ
รอสไวส์ไม่พูดอะไร เพียงเดินไปยังพุ่มไม้แล้วนั่งลง จากนั้นดีดนิ้วเบา ๆ เรียกเปลวเพลิงมังกรก้อนเล็กขึ้นมาเพื่อจุดฟืนแห้งตรงหน้า
เมื่อกองไฟเริ่มลุกโชน แสงจากเปลวไฟก็ส่องให้เห็นใบหน้าของเธอที่ทั้งอ่อนโยนและอ่อนล้า
“ฝนตกจนเปียกขนาดนั้น มานั่งผิงไฟก่อนสิ” เธอพูดขึ้น
“เอ่อ… ได้สิ”
ลีออนเดินเข้าไปนั่งบนพุ่มไม้ข้างเธอ โดยเว้นระยะห่างไว้นิดหน่อย
ใบหน้าของรอสไวส์ยังคงไร้อารมณ์ เธอแค่เหลือบมองลีออน แล้วก็หันไปมองพื้นที่ว่างข้างตัว
ทุกอย่างสื่อถึงกันโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย
ลีออนรีบขยับตัวเข้าไปใกล้ทันที ลากก้นไปทีละนิด ๆ อย่างระมัดระวัง
ทั้งสองนั่งเคียงข้างกัน เปลวไฟที่อบอุ่นช่วยไล่ความเย็นออกจากร่างกาย มอบความสบายและอบอุ่นใจ
เสียงฟืนแตกดังเปรี๊ยะ ๆ ขณะรอสไวส์เท้าคางด้วยมือข้างหนึ่ง จ้องมองเปลวไฟอย่างเงียบงัน แสงจากเปลวไฟสะท้อนในดวงตาสีเงินของเธอ ทำให้ดวงตาคู่นั้นดูราวกับอัญมณีล้ำค่า
ลีออนเม้มปากเล็กน้อย ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามว่า “เธอ…รอผมอยู่ตลอดเลยเหรอ?”
รอสไวส์พยักหน้า “ตอนแรกตั้งใจว่าจะรอแค่สามวัน ถ้าครบสามวันแล้วนายยังไม่กลับมา ฉันก็จะไป”
เมื่อได้ยินดังนั้น ลีออนก็ลองนับวันในใจ “แต่นับจากวันเข้าจักรวรรดิไปแล้ว… ปาไปสี่ห้าวันได้แล้วนะ?”
“ใช่ ฉันรอนายต่ออีกสองวัน”
ดวงตาของลีออนสั่นไหวเล็กน้อย “ถ้าผมติดอยู่ในจักรวรรดิอีกสักสองสามวันล่ะ…?”
“ก่อนจะออกมา ฉันสั่งอันนาไว้แล้วว่าฉันอาจจะออกเดินทางไปกับองค์ชายสักระยะ บอกให้เธอไม่ต้องกังวล และช่วยดูแลลูก ๆ ให้ดีในช่วงนี้”
ลีออนพยักหน้าช้า ๆ เป็นสไตล์ของรอสไวส์จริง ๆ ที่จะคิดรอบคอบทุกอย่าง ไม่เคยออกจากบ้านหลายวันโดยไม่เตรียมการล่วงหน้า
แต่ว่าคำตอบของรอสไวส์…เหมือนจะไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากได้ยินจริง ๆ ลีออนไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาอยากรู้จริง ๆ แต่เขาก็ไม่อาจเซ้าซี้รอสไวส์เหมือนเด็กหนุ่มที่หลงรักได้ แบบนั้นมันจะดูไม่เป็นผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องให้ทุกอย่างถูกพูดออกมาตรง ๆ เสมอไป
รอสไวส์เหลือบตามองเขา มุมปากปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ หลังจากใช้ชีวิตร่วมกันมานาน ความคิดเล็ก ๆ ของลีออนจะหลุดรอดสายตาเธอไปได้อย่างไร
“ถ้านายล่าช้าไปสองวัน ฉันก็จะรอสองวัน ถ้าสิบวันยังไม่มา ฉันก็จะรออีกสิบวัน ถ้าครึ่งปีแล้วยังไม่มาอีก—”
ลีออนชะงัก “เธอจะรอครึ่งปีเลยเหรอ?”
“มองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว” รอสไวส์เอื้อมมือมาบิดหูของลีออน
“ใครจะหน้าด้านได้ขนาดให้ราชินีรออยู่กลางป่า กลางเขา กินนอนกลางดินกลางทรายขนาดนี้ รอมาตั้งหลายวันก็ถือว่าเมตตามากแล้ว จะให้กลายเป็นรูปปั้นหญิงรอผัวอีกหรือไง?”
แม้มันจะเจ็บหูนิดหน่อย แต่…ความรู้สึกที่มากกว่านั้นคือ
มีความสุข
ใช่แล้ว… “ความสุข” คำง่าย ๆ ที่ตรงตัวที่สุด
และตอนนี้ ลีออนก็คงเข้าใจความรู้สึกของอาจารย์เขาในตอนนั้นแล้ว
ในตอนนั้น แม้ว่าอาจารย์ของเขาจะถูกภรรยาควบคุมชีวิตด้วยกฎมากมาย ถึงขั้นต้องขออนุญาตแม้แต่จะสูบบุหรี่ แต่ท่านก็ยังร่าเริงแจ่มใสทุกวัน พูดอยู่เสมอว่าการถูกภรรยาควบคุมก็เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่งในชีวิต เดี๋ยวนายจะเข้าใจเมื่อโตขึ้น
ลีออนไม่แน่ใจว่า “ตอนนี้” นับว่าโตพอรึยัง แต่… ก็ขอถือว่านับแล้วกัน
กระทั่งหูของลีออนเริ่มขึ้นสีแดง รอสไวส์คิดว่าตัวเองเผลอบีบหูเขาแรงไปเลยรีบปล่อยทันที
แต่หลังจากปล่อยแล้ว ราชินีก็สังเกตได้ว่าไม่ได้มีแค่หูที่แดงเท่านั้น
“ฮึ่ม… บากะ”
รอสไวส์เบียดไหล่เขาเบาๆ “ถอดเสื้อออกซะ”
“เอ่อ… เอ๊ะ?! ทะ ทำไมล่ะ?”
สำหรับคู่รักที่เปิดใจต่อกันมากกว่านี้ มักจะมี “คำปลอดภัย” ที่ใช้หยุดเมื่อเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ แต่สำหรับคู่นี้ ที่ทั้งซื่อและเปิ่น นอกจากจะไม่มีคำปลอดภัยแล้ว พวกเขายังพัฒนาคำเริ่มต้นชุดใหม่ขึ้นมาในชีวิตประจำวันอีกด้วย
คำอย่าง “ถอดสิ,” “แค่นี้แหละ,” หรือ “ฮึ่ม คิดว่าฉันไม่กล้ารึไง?” ถ้าได้ยินคำเหล่านี้ล่ะก็ แปลว่าคืนนี้ได้วุ่นวายแน่
แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะไม่ใช่อย่างที่ลีออนคิด
“จะได้ตากเสื้อให้แห้ง ไม่งั้นใส่ไปทั้งเปียกๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
“อ๋อ…”
ลีออนกอดอก ใช้นิ้วเกี่ยวชายเสื้อแล้วถอดมันออก
เขาลุกขึ้นยืน ถือเสื้อผ้าไปผึ่งไว้ตรงหน้าไฟ
“ทำไมนายเหมือนกลับมาจากบ้านเกิด แต่สมองยังไม่กลับมาด้วยล่ะ?” รอสไวส์บ่นเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืนเช่นกัน เธอรับเสื้อจากมือลีออนไป แล้วเดินไปหากิ่งไม้ที่มีความยาวพอเหมาะหลังพุ่มไม้เพื่อใช้แขวนเสื้อ
“แบบนี้ไม่ดีกว่าเหรอ? จะได้ไม่ต้องยืนอยู่ตรงนั้นทั้งคืน” เธอว่า
ลีออนเกาหัวเบาๆ “เอ่อ… ความคิดดีแฮะ”
ทั้งคู่ยืนเคียงกันอยู่หน้าเปลวไฟ ลีออนที่ไม่ได้ใส่เสื้อ รู้สึกถึงความอบอุ่นจากเปลวไฟแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“อ๊ะ นายบาดเจ็บเหรอ?” รอสไวส์เหลือบมองที่เอวกับหน้าท้องของลีออน แล้วถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“หืม? เปล่านี่… ตรงไหนเหรอ?” ลีออนถาม
“ตรงนี้ไง”
พูดจบ รอสไวส์ก็เอื้อมมือไปแตะที่เอวของลีออน ฝ่ามือที่เย็นนิดๆ แต่เนียนนุ่มแนบลงบนกล้ามหน้าท้องของเขา แล้วเธอก็โน้มตัวเข้าไปใกล้อีกเล็กน้อย
ปลายนิ้วเรียวยาวของเธอลูบไล้ผิวของลีออนเบาๆ ขณะที่อีกมือหนึ่งประคองหลังเขาอย่างนุ่มนวล คางเรียวบางของเธอเอนพิงแขนเขาไว้ หน้าอกอ่อนนุ่มแนบลงบนท่อนแขนของเขา ดวงตาสีเงินทอดมองใบหน้าด้านข้างของเขา
“อืม คงจะดูผิดไปเองแหละ” เธอพูดพลางขยับตัวเข้ามาใกล้อีกนิด ความอบอุ่นจากร่างกายของเธอแทนที่ไออุ่นจากเปลวไฟ
อา ยัยมังกรตัวแสบ
ลีออนวางมือเบาๆ ที่แผ่นหลังของรอสไวส์ กดฝ่ามือของเธอแนบเข้ากับหน้าท้องของเขาให้แน่นขึ้นอีกนิด
จากนั้น เขาก็ค่อยๆ ลูบมือของตัวเองไปตามแขนเรียวของรอสไวส์ ผ่านหัวไหล่ ลำคอ กระดูกไหปลาร้า คาง แล้วไปหยุดที่แก้มที่เริ่มมีสีแดงระเรื่อของเธอ
รอสไวส์เอียงหน้าเล็กน้อย แล้วจุมพิตเบาๆ บนฝ่ามือและข้อมือของลีออนด้วยริมฝีปากที่ร้อนผ่าว ดวงตาของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่เขาไม่ละไปไหน
ใต้ดวงตาคู่นั้นที่ชวนให้หลงใหล มีความกำกวมไม่รู้จบซ่อนอยู่
เสน่ห์เย้ายวนของราชินีมังกรเงินเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเลียนแบบได้ และเธอแสดงออกมาเฉพาะต่อหน้าแค่ลีออนคนเดียวเท่านั้น
มือเป็นจุดที่ไวต่อความรู้สึก และการถูกจุมพิตตรงจุดนั้นโดยเธอ ก็ทำให้หัวใจของลีออนพลันสั่นไหวขึ้นมาทันที
เขายกมือประคองท้ายทอยของรอสไวส์ไว้ตามสัญชาตญาณ แล้วดึงเธอเข้ามาใกล้
ในขณะที่ดวงอาทิตย์เริ่มโผล่ขึ้นจากขอบฟ้า ริมฝีปากของทั้งสองก็สัมผัสกันอย่างแผ่วเบา
บท 193: ราชินีมังกรเงินขี้หึง
มีคำกล่าวเก่าว่า “ห่างกันสักพัก ใจจะได้คิดถึงกันมากขึ้น”
แม้ว่าคู่นี้จะไม่เคยได้ไปฮันนีมูนเหมือนคู่สามีภรรยาทั่วไป แต่การที่ต้องแยกจากกันไม่กี่วันกลับดูเหมือนจะได้ผลดีเกินคาด
จากอารมณ์จริงใจที่เผยออกมาเพียงเล็กน้อยในตอนอำลา ไปจนถึงความคิดถึงกันในระดับที่พอดิบพอดีหลังจากห่างกันไม่กี่วัน และสุดท้ายคือการกลับมาพบกันท่ามกลางสายฝน ทุกขั้นตอนล้วนเชื่อมโยงกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ
หลังจากความรู้สึกที่ผ่านการสั่งสมและไต่ระดับมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ถึงเวลาที่จะเปลี่ยนความคิดถึงทั้งหมดในช่วงวันที่ผ่านมาให้กลายเป็นการกระทำที่จับต้องได้
กลางแจ้ง ใต้ท้องฟ้าเปิดกว้าง เสื้อผ้าถูกถอดกองกระจายอยู่บนพื้นหญ้า
รอสไวส์พิงแผงพุ่มไม้อยู่ ด้านหลังถูกสัมผัสด้วยพื้นผิวหยาบกระด้างจากพุ่ม ทำให้เธอสามารถชมใบหน้าหล่อเหลาและเด็ดเดี่ยวของลีออนได้จากมุมที่พอเหมาะ
ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล—มีคนที่เพียบพร้อมขนาดนี้อยู่บนโลกได้อย่างไร? ทุกตารางนิ้วของผิวกาย ทุกบาดแผล ทุกส่วนโค้งเว้า ล้วนสะท้อนรสนิยมในความงามของรอสไวส์ได้อย่างลึกซึ้ง
เธอยกมือขึ้นลูบไล้ใบหน้าของชายหนุ่ม สัมผัสถึงความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา
ดวงตาสีเงินและสีดำสบกัน รอสไวส์เผยอริมฝีปากแดงเบา ๆ เสียงเธอนุ่มนวล “จูบฉันสิ”
เธอไม่ได้คว้าหลังศีรษะของลีออนไว้ด้วยแรง ไม่ได้บังคับอะไร เพียงแค่วางมือบนใบหน้าของเขา รอให้เขาเป็นฝ่ายโน้มเข้ามาหาเธอด้วยตัวเอง
ลีออนก็ยกมือขึ้น วางเบา ๆ บนหลังมือของรอสไวส์
“อยากให้จูบจริง ๆ เหรอ?”
“ไม่อยากหรือไง?”
“สภาพตอนนี้มัน…ยังไม่พอใจอีกเหรอ?”
พูดจบ เขาก็จัดการโจมตีพื้นฐานเสริมแรงเข้าไปอีกชุดหนึ่ง
รอสไวส์รับรู้ถึงความเข้มข้นของการเผชิญหน้ากับลีออนได้อย่างชัดเจน
ด้วยความเข้มข้นระดับนี้ แน่นอนว่าเธอพึงพอใจ
แม้ว่าคู่สามีภรรยาคู่นี้จะใช้เส้นทางแห่งการแกล้งกันไปมาอย่างยาวนาน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่เข้าใจ “ขีดจำกัดความอดทน” ของกันและกัน
ฝึกบ่อยก็ชำนาญ เป็นความจริงที่ไม่ผิดเลย
แต่ผู้หญิง…ก็ยังคงอยากได้มากกว่านั้นเสมอ
รอสไวส์ขมวดคิ้วงดงาม แก้มเปล่งปลั่งเป็นสีแดงระเรื่อ เอานิ้วลูบริมฝีปากของลีออนเบา ๆ
“ฉันแค่อยากให้นายจูบ หยุดพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว”
“ขอร้องให้คนทำอะไรสักอย่าง ท่าทีแบบนี้น่ะเหรอ? หืม?”
ขณะที่ ‘นักคัดอักษร’ เริ่มลงมือเขียน ทุกครั้งที่อารมณ์และแรงบันดาลใจพลุ่งพล่าน เส้นลายเส้นก็จะกดแน่นและหนักขึ้นโดยธรรมชาติ จนกระดาษยับย่นเป็นรอย
ลีออนรู้ดีว่าจะเอาใจรอสไวส์อย่างไร และแน่นอนว่ารอสไวส์เองก็เข้าใจเล่ห์เหลี่ยมบางอย่างของเขา
เมื่อใดที่ลีออนรู้สึกว่าตัวเองนั่งอยู่บนบัลลังก์แห่งครอบครัว หากรอสไวส์มีคำขอหรือข้อเรียกร้องใด ๆ เขาก็จะ “ล่อหลอก” เธอ และค่อย ๆ เล่นเกมจิตใจด้วยคำถามปลายเปิดไปเรื่อย ๆ
และหลังคำถามปลายเปิดแต่ละครั้ง ก็จะมีการลงน้ำหนักลายเส้นของ ‘นักคัดอักษร’ ที่แรงและหนักแน่นขึ้นเสมอ
รอสไวส์จับจุดนี้ได้แน่นอน และยินดีจะมองดูเชลยแสนน่ารักของเธอปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเป็นอิสระ
“งั้นนายอยากให้ฉันมีท่าทีแบบไหนล่ะ? หรือว่า…จะให้ฉันเรียกนายว่า…สามี?” รอสไวส์ยิ้ม ริมแก้มระเรื่อขึ้นเล็กน้อย เติมเสน่ห์ให้รอยยิ้มหวานหยดนั้น
ลีออนโน้มตัวลงเข้าใกล้ใบหน้าของรอสไวส์ ลมหายใจของทั้งคู่ผสานกันในระยะประชิด เขาสบตาเงินที่สั่นไหวเล็กน้อย ก่อนลดเสียงลงต่ำ “เชิญเลย ยัยหนูน้อย”
รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปากของรอสไวส์ เธอบีบใบหูของลีออนเบา ๆ แล้วกระซิบแนบข้างแก้ม “ฉัน…ไม่เรียกหรอก”
ยังไม่ทันให้ลีออนตอบอะไร รอสไวส์ก็ขบใบหูของเขาเบา ๆ ด้วยริมฝีปากที่เผยอเล็กน้อย
รู้สึกจั๊กจี้ปนเจ็บนิด ๆ
ลีออน แน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยให้เธอรอดไปง่าย ๆ
พลังฟื้นตัวของผู้กล้าฆ่ามังกรคนนี้ช่างน่าเหลือเชื่อ เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อน เขายังดูอ่อนแรง นั่งพิงต้นไม้ท่ามกลางสายฝน แต่ตอนนี้กลับสะสมเรี่ยวแรงได้จนเต็มเปี่ยม
สมแล้วที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นนักล่ามังกรที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะในสนามรบจริง หรือ ‘สนามรบ’ ของพวกเขา เขาก็สามารถทำให้เผ่ามังกรแทบขาดใจได้เช่นกัน
หลังจากต้านทานอยู่พักหนึ่ง ราชินีมังกรเงินก็ยอมจำนนในที่สุด
“ฉันผิดไปแล้ว…ผิดไปแล้ว ลีออน…ฉันไม่กล้าอีกแล้ว…”
ปกติแล้ว เธอไม่ใช่คนที่จะยอมง่าย ๆ ขนาดนี้ แต่ครั้งนี้ สองสามีภรรยาห่างกันมานาน พอได้ลิ้มรสการจากลาเหมือนฮันนีมูน เธอก็เลือกที่จะสวมบทภรรยาขี้อ้อนอ่อนโยน ปล่อยให้เชลยโง่ ๆ ของเธอได้สัมผัสความรู้สึกของการเป็นเจ้าบ้านอย่างแท้จริง
เป็นไปตามคาด วีรบุรุษนักล่ามังกรก็ติดกับอย่างง่ายดาย
“ตอนนี้รู้ตัวว่าผิดหรือยัง?”
“อืม…ฉันจะไม่บังคับนายอีกแล้ว…”
สีหน้าสำนึกผิดของราชินีมังกรเงินนั้นหาได้ยากนัก แต่ก็เพียงพอจะสะกดใจคนข้างกายไว้ได้
ลีออนเอื้อมมือไปปัดเส้นผมที่เปียกชื้นจากเหงื่อออกจากใบหน้าของรอสไวส์ ปลายนิ้วแตะที่แก้มเบา ๆ ลมหายใจหนักหน่วงของเขาพัดผ่านใบหน้าเธอ พร้อมกลิ่นฟีโรโมนที่ทำให้มึนเมา
เขาโน้มตัวเข้าไป จูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของราชินี
หลังจากจูบสั้น ๆ แผ่วเบา ลีออนก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองลึกเข้าไปในดวงตาของรอสไวส์โดยไม่พูดอะไร
รอสไวส์มองตอบทันที ก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนโง่ตรงหน้าคิดอะไรอยู่
ฮึ่ม…แกล้งทำเป็นนิ่งอีกแล้วสินะ
ก็เอาเถอะ ปล่อยให้เขาแกล้งทำเป็นนิ่งต่อไปก็แล้วกัน เพราะถ้าไม่ยอมให้เขาแกล้งตอนนี้ ต่อไปก็อาจไม่มีโอกาสอีกแล้ว
ใบหน้าแดงระเรื่อ รอสไวส์หันหน้าหนีไปด้านข้างอย่างเขินอาย ราวกับเจ้าสาวตัวน้อย
“คุณสามีคะ…”
“หันหน้ามามองผมตอนพูดด้วยสิ”
เฮอะ…ช่างเป็นผู้ชายที่เด็กจริง ๆ
แต่เอาเถอะ รอสไวส์หันกลับมาสบตาลีออน แล้วกล่าวออกมาอีกครั้งอย่างตั้งใจ แม้จะดูแฝงด้วยความประดักประเดิดเล็กน้อย
“คุ๊ณสาสามีเจ้าคะ~”
ฟังแล้วชื่นใจ
พอใจแล้ว ลีออนก็ไม่แกล้งเจ้าแม่มังกรน้อยต่ออีก และดำเนิน “ขั้นตอนต่อไป” อย่างราบรื่น
การสื่อสารระหว่างสามีภรรยา ก็เป็นกระบวนการของการดูแลซึ่งกันและกันนั่นแหละ
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงคำรามของมังกรที่หนาวเหน็บกระดูกทำเอานกในป่าตกใจจนโบยบินออกจากพงไม้
หลังจากได้ชื่นชม “ทิวทัศน์งดงาม” ด้วยกันแล้ว สองสามีก็เอนกายลงบนพื้นหญ้า ดื่มด่ำกับช่วงเวลาแห่งความสุข
เพราะอยู่กลางป่าแถมยังเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แม้จะไม่มีใครอยู่ใกล้ แต่หลังจากภารกิจเสร็จสิ้น ก็อดรู้สึกเขินอายไม่ได้
รอสไวส์รีบใส่ชุดของตัวเองแล้วนั่งพิงพุ่มไม้อย่างเหนื่อยล้า
ขณะนั้นเสื้อของลีออนก็แห้งดีแล้วจากไออุ่นของกองไฟ เขาเดินไปหยิบเสื้อที่แขวนไว้บนกิ่งไม้ สวมใส่เรียบร้อย ก่อนจะกลับมานั่งข้างรอสไวส์
หลังช่วงเวลาแห่งความหฤหรรษ์ ก็มักจะมีบทสนทนาเบา ๆ เพื่อฆ่าเวลาและฟื้นฟูพลังไปพร้อมกัน
“ว่าแต่ ตอนที่นายกลับไปคราวนี้ จับหนอนบ่อนไส้ได้หรือยัง?” รอสไวส์เอ่ยถาม
ลีออนพยักหน้า “อืม จับได้แล้ว เป็น—”
“อย่าเพิ่งบอก! ขอฉันเดาก่อน!” จู่ ๆ ความขี้เล่นของรอสไวส์ก็โผล่ขึ้นมา
ลีออนยิ้มแล้วหันไปมองรอสไวส์
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม รอยยิ้มนั้นในสายตาของรอสไวส์ดูเหมือนจะแฝงด้วยความเอ็นดู คล้ายกับว่าลีออนเองก็ยินดีจะเล่นเกมทายตัวสายลับแบบเด็ก ๆ กับเธอ
“ก็ได้ งั้นลองทายดูสิ” ลีออนตอบ
รอสไวส์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เป็นมือปืนสาวคนนั้นแน่เลย!”
ลีออนเลิกคิ้ว “น้ำเสียงตื่นเต้นของเธอนี่ฟังยังไงก็เหมือนอยากให้เธอคนนั้นเป็นสายลับมากกว่าแค่เดานะ…”
รอสไวส์ยักไหล่ “จริงเหรอ? ฉันไม่ได้ตั้งใจแบบนั้นนะ ก็แค่เดาสุ่มไปนั่นแหละ นายจะมาสนใจอะไรล่ะว่าฉันจะเดาใคร งั้นตกลงฉันทายถูกไหม?”
“ไม่ใช่” ลีออนตอบ
“แหม เสียดายจัง”
ลีออน: ?
แล้วตอนนี้ราชินีมังกรเงินคือใครล่ะ?
ราชินีมังกรเงินขี้หึงไง!
“งั้น…เป็นคุณชายของตระกูลรัฐมนตรีหรือเปล่า?” รอสไวส์ถาม
ลีออนส่ายหัว “เป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลเก่าแก่ตระกูลนั้นต่างหาก”
“โอ๊วว~~ แล้วนายตัดสินใจยังไง?”
ลีออนทำมือเป็นรูปปืน แล้วยกขึ้นชี้ที่ขมับ
“ปัง~”
รอสไวส์หัวเราะคิก “ไม่รู้สึกเสียใจบ้างเหรอ?”
“เสียใจเรื่องอะไรล่ะ?”
“ก็เขาเคยเป็นสหายร่วมรบของนายไม่ใช่เหรอ”
“ในเรื่องแบบนี้…ในฐานะราชา เธอน่าจะเข้าใจหลักการนี้ดีกว่าผมนะ? คนทรยศต้องถูกจัดการ”
รอสไวส์ปัดปอยผมข้างแก้มไปทัดหู แล้วพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อนั่งอยู่ในตำแหน่งสูง ย่อมต้องเจอกับพวกกบฏมากขึ้นเป็นธรรมดา
ตลอดหลายปีที่รอสไวส์ขึ้นครองอำนาจ เธอเจอเหตุการณ์แบบนี้มานับไม่ถ้วน ที่ถามไปเมื่อครู่นี้ ก็แค่อยากดูสภาพจิตใจของลีออนเท่านั้น
หากฮีโร่นักล่ามังกรคนนี้เริ่มลังเลใจ เธอก็จะใช้ประสบการณ์ร้อยปีของตัวเองปลอบโยนเขา แต่โชคดีที่ลีออนแข็งแกร่งเกินคาดเสมอ—ทุกด้านเลยล่ะ
หลังจากคุยเรื่องสายลับจบ ลีออนก็ถามว่า “กลับบ้านกันเลยมั้ย? โนอากับคนอื่น ๆ คงเป็นห่วงเราแย่แล้วล่ะ ไม่ได้เจอกันหลายวันแล้ว”
“อืม ได้สิ”
รอสไวส์ลุกขึ้น ปัดฝุ่นที่กระโปรง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโหยหาเล็กน้อย “ฉันว่านะ พอกลับถึงบ้าน พวกเด็ก ๆ ต้องรีบวิ่งเข้ามาขอกอดแน่เลย”
หลังจากคลอดลูกคนล่าสุด รอสไวส์ก็มีสัญชาตญาณความเป็นแม่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดี ดีกว่าสมัยก่อนที่เธอเย็นชาไร้อารมณ์เสียอีก
หืม—
งั้นนี่แปลว่าลีออนอาจจะมีหวังสำหรับลูกคนถัดไปแล้วสินะ…?
ก็ในเมื่อคุณสมบัติมังกรของ ออโรร่า ยังชัดเจนอยู่เลย แสดงว่าแผนการเลี้ยงลูกในครรภ์ของลีออนล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ถ้าอยากได้ลูกที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์มากขึ้น ก็ต้องลุ้นเอาจากลูกคนถัดไปเท่านั้น
เอาเถอะ สำหรับตอนนี้ ก็คิดไว้ก่อนละกัน
แม้ว่าการสุ่มลูกจะพอมีหวังอยู่บ้าง แต่การตั้งครรภ์สิบเดือนของมังกรนี่มันทรมานลีออนไม่ใช่เล่นเลย คงต้องไตร่ตรองให้ดี
หลังจากจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งสองก็ออกเดินทางกลับวิหารมังกรเงิน
“ว่าแต่ เธอคิดว่า พอกลับไป เด็ก ๆ จะมากอดใครก่อน ระหว่างผมกับเธอ?” ลีออนถาม
“แน่นอนว่าต้องเป็นฉันอยู่แล้ว” รอสไวส์ตอบ
“ดีเลย ฉันชื่นชมในความมั่นหน้าของเธอนะ” ลีออนกล่าว
“มั่นหน้าเหรอ ฮึ่ม… เดี๋ยวก็รู้กัน เด็ก ๆ ต้องวิ่งมากอดฉันก่อนแน่นอน”
ถูกต้องเลย แบบนี้แหละถึงจะเรียกว่าจิตวิญญาณแห่งการเอาชนะ! ถ้าวันไหนไม่ได้ทะเลาะกับมังกรสาวตัวนี้ คาสโมดต้องรู้สึกเหมือนทั้งตัวไม่สบายแน่นอน!
ทั้งคู่เถียงกันไปมาอย่างขี้เล่นระหว่างทางกลับวิหารมังกรเงิน
ลานด้านหน้าวิหารเงียบสงัด มีเพียงยามไม่กี่นายเดินตรวจตราอยู่ แต่ไม่เห็นสาวใช้แม้แต่คนเดียว
รอสไวส์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “แปลกนะ เวลานี้ แอนนาและคนอื่น ๆ ควรจะตื่นกันหมดแล้ว และเริ่มงานกันแล้วด้วย ทำไมถึงไม่มีใครเลยล่ะ?”
ลีออนยักไหล่ “บางทีพอเธอไม่อยู่ พวกเขาอาจแอบอู้ก็ได้”
รอสไวส์เหล่ตามองเขา “ฉันไว้ใจลูกน้องของฉันนะ พวกเขาทำงานขยันขันแข็งมาตลอด”
แน่นอนว่ามันก็จริง — ลูกน้องของหัวหน้าที่เป็นพวกบ้างาน ก็มักจะเป็นพวกบ้างานด้วยเช่นกัน แต่ความทุ่มเทของพวกเขาก็น่าเชื่อถือ
ทั้งคู่ไม่ได้เสียเวลานานในลานด้านหน้า พวกเขาเดินเข้าไปในวิหาร ขึ้นบันได แล้วเคาะประตูห้องของสองพี่น้อง
ไม่มีเสียงตอบรับ
ลีออนลองหมุนลูกบิดดู และประตูก็เปิดออก
ทั้งคู่สบตากัน แล้วพยักหน้าเห็นพ้องโดยไม่ต้องเอ่ยคำ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง
“โนอา มูน อยู่ไหม? แม่กับพ่อกลับมาแล้วนะ” รอสไวส์เรียก
ยังไม่มีเสียงตอบรับ
ลีออนกับรอสไวส์เดินผ่านโถงทางเข้าและทางเดิน แต่ในห้องนอนกลับไม่พบสองพี่น้องหรือแม้แต่ลูกสาวคนเล็กของพวกเขาเลย
ขณะที่ทั้งสองกำลังสงสัย ก็มีควันสีเขียวลอยออกมาจากสวนหลังบ้าน
ทั้งคู่รีบเดินไปยังระเบียงและมองลงไปยังสวนหลังบ้าน ที่ลานกว้าง บรรดาสาวใช้ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ ขณะที่โนอาและมูนยืนอยู่ข้างกองไฟ พูดคุยกระซิบกระซาบกัน มูนถือจานสเต๊กย่างอยู่ในมือ
รอสไวส์ไม่เข้าใจ “ทำอะไรกัน? ปิคนิคเหรอ?”
แต่ลีออนกลับเข้าใจทันที เขายกมือขึ้นปิดหน้าเงียบ ๆ “อา ผมรู้ละว่าเกิดอะไรขึ้น!”
บท 194: เสียงกู่ก้อง
“พ่อหายไปหลายวันแล้วนะ”
“แม่ก็หายไปหลายวันเหมือนกัน”
“พี่คะ มูนคิดว่า… ถึงเวลาแล้วล่ะ!”
“มูน เรื่องนี้มันจริงจังมากนะ แน่ใจเหรอว่าจะทำ?”
“แน่ใจค่ะพี่ มูนรอไม่ไหวแล้ว”
“ก็ได้ งั้นเดี๋ยวพี่ไปเตรียมตัวก่อน”
“อื้ม งั้นมูนจะไปเตรียมทอดสเต๊ก—”
“ว่าไงนะ?”
“อะ เปล่าค่ะ! มูนหมายถึงจะไปเตรียมเสื้อผ้าค่ะ!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ณ ลานหลังวิหารมังกรเงิน บรรดาสาวใช้ถูกเจ้าหญิงโนอาและมูนเรียกมารวมตัวกัน
พวกสาวใช้ไม่รู้เลยว่าคุณหนูตัวน้อยทั้งสองกำลังวางแผนอะไรอยู่
หรือเป็นเพราะฝ่าบาทราชินีและองค์ชายทรงออกไปข้างนอกหลายวัน ไม่มีใครมาเล่นด้วย พวกเธอเลยรู้สึกเหงาและอยากหาอะไรทำ?
การทำให้เจ้าหญิงรู้สึกสนุกและเล่นเกมกับพวกเธอเป็นหน้าที่ของสาวใช้อยู่แล้ว แต่กองไฟที่ก่อไว้กลางลาน กับสเต๊กที่องค์หญิงมูนกำลังทอดอยู่นั้น กลับทำให้สาวใช้บางคนหวนคิดถึงความทรงจำบางอย่าง…
พวกเธอยังจำได้ดีว่า ครั้งล่าสุดที่มีงานใหญ่แบบนี้ ก็เป็นตอน “ไว้อาลัย” ให้องค์ชาย
ตอนนั้นคุณหนูทั้งสองบอกว่า องค์ชายจากไปแล้ว ออกเดินทางไปไกล และจะไม่มีวันกลับมาอีก พวกเธอจึงจัด “พิธีศพ” ให้องค์ชายอย่างยิ่งใหญ่
เพราะฉะนั้น… คราวนี้จะเล่นแบบเดิมอีกหรือเปล่านะ?
มิลานแอบเดินเข้าไปใกล้อันนาแล้วกระซิบถามว่า “ต้องร้องไห้ด้วยมั้ยคะ หัวหน้าสาวใช้?”
อันนากอดอกถอนหายใจอย่างหมดปัญญา “คุณหนูว่าไงก็ว่าตามนั้น”
“…เข้าใจแล้ว”
“แล้วองค์หญิงน้อยล่ะคะ? มีใครดูแลอยู่หรือเปล่า?” อันนาถาม
“มีค่ะ ก่อนเราจะออกมา ก็ให้เชอร์ลีย์ดูแลไว้แล้ว เธอไม่ได้อยู่ในทีมสาวใช้ เลยให้เธอช่วยดูแลองค์หญิงน้อยไปก่อน”
อันนาพยักหน้า จากนั้นก็เงยหน้ามองท้องฟ้าใส “ถ้านับวันดู ตอนนี้ฝ่าบาทกับองค์ชายก็น่าจะใกล้กลับมาแล้วใช่ไหม?”
มิลานเลิกคิ้วขึ้น “หัวหน้าสาวใช้ทราบไหมคะ ว่าทั้งสองเสด็จออกไปทำไม?”
อันนายักไหล่ “คงจะหาที่เงียบ ๆ ไปพักผ่อนด้วยกันหลังจากคลอดมั้ง แค่เดาน่ะ อย่าเอาไปบอกใครเชียวนะ”
มิลานก็เข้าใจความหมายแฝงในคำพูดของหัวหน้าสาวใช้ดี จึงหัวเราะคิกพลางเอามือปิดปาก “เข้าใจค่ะ หัวหน้าสาวใช้”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น องค์หญิงโนอาก็เดินเข้ามา
“ถวายบังคมเพคะ องค์หญิง” อันนาเอ่ยด้วยความเคารพ
“เอาล่ะ ทุกคนเริ่มร้องไห้ได้แล้ว” ใบหน้าเล็กของโนอาเต็มไปด้วยความจริงจัง
พอพี่สาวออกคำสั่ง ยังไม่ทันให้เหล่าสาวใช้เริ่ม มูนก็อดใจไม่ไหว รีบร้องไห้ออกมาก่อน
“ฮือออ~~ แม่ขา พ่อขา ทำไมยังไม่กลับมาอีก มูนไม่ดีตรงไหนเหรอ ฮือออ~”
อันนารีบสะกิดแขนมิลาน ส่งสัญญาณให้ทำตาม
มิลานถึงจะงงเล็กน้อย แต่ก็ตามน้ำทันที “อ๊า!… อ่ะ อืม… ฝ่าบาทเพคะ! องค์ชายเพคะ! เสด็จจากไปอย่างกระทันหันเช่นนี้~~”
เมื่อมิลานเริ่ม เหล่าสาวใช้ก็ร่วมมือกันทันที
เสียงร้องไห้แกล้ง ๆ ของเหล่าสาวดังก้องไปทั่วลานหลังวัง
อันนาหลับตาพลางถอนหายใจอย่างจนใจ ตอนนี้เธอก็เริ่มอยากหาที่เงียบ ๆ เหมือนฝ่าบาทบ้างแล้ว เพื่อได้พักสมองบ้าง
“ฝ่าบาทเพคะ~ เหตุใดจึงทอดทิ้งพระธิดาที่น่ารักทั้งสามไว้เช่นนี้~”
“ตระกูลมังกรเงินจะดำรงอยู่ต่อไปได้อย่างไร หากไร้ซึ่งพระราชินี!”
ถึงจะมีน้ำตาหลั่งไหลเพื่อพระราชินีอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับฝ่าบาทองค์ชายแล้ว กลับมีน้อยกว่ามาก
แต่ก็ยังมีอยู่บ้าง
“องค์ชายเพคะ! พระองค์ทรงสร้างคุณูปการยิ่งใหญ่ให้กับเผ่ามังกรเงิน ทำไมถึงทอดทิ้งพวกเราไปได้ลงคอ!”
“พวกเรายังรอให้องค์ชายร่วมกับพระราชินีฟื้นฟูเกียรติยศของเผ่ามังกรเงินอยู่นะเพคะ! องค์—ชาย—เพคะ!”
…
ท้ายที่สุด สาวใช้คนหนึ่งก็อินเกินไป ร่ำไห้อย่างสุดเสียง โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนสองคนมายืนอยู่ข้าง ๆ แล้ว
“ฉันนับแล้วนะ มีสาวใช้ร้องไห้ให้ฉันประมาณยี่สิบสามคน แต่ร้องให้นายไม่ถึงห้าคนด้วยซ้ำ” รอสไวส์พูดอย่างใจเย็น น้ำเสียงมีแววพึงพอใจแบบกลั้นไว้
ลีออนยักไหล่ “เรื่องแค่นี้ก็แข่งด้วยเหรอ?”
รอสไวส์เชิดหน้าด้วยความหยิ่ง “ฉันไม่สนหรอก”
ลีออนโบกมือ ไม่คิดจะต่อล้อต่อเถียงด้วย
สาวใช้มังกรที่ได้ยินบทสนทนานั้น รีบกลั้นน้ำตาและคำไว้อาลัยที่กำลังจะหลุดจากปากทันที
เธอสูดน้ำมูกแล้วเหลือบตามองทางซ้าย—พระราชินีกำลังกลั้นยิ้ม และทางขวา—ที่องค์ชายกำลังทำหน้าขำขัน
โอ้~~
เข้าใจแล้วล่ะ ได้เวลาขั้นตอนต่อไปแล้ว—
“ฟ้าดินเป็นพยานต่อความกตัญญูของเจ้าหญิงทั้งสอง พระราชินีและองค์ชายจึงฟื้นคืนชีพอีกครา~”
ประโยคคุ้นหูเหลือเกิน
ก็ฉันเป็นคนพูดประโยคนี้เองไม่ใช่เหรอ? สาวใช้มังกรคิดในใจ
เมื่อได้ยินว่าผู้ล่วงลับทั้งสองฟื้นคืนชีพขึ้นมาแล้ว เหล่าสาวใช้ก็โล่งอกพร้อมกัน ก่อนจะเงียบเสียงและเปิดทางให้สอง “ผู้คืนชีพ” ก้าวไปยังด้านหน้า
ทั้งสองสบตากันก่อนจะก้าวออกไปพร้อมกัน
เมื่อยืนเผชิญหน้ากับลูกสาวทั้งสอง ครอบครัวสี่ชีวิตก็จ้องตากันตาโต
แววประหลาดใจแวบผ่านใบหน้าเล็กของโนอา แต่เธอก็กลับมามีท่าทีสงบเสงี่ยมเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ส่วนมูนยังคงรักษาความสุขุมไว้ได้เช่นกัน:
“พ่อคะ”
“หืม?”
“มูนกินของเซ่นได้แล้วใช่ไหม?”
“…ได้สิ แต่ห้ามกินของทอดตอนเช้าเยอะนะ แค่วันนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”
“เย่!”
ลีออนหันไปหาแอนนา “พามูนไปที่ห้องอาหารที”
“รับทราบเพคะ องค์ชาย”
แอนนาเดินเข้ามาแล้วพามูนออกจาก ‘พิธีศพ’ ไป
ภายใต้คำสั่งของรอสไวส์ บรรดาสาวใช้คนอื่น ๆ ก็กลับไปประจำตำแหน่งของตนเอง เริ่มงานประจำวันของพวกเธอ
ในสวนหลังคงเหลือเพียงลีออน รอสไวส์ โนอา และกองฟืนที่ยังจุดไม่หมด
ลีออนโน้มตัวลงมากอดโนอาไว้แน่น “ขอโทษนะ โนอา พ่อกับแม่มีธุระกะทันหันเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เลยออกไปเที่ยวโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า ทำให้ลูกต้องเป็นห่วง”
ลูกสาวคนโตไม่ใช่เด็กเล็กที่จะถูกหลอกได้ง่าย ๆ เหมือนน้องสาว
บางเรื่องก็จำเป็นต้องอธิบาย แต่ไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดมากนัก
โนอายังคงสีหน้าเรียบเฉย ส่ายศีรษะเบา ๆ “ไม่เป็นไรค่ะพ่อ เรื่องของพ่อน่ะ จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
ลีออนชะงักไปครู่หนึ่งกับคำถามของลูกสาว รู้สึกผิดเล็กน้อย
โนอาไม่น่าจะรู้ว่าเขาเดินทางกลับไปยังจักรวรรตเพื่อสะสางเรื่องของคนทรยศ เพราะถ้าเธอรู้เรื่องนั้น ก็แปลว่าเธอรู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นมนุษย์ ดังนั้นคำถามนี้น่าจะเกิดจากที่เขาพูดก่อนหน้านี้ว่า ‘มีธุระกะทันหัน’ โดยไม่รู้ความหมายที่ลึกกว่านั้น
แต่คำพูดบางคำ ก็อาจสื่อความหมายเกินกว่าที่ตั้งใจ ลีออนเม้มริมฝีปากแน่น กดความหวั่นไหวที่ผุดขึ้นในใจชั่วขณะ แล้วยิ้มตอบ “เรียบร้อยดีแล้วล่ะ”
โนอายังเด็ก จึงมักแยกแยะความจริงกับคำโกหกได้ไม่ชัดเจนนัก
แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัยมากมายในขณะนี้ แต่หลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็เลือกที่จะเชื่อพ่อของเธอ เธอเชื่อในความซื่อสัตย์ของพ่อ และเชื่อว่าพ่อมีความสามารถในการแก้ปัญหาได้จริง
“งั้นก็ดีแล้วค่ะ” โนอาพยักหน้า
รอสไวส์เดินเข้ามาใกล้ ลีออนจึงส่งโนอาให้กับเธอ โนอาก็ซุกตัวอย่างว่าง่ายในอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นของแม่ กอดรอบลำคออันอ่อนโยนของรอสไวส์
ราชินีเอาจมูกถูแก้มนุ่มของลูกสาวเบา ๆ
“ระหว่างที่แม่กับพ่อไม่อยู่ หนูต้องเหนื่อยดูแลน้องๆแน่เลย แถมยัง…”
สายตาของเธอเหลือบไปเห็นกองฟืนในลาน และรูปถ่ายของเธอกับลีออนที่วางอยู่บนชั้นใกล้เคียง
เฮ้อ…
ในมุมมองของมืออาชีพ งานศพครั้งนี้ถือว่าจัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้จะยิ่งใหญ่จนคล้ายกับงานพระราชพิธีศพเลยทีเดียว แต่หากมองจากมุมของตัวเอกทั้งสองคนแล้ว มันก็ค่อนข้าง…นามธรรม โดยเฉพาะสำหรับลีออน
ได้เข้าร่วมงานศพของตัวเองถึงสองครั้ง (แถมยังไม่ได้กินของเซ่นไหว้เลยสักคำ) แบบนี้เรียกได้ว่าเกินหน้าสิ่งมีชีวิตกว่าเก้าสิบเก้าเปอร์เซ็นต์บนโลกใบนี้แล้ว
รอสไวส์หัวเราะเบา ๆ อย่างขื่นขันก่อนจะพูดต่อ “แล้วหนูก็ยังเหนื่อยจัดงานพิธีใหญ่โตขนาดนี้อีก”
ในฐานะราชินี เธอจึงต้องเลือกใช้คำพูดให้ดูงดงามเหมาะสม
“ความจริงแล้ว หนูก็แค่หาทางเบี่ยงเบนความสนใจของมูนน่ะ แม่กับพ่อหายไปตั้งห้าวัน ถ้ายังไม่กลับมาอีก คงเริ่มคิดถึงแน่ ๆ”
…แล้วหนูเองก็คงเริ่มคิดถึงด้วยเหมือนกัน
แต่ก็ยังรู้สึกลังเลเกินกว่าจะพูดความรู้สึกนั้นออกมา การเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความค่อยเป็นค่อยไป เธอไม่สามารถแสดงความรู้สึกออกมาได้อย่างชัดเจนและเป็นธรรมชาติเหมือนกับมูนได้ในทุกสถานการณ์
ในแง่นี้ เธอก็คล้ายกับพ่อแม่ของเธออยู่ไม่น้อย
“โนอาโตขึ้นเยอะเลยนะ ตอนนี้ถึงขั้นหาวิธีสร้างความบันเทิงให้น้องสาวได้แล้วด้วย” รอสไวส์เอ่ยชมลูกสาวโดยไม่ลังเล แม้ว่าวิธีการเหล่านั้นอาจจะ…เกินไปบ้างก็ตาม
แต่ตราบใดที่เป้าหมายสำเร็จ และเบนความสนใจจากความคิดถึงพ่อแม่ได้จริง เธอก็จะไม่ถือสาอะไรอีก
โนอาเขินกับคำชม จึงเอาแก้มแนบกับใบหน้าของแม่ ใบหน้าของแม่เย็นนิด ๆ ซึ่งรู้สึกสบายมากเมื่อแนบชิดกับผิวของตัวเอง
“หนูหิวแล้วค่ะ แม่ ไปกินข้าวกันเถอะ” โนอาพูดขึ้น
“จ้ะ”
รอสไวส์หันไปมองลีออน “ไปกันเถอะ”
ลีออนพยักหน้า
ครอบครัวสามคนเดินตรงไปยังประตูหลังของวิหาร รอสไวส์อุ้มโนอาเดินนำหน้า ส่วนลีออนเดินตามหลัง
โนอาวางคางลงบนบ่าของรอสไวส์ ทำให้สามารถมองเห็นลีออนที่เดินอยู่ด้านหลังได้อย่างชัดเจน
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เธอก็ค่อย ๆ ยกแขนขึ้น แล้วยื่นมือเล็ก ๆ ไปหาลีออน
ลีออนเข้าใจทันที จึงยื่นมือไปจับนิ้วเล็กน่ารักของลูกสาวเอาไว้อย่างแผ่วเบา
ตอนแรกลีออนคิดว่านี่คงเป็นเพียงโมเมนต์อบอุ่นธรรมดาระหว่างพ่อกับลูกเท่านั้น แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปมองสีหน้าของโนอา เขากลับสังเกตเห็นแววตาและสีหน้าของลูกสาวเต็มไปด้วยความซับซ้อน
มีทั้งความเหม่อลอย กังวล สับสน แม้กระทั่งความกระวนกระวายใจอยู่จาง ๆ
แต่ทันทีที่เธอเห็นสายตาของลีออน โนอาก็รีบยิ้มกลบเกลื่อนเพื่อปกปิดสีหน้าที่ผิดปกติของตัวเอง
ทว่า…แววตาของเด็ก ไม่อาจหลอกใครได้
ก่อนหน้านี้ ลีออนเคยเชื่อว่า มีเพียงรอสไวส์เท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับเขาผ่านการสบตา เป็นจุดเริ่มต้นของบทสนทนาเงียบ ๆ ระหว่างพวกเขา
แต่ตอนนี้ เขากลับเห็นคำถามหนึ่งอย่างชัดเจนในแววตาของลูกสาว
“พ่อจะไม่ทิ้งหนูไปใช่ไหม?”
บท 195: ออโรร่า (จบเล่ม 1)
ลีออนหวังว่าเขาจะเข้าใจผิดไปเอง
ที่ห้องอาหาร มูนกำลังตักสเต๊กชิ้นใหญ่ที่พ่อจัดเตรียมไว้เข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย
การได้ลิ้มรสอาหารชั้นเลิศ—หรือพูดให้ชัดก็คือ สเต๊กชั้นเยี่ยม—ท่ามกลางเช้าที่สวยงามที่สุดของวันนั้น ถือเป็นพรอันยิ่งใหญ่ในชีวิต
โนอานั่งอยู่ข้างพี่สาว คอยเตือนเบา ๆ ว่าอย่าทำเศษเนื้อกระจายออกมานอกจาน เพราะแม่บ้านจะลำบากในการทำความสะอาดภายหลัง
มูนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย วางตัวดีไม่มีที่ติ
คู่สามีกับภรรยาก็เข้ามานั่งที่โต๊ะด้วย
หลังจากเช้าที่อิ่มเอมและเคร่งเครียด การได้รับประทานอาหารเช้าอย่างเต็มที่เพื่อชดเชยพลังงานจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมยิ่งนัก
ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ลีออนเอ่ยขึ้นว่า “อ้อ จริงสิ โนอา มูน ช่วงที่แม่กับพ่อไม่อยู่เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เราสองคนคิดชื่อให้น้องสาวของพวกเธอได้แล้วนะ”
ทันทีที่ได้ยิน ดวงตาของสองสาวน้อยมังกรก็สว่างวาบด้วยความตื่นเต้น
มูนที่ถือส้อมกับมีดอยู่ถามเสียงใส “ชื่ออะไรคะ ชื่ออะไร!”
“ออโรร่า” รอสไวส์ตอบ “เป็นคำพ้องเสียงกับคำว่า ‘Aurora’ ที่แปลว่าแสงเหนือ และยังหมายถึงรุ่งอรุณด้วย”
โนอากับมูนไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลยที่พ่อกับแม่สุดท้ายไม่ได้เลือกชื่อว่า ‘เบลซ’ หรือ ‘สตาร์’ ให้กับน้องสาว
ตรงกันข้าม ทั้งคู่กลับรู้สึกว่าชื่อออโรร่านั้นเหมาะสมกับน้องสาวที่สุดแล้ว
“ชื่อนี้เพราะจังเลยค่ะ คุณพ่อเป็นคนคิดหรือคุณแม่เหรอคะ?” โนอาถาม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พลเอกลีออนก็รู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันที
ลูกพ่อช่างรู้ใจ… พ่อขอประกาศแต่งตั้งเธอเป็นผู้เล่นสนับสนุนยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลนี้เดี๋ยวนี้เลย!
ลีออนยืดอกอย่างภาคภูมิใจ พลางพูดด้วยน้ำเสียงพึงพอใจว่า “แน่นอนอยู่แล้ว พ่อเป็นคนคิดชื่อเอง เรื่องสุนทรียะกับจินตภาพน่ะ แม่เธอยังสู้พ่อไม่ได้หรอก”
ทันใดนั้น สองสาวน้อยมังกรก็หันไปมองพ่อด้วยสายตาชื่นชม ตาโต ๆ ของพวกเธอเต็มไปด้วยความยกย่องที่มีต่อคุณพ่อ
อืม ใช่เลย สายตาแบบนั้นแหละ
ตลอดชีวิตของลีออน เขาตามหาสายตาเพียงสองแบบ—แบบแรกคือสายตาชื่นชมจากลูกสาว ส่วนอีกแบบคือสายตารังเกียจจากแม่มังกรผู้ยิ่งใหญ่
ตอนนี้เขาได้สายตาชื่นชมแล้ว ส่วนสายตารังเกียจนั้น…
เขาพยายามกดมุมปากที่ยกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ แล้วค่อย ๆ หันไปมองรอสไวส์ที่นั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะ
ที่นั่น ราชินีมังกรเงินกำลังเอนกายพิงพนักเก้าอี้อย่างสบาย ๆ ขาที่ยาวสง่างามไขว่ห้าง มือข้างหนึ่งเท้าคาง อีกข้างถือส้อมคีบเบคอนในจานอย่างอ้อยอิ่ง
เมื่อเห็นลีออนมองมา ราชินีก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะกลอกตาด้วยท่าทีหมดคำจะพูด
อา~~~
นั่นแหละ กลอกตานั่นแหละ ความรังเกียจนั่นแหละ ช่างน่ารื่นรมย์เหลือเกิน~~~
ลีออนถอนสายตากลับมาพร้อมรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็ลงมือทานอาหารเช้าต่อไป ในใจพลางครุ่นคิดอย่างเงียบงันว่า เช้านี้ช่างเปี่ยมสุขเหลือเกิน
“ออ…ออออออโรร่า…” มูนพยายามออกเสียงชื่อน้องสาวให้ถูกต้อง
โนอารีบแก้ให้ข้าง ๆ “ออโรร่า”
มูน (..•˘_˘•..): “ออ…โนร่า…”
โนอา: “ออร-, โรร-, ร่า”
มูน (๑•́ ₃ •̀): “ออรโนร่า”
โนอา: “ออ-, โรร-, ร่า”
มูน ( ˘•灬•˘ ): “ออโรลาลาล่า”
โนอาสูดหายใจแรง ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวน้องสาวเบา ๆ “ไม่เป็นไรหรอกมูน กินข้าวเถอะ”
มูน: TAT
“คุณพ่อคุณแม่ พวกเราตั้งชื่อเล่นให้น้องกันเถอะค่ะ” โนอาเสนอ
มูนพยักหน้าแรงราวกับจะยกมือ ยกเท้า แล้วยกหางขึ้นมาสนับสนุนพี่สาวด้วยความเต็มใจ ก็แน่ละ ชื่อเต็มของน้องสาวน่ะ ออกเสียงยากเกินไปสำหรับเธอจริง ๆ
คู่สามีกับภรรสมองสบตากันโดยไม่ต้องพูดก็เข้าใจ ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องคัดค้านอยู่แล้ว
รอสไวส์หันไปมองลีออนด้วยรอยยิ้มขี้เล่น “ที่รัก ไหนบอกว่าคุณมีหัวศิลป์นักหนา ลองตั้งชื่อเล่นให้น้องตรงนี้เลยสิ”
“เฮ้ย เธอนี่—”
“จริงค่ะคุณพ่อ ตั้งชื่อเล่นน่าจะง่ายกว่าตั้งชื่อจริงเยอะเลยใช่ไหมคะ?”
“เอ่อ คือว่า…”
ลีออนทำหน้าเหมือนถูกต้อนจนมุม รอสไวส์เห็นแล้วก็เอามือป้องปากหัวเราะเบา ๆ
สุนทรียะอะไรนั่นนะ ก็อาจจะเหนือกว่านิดหน่อยแหละ เจ้าบ๊องเอ๊ย ที่ตอนนั้นคิดชื่อดี ๆ ให้น้องสาวได้น่ะ ก็เพราะบรรยากาศตอนจากลากำลังพาไปต่างหาก ทีตอนนี้ให้ตั้งอีกชื่อ ดูสิ ทำไม่ได้ละสิ? ทำไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?
โต๊ะอาหารเงียบลงครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เป็นรอสไวส์ที่เอ่ยขึ้นก่อน
“เรียกเธอว่า ‘ลิตเติลไลท์’ ดีไหม ชื่อเล่นน่ะ สอดคล้องกับชื่อออโรร่าด้วย”
มูนไม่มีข้อโต้แย้ง “ลิตเติลไลท์ก็ดีจริง ๆ นะคะ~”
ขอแค่เป็นชื่อที่เธอออกเสียงได้ก็ถือว่าเป็นชื่อดีทั้งนั้นแหละ!
ส่วนโนอานั้น แน่นอนว่าไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ เช่นกัน
และแล้ว ทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นของลูกสาวคนเล็กก็ได้รับการตัดสินเป็นที่เรียบร้อย คู่สามีกับภรรยาต่างก็รู้สึกโล่งอกไปไม่น้อย
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ เชอร์ลี่ก็อุ้มลูกสาวคนเล็กเข้ามาหา
ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่วัน ดวงตาของลิตเติลไลท์กลับดูเป็นประกายยิ่งขึ้น และภาษากายของเธอก็มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าเดิม
เมื่อเห็นลีออนกับรอสไวส์ ลิตเติลไลท์ก็เริ่มส่งเสียงอ้อแอ้ พร้อมกับยื่นมือเล็ก ๆ อันน่ารักไปหาพ่อกับแม่
หางสีชมพูของเธอก็สะบัดดุ๊กดิ๊กอยู่ข้างหลังอย่างร่าเริง
รอสไวส์รีบอุ้มลิตเติลไลท์เข้ามาในอ้อมแขน กอดแน่นไว้แนบอก เมื่อได้สัมผัสถึงอ้อมกอดของแม่ ลิตเติลไลท์ก็รู้สึกปลอดภัยขึ้นทันที เธอคว้าผมของรอสไวส์ไว้ตามเคย พร้อมกับกระพริบตาโตสวยใส่มารดาอย่างไร้เดียงสา
นับตั้งแต่วันเกิดมา สีตาของลิตเติลไลท์ก็ค่อย ๆ ชัดเจนขึ้น เป็นสัญญาณว่าการเจริญเติบโตเป็นไปตามปกติ แต่ถึงอย่างนั้น คู่สามีกับภรรยากลับไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไรนัก
ลีออนมองดวงตาสีชมพูอ่อนคู่นั้น ขมวดคิ้วนิด ๆ ก่อนจะลูบคางแล้วพูดอย่างครุ่นคิด “ขนกับหางเหมือนแม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่นี่กระทั่งสีตาก็เริ่มคล้ายพี่สาวของเธออีกแล้วเหรอ?”
รอสไวส์บีบแก้มหยุ่น ๆ ของลิตเติลไลท์เบา ๆ “ยังไม่ถึงกับเหมือนหรอก พี่สาวฉันน่ะตาแดงสดเลย แต่ของลิตเติลไลท์ออกไปทางชมพูมากกว่านะ จริงไหมคะ ลิตเติลไลท์? หืม?”
การพูดคุยฝ่ายเดียวกับทารกที่ยังไม่สามารถสื่อสารได้เป็นปกติ เป็นพฤติกรรมที่ลีออนเคยคิดว่ามีแค่แม่มือใหม่เท่านั้นที่จะทำ ใครจะคิดล่ะว่าแม้แต่รอสไวส์ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
ถึงขนาดนี้แล้ว นักล่ามังกรก็เริ่มสงสัยอย่างจริงจังว่า นิสัยรักการต่อสู้ของพวกเผ่ามังกรนั้น จริง ๆ แล้วเกิดจากการที่พวกเธอมีลูกไม่พอหรือเปล่า
งั้นถ้าจะปราบมังกรเงินให้สิ้นซากโดยไม่ต้องเสียทหารแม้แต่คนเดียว วิธีที่ดีที่สุดก็คงต้องรีบขอให้ราชินีของพวกเธอคลอดลูกทีเดียวสามคน…
ลีออนส่ายหัวเพื่อปัดเป่าความคิดสับสนวุ่นวายออกไปจากสมอง
ในตอนนั้นเอง สองพี่น้องโนอาก็กำลังจะพาลิตเติลไลท์ออกไปเล่น
“ระวังด้วยนะ อย่าหกล้มล่ะ” รอสไวส์เตือน
“รู้แล้วค่า แม่!”
เมื่อลูกสาวพากันออกไปเล่นแล้ว คู่สามีกับภรรยาก็พากันกลับเข้าไปในห้องของรอสไวส์ แอนนาเองก็ช่วยดูแลเรื่องระบายอากาศและทำความสะอาดห้องของฝ่าบาทอยู่เสมอ ช่วงนี้บ้านจึงสะอาดเอี่ยมและไม่มีกลิ่นแปลก ๆ แต่อย่างใด
รอสไวส์ถอดรองเท้า แล้วเดินเท้าเปล่าไปที่ตู้เสื้อผ้า ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าออกมาสองสามชุดแล้วโยนให้ลีออน “ไปเปลี่ยนในห้องน้ำซะ”
ลีออนรับชุดไว้ได้อย่างมั่นคง “ครับ ๆ”
พูดตามตรง บางคู่ก็ช่างประหลาดเสียจริง ลูกก็มีตั้งสามคนแล้ว แต่ตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ยังต้องหลบกันอยู่เลย ให้ตายสิ จะให้ประเมินยังไงดีล่ะ
หลังจากลีออนเดินเข้าไปในห้องน้ำ รอสไวส์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดลำลองสะอาด ๆ เช่นกัน
ไม่เปลี่ยนเสื้อผ้ามาตั้งห้าวัน สำหรับคนที่มีนิสัยรักความสะอาดอยู่บ้างอย่างเธอแล้ว ถือว่าเกือบทนไม่ไหว โดยเฉพาะช่วงห้าวันที่ว่ามานี้ เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในป่าด้านนอกจักรวรรดิ แถมนอนกลางดินกินกลางดาวอีกต่างหาก
กลางคืน เธอต้องคอยระวังหน่วยลาดตระเวนล่ามังกร— ไม่ใช่เพราะกลัวจะต้องปะทะกับพวกมนุษย์เหล่านั้น แต่เพราะหากถูกพบเข้า เธอคงไม่สามารถอยู่รอตรงนั้นเพื่อเจอกับลีออนได้อีก
หากย้อนกลับไปทบทวนชีวิตกว่าสองร้อยปีที่ผ่านมา เธอไม่เคยมีใครที่ทำให้เธอต้องลดตัวลงมาขนาดนี้เลย คนแค่ถูกจับขังไว้แท้ ๆ ยังทำให้เธอเห็นคุณค่าได้ถึงเพียงนี้… มันช่างน่าขันสิ้นดี
“ฮึ ลีออน แคสมอด ครั้งนี้ถ้านายกลับมาแล้วล่ะก็ อย่าคิดนะว่าจะจากไปง่าย ๆ แบบเดิมได้อีก!”
บท 196: ยัยมังกรอยากให้ผมสารภาพรัก
ทั้งสองหาชุดสะอาดมาได้ แล้วผลัดกันเข้าไปอาบน้ำ—คนหนึ่งเข้า คนหนึ่งรอ ไม่ได้อาบพร้อมกัน เพราะไม่อยากทำกิจกรรมหนักหลังอาหารเช้า ซึ่งอาจไม่ดีต่อร่างกายและทำให้ปวดท้องได้
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ล้างความเหนื่อยล้าสะสมตลอดห้าวันที่ผ่านมา ทั้งคู่ก็ปีนขึ้นเตียงอย่างสบายใจ เดิมทีตั้งใจจะนอนพักเอาแรง
แต่ความเหนื่อยกับความง่วงเป็นคนละเรื่องกัน พอนอนลงจริง ๆ กลับรู้สึกได้แค่ความอ่อนเพลียในร่างกาย แต่หัวใจกลับไม่เรียกร้องการหลับใหล
บางทีอาจเป็นเพราะการ “พรากจาก” กันในช่วงที่ผ่านมา ทั้งสองคนเลยไม่อยากใช้เวลาช่วงแรกของการกลับมาอยู่ด้วยกันไปกับการนอนหลับ
บนเตียง ทั้งสองคนอยู่ในท่าที่คล้ายกันอย่างน่าประหลาด พิงหัวเตียง มือประสานวางบนหน้าท้อง โดยมีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่กับตัวเล็กวางอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขา
รอสไวส์เท้าเปล่า จ้องมองปลายเท้าเรียวของตัวเองอย่างเหม่อลอย ขยับนิ้วเท้าเล่นไปมาเหมือนกำลังฆ่าเวลา หรือไม่ก็อาจกำลังรอให้ลีออนเป็นฝ่ายเปิดประเด็น
เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ รอสไวส์เหลือบตามองนาฬิกาบนผนัง—เก้าโมงแล้ว ถ้ายังไม่พูดอะไรสักอย่างอีก ไม่นานเช้านี้ก็คงหลุดลอยไป
เธอหันไปมองนักล่ามังกรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ซึ่งกำลังจ้องเท้าอยู่แบบไร้อารมณ์—แต่ไม่ใช่เท้าของตัวเองหรอกนะ เขากำลังจ้องเท้าของรอสไวส์ต่างหาก
เฮ้อ… ดูท่าจะหวังให้เขาเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาไม่ได้จริง ๆ
รอสไวส์เหยียดขาออก แล้วยื่นเท้าเย็น ๆ ไปแตะลีออนเบา ๆ
“อะไรเหรอ?” ลีออนตอบด้วยน้ำเสียงขี้เกียจ แต่สายตาก็ยังไม่ละจากเท้าของรอสไวส์
“โรคบ้าหลงเท้า”
“……เปล่าสักหน่อย”
“ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมนายถึงเอาแต่จ้องเท้าฉันล่ะ?”
“งั้นฉันจะให้มองอะไรล่ะ?” ลีออนยักไหล่แบบหมดหนทาง
อืม… ก็จริงของเขา
ห้องของราชินีตกแต่งแบบมินิมอล ไม่มีของประดับฟุ่มเฟือยให้มองเล่น และตอนนี้ลีออนก็เหนื่อยเกินกว่าจะหลับลง
ถ้าจะต้องเสียเวลามานั่งจ้องกำแพงโล่ง ๆ ที่ทั้งน่าเบื่อและไร้ชีวิตชีวา เขาก็ขอเลือกชื่นชมเท้าของภรรยาในนามของตัวเองดีกว่า เผื่อจะได้เพิ่มรสนิยมทางศิลป์ขึ้นมาบ้าง
แบบนี้จะเรียกว่าโรคหลงเท้าเหรอ?
ไม่ใช่หรอก
นี่มันเรียกว่า “ใช้เวลากับเท้า”—เอ่อ ไม่สิ ใช้เวลาอยู่ “บนขอบ” ต่างหาก
รอสไวส์ส่งเสียงในลำคอเบา ๆ แล้วยกขาขึ้นมาวางบนขาของลีออน น่องนุ่ม ๆ ของเธอไม่เย็นเท่าไรนัก ทั้งเรียบลื่นและเนียนละเอียด เมื่อเสียดสีกับผิวของลีออนก็ให้ความรู้สึกสบายอย่างประหลาด
แต่ลีออนกลับไม่เล่นด้วย
เขารีบดึงขากลับ—แล้วเอาขาไปกดทับขาของรอสไวส์แทน
รอสไวส์เลิกคิ้ว มองลีออนตาเขม็ง แล้วบิดตัวไปด้านข้าง ใช้ขาอีกข้างกดทับขาของลีออนกลับบ้าง
เป็นท่าประกบแบบบนล่าง
โอ้โห… เล่นกันแรงขึ้นเรื่อย ๆ เลยสินะ
แน่นอนว่า พลเอกลีออนจะไม่มีวันถอยหนี เขาพร้อมจะเล่นให้ถึงที่สุด
เขาหันตัวไปด้านข้าง เผชิญหน้ากับรอสไวส์ จากนั้นก็เอาขาอีกข้างพาดซ้อนขึ้นไปอีกชั้น
ร่างท่อนบนของทั้งสองอยู่ในระยะชิดจมูกชนจมูก ลมหายใจสอดประสาน หน้าอกแนบแน่นเข้าหากัน ส่วนขาทั้งสี่ข้างพันกันยุ่งเหยิงราวกับเกลียวเพรทเซล
ลีออนยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ผมชนะ ขาผมอยู่ข้างบน”
ราชินีส่ายหน้าแล้วส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นชา “อย่าเพิ่งดีใจไป ใครบอกว่าเราจะใช้ได้แค่ขาล่ะ?”
ลีออนกระพริบตาปริบ ๆ ในใจเริ่มสงสัยว่าเจ้ามังกรตัวนี้ยังมีลูกเล่นอะไรอีก
ขณะเขากำลังงุนงงอยู่นั้น เขาก็เห็นหางสีเงินของเธอค่อย ๆ ยกขึ้นสูงด้านหลัง แล้ว—ฟึ่บ!—ตวัดมาตีเข้าที่ขาข้างบนของลีออนอย่างจัง
ลีออนสะดุ้งเฮือกเพราะความเจ็บ ขบฟันแน่น
รอสไวส์หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เธอเอื้อมมือมาประคองใบหน้าของนักล่ามังกรไว้ ทำทีเป็นมองอย่างแสนรัก “เห็นไหมคะ ที่รัก ว่าการมีหางมันสะดวกแค่ไหน เดี๋ยวฉันหามาให้นายใช้สักเส้นดีไหม?”
ลีออนสะบัดขาออก คลาย “เพรทเซล” พันกันให้หลุด แล้วพลิกตัวนอนหงายหันหลังให้เธอ
“ไม่ต้องหรอก”
“เชอะ งั้นก็ช่างมัน” รอสไวส์สวนกลับทันควัน
เธอพลิกตัวตามไปเช่นกัน พร้อมกับโอบหางของตัวเองไว้ แล้วใช้ปลายนิ้วดีดปลายหางเบา ๆ อย่างภาคภูมิใจ
สักพัก รอสไวส์ก็ถามขึ้นว่า “ว่าแต่นายหนีออกมาจากจักรวรรดิได้ ก็คงกลับมาที่นี่เพราะฉันใช่ไหม?”
“นอนอยู่บนเตียงของเธอแบบนี้ คำตอบก็ชัดอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” ลีออนตอบ
“ไม่เอาคำตอบแบบอ้อม ๆ ฉันอยากได้คำตอบตรง ๆ” รอสไวส์ละมือจากหาง แล้วลุกขึ้นมามองเขาตรง ๆ “นายลำบากลำบนหนีออกมาจากจักรวรรดิ ก็เพื่อจะกลับมาหาฉันใช่ไหม?”
ลีออนนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบอย่างหนักแน่นว่า “ไม่ใช่”
ราชินีขมวดคิ้วทันที “แล้วทำไม?”
“มาตามหาลูกสาว”
ในวินาทีต่อมา ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่บนเตียงก็ถูกกดลงบนหน้าของลีออนอย่างแรง
“สักวันฉันจะเอาปากของนายไปตีเป็นเกราะที่แข็งที่สุดในโลกเลยคอยดู!”
“งั้นฉันจะเอาปากของเธอมาหลอมเป็นอาวุธสำหรับเกราะนั่น!”
คู่สามีภรรยาบนเตียงเริ่มปล้ำหยอกกันอย่างสนุกสนาน
หลังจากหัวเราะและเล่นกันอยู่พักหนึ่ง ลีออนก็ยกตุ๊กตาหมีออกจากใบหน้า
“จริง ๆ แล้ว สิ่งที่เธอเดาก่อนหน้านี้ก็ถูกนะ จักรวรรดิทำข้อตกลงร่วมมือกับคอนสแตนตินไว้จริง ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น รอสไวส์ก็ไม่ได้แสดงอาการประหลาดใจมากนัก เธอแค่นั่งลงข้างลีออน กอดตุ๊กตาหมีไว้ในอ้อมแขน แล้วพูดเบา ๆ ว่า “แสดงว่าเจ้ามังกรคลั่งร่วมมือกับมนุษย์จริง ๆ สินะ…”
ลีออนพยักหน้า “ใช่ จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาในการโจมตีวิหารมังกรเงินของพวกเธอ จริง ๆ แล้วคือการกำจัดผมต่างหาก จักรวรรดิรู้ว่าผมรอดจากการลอบสังหารเมื่อสามปีก่อน ถ้าผมกลับไป พวกเขากลัวว่าจะไปเจอความลับบางอย่างเข้า เลยต้องรีบจัดการให้สิ้นซาก”
“แต่… พวกเขาร่วมมือกันไปเพื่ออะไร? แล้วร่วมมือกันมานานแค่ไหนแล้ว?” รอสไวส์ถามต่อ
“ตรงนั้นก็ไม่แน่ใจ อาจารย์อกว่าเราต้องเปิดโปงแผนการของจักรวรรดิ แต่เราทุกคนไม่สามารถอยู่ในจักรวรรดิพร้อมกันได้ ผมเลยต้องกลับมาที่เผ่ามังกร แบบนี้จะไม่เพียงแค่ความปลอดภัย แต่ยังสามารถเปิดโปงความจริงที่จักรวรรดิพยายามปกปิดได้ด้วย”
ลีออนอธิบายว่า “อาจารย์สืบอยู่ในจักรวรรดิ ส่วนผมก็รวบรวมข่าวจากฝั่งเผ่ามังกร เราสองคนจะแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทุกสามเดือนที่ถ้ำซึ่งอาจารย์เคยใช้หลบซ่อน”
เมื่อได้ฟังแผนของลีออนกับอาจารย์ รอสไวส์ก็เลิกคิ้วขึ้น “เวลานัดหมายกับสถานที่แลกเปลี่ยนข้อมูลฟังดูไม่เหมือนเป็นแผนที่นายคิดเองเลยนะ?”
ลีออนยิ้มกว้าง “ก็เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จะต้องแยกว่า ‘ของเธอ’ หรือ ‘ของผม’ ไปทำไมกันล่ะ?”
ใบหน้าของรอสไวส์แดงระเรื่อทันที เธอยกตุ๊กตาหมีเคาะหน้าอกของลีออนเบา ๆ “หยุดพูดไร้ยางอายได้แล้ว ใครบอกว่าเราเป็นครอบครัวกันฮะ?”
ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าแดง ๆ ของรอสไวส์กลับเปลี่ยนเป็นเย็นชาในพริบตา เหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้
“อ๋อ เข้าใจแล้วล่ะ งั้นแปลว่า แคสมอด ถ้านายไม่ได้สืบคดีเกี่ยวกับจักรวรรดิกับคอนสแตนติน นายก็คงไม่คิดจะกลับมาที่นี่เลยใช่ไหม? หมายความว่าอย่างนั้นใช่ไหม? ใช่ไหมล่ะ?”
ลีออนกระพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง สงสัยว่าแม่มังกรผู้ยิ่งใหญ่นี่จะยังคงเรื่องมากและขี้งอนอยู่แบบนี้ ทั้งที่ผ่านการตั้งท้องมาแล้วตั้งสิบเดือน เขาเหลือบตามองรอสไวส์ ดวงตาสีเงินงามคู่นั้นเต็มไปด้วยความน้อยใจระคนขุ่นเคือง
ในใจของลีออนเริ่มรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย ก่อนจะลองเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “แม่มังกร… เธอไม่ใช่ว่า… คิดถึงฉันจริง ๆ หรอกใช่ไหม?”
ถ้าลีออนต้องไปสมัครงานขึ้นมา ประวัติย่อของเขาคงมีทักษะพิเศษอยู่สามข้อ:
หนึ่ง ล่ามังกร
สอง ดื้อหัวชนฝา
สาม ถามคำถามที่คำตอบมันชัดเจนอยู่แล้ว
แต่ตามสุภาษิตที่ว่าไว้ ทุกเหรียญย่อมมีสองด้าน เช่นเดียวกับลีออน รอสไวส์เองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่าย ๆ
“ฮึ คิดถึงนายงั้นเหรอ? ก็แค่ลูกสาวคิดถึงนายนั่นแหละ ไม่ว่าฉันจะหาเหตุผลอะไรมากลบเกลื่อน สุดท้ายพวกเธอก็ต้องจับได้อยู่ดีว่านายหายไปไหน นั่นแหละที่ทำให้ฉันอยากให้นายกลับมา แล้วนายยังกล้ามาพูดอีกว่าฉันคิดถึงนาย ช่างน่าขำสิ้นดี”
ปากของลีออนแทบจะเหวี่ยงขึ้นไปถึงเพดานด้วยความจนใจ “โอเค ๆ ทั้งหมดก็เพื่อลูกสาวแล้วกัน”
หลังจากโต้เถียงกันพอหอมปากหอมคอ ลีออนก็สังเกตว่าความน้อยใจในแววตาของแม่มังกรยังไม่จางหายไป เขาจึงคิดว่าควรจะตอบคำถามของเธอเมื่อครู่ให้จริงจังเสียที
“ถ้าทุกอย่างคลี่คลายหลังจากผมจัดการกับคนทรยศได้ ผมคิดว่า…ผมก็คงจะกลับมาอยู่ดี”
เขาหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบพูดต่อ “แต่อย่าเข้าใจผิดนะ ที่ผมบอกว่าจะกลับมา ไม่ได้แปลว่าผมจะอยู่ตลอดไปนะ บางทีผมก็ต้องกลับไปจักรวรรดิ ไปเยี่ยมอาจารย์ ไปหาศิษย์พี่ แล้วก็ลาน้อยตัวนั้นด้วย ยังไงก็…ขอแค่ไม่ให้ลูกสาวสงสัยก็พอใช่ไหม?”
เขาอธิบายสิ่งที่ทำลงไปอย่างคนหนุ่มที่กำลังตกอยู่ในห้วงรักช่วงวัยรุ่น—ซื่อซะจนเก้งก้าง แต่ก็เปี่ยมไปด้วยความตั้งใจจริง ทั้งยังพยายามไม่ให้คนฟังรับรู้ถึงเปลวไฟแห่งความรู้สึกที่แผดเผาอยู่ในใจ เพราะแบบนั้นมันไม่เท่
รอสไวส์มองลีออน จับจ้องความพยายามอย่างสุดความสามารถของเขาในการถ่ายทอดความรู้สึกภายใน ขณะที่ความภาคภูมิใจในตนเองยังคงบีบคั้นไม่ให้เขาพูดมันออกมาตรง ๆ
เฮ้อ… ยังเด็กนัก ฉันจะไม่ถือสานายก็แล้วกัน
“อ้อ เข้าใจแล้วล่ะ” รอสไวส์ตอบเรียบ ๆ
“เข้าใจ…อะไร?” ลีออนถามกลับ
นายไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นแหละ
อย่าทำเป็นเข้าใจเลย!
รอสไวส์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย มือทั้งสองวางพิงบนเตียง ร่างของเธอโน้มเข้ามาใกล้ใบหน้าของลีออน ดวงตาสีเงินสบเข้ากับดวงตาสีเข้มของเขา แล้วเอ่ยเบา ๆ ว่า “พูดง่าย ๆ เลยนะ…คือนายทนอยู่โดยไม่มีฉันไม่ได้ ใช่ไหมล่ะ?”
หัวใจของนักล่ามังกรสะดุดวูบ เขารีบคว้าตุ๊กตาหมีข้างตัวมายัดไว้กลางระหว่างเขากับรอสไวส์
“ไร้สาระ! การที่นายบอกว่าฉันทนไม่ได้ถ้าไม่มีนาย ยังฟังดูน่าเชื่อกว่าที่ผมจะทนไม่ได้ถ้าไม่มีคุณอีก!”
“เหรอ? งั้นนายต้องอดทนไว้นะ ห้ามเผลอเปิดใจให้ฉันเด็ดขาด ห้ามเล่าอะไรส่วนตัวให้ฟัง…หรือแย่ที่สุด ห้ามมาสารภาพรักกับฉันล่ะ ไม่งั้นฉันอาจจะ…”
“อาจจะอะไร?”
“อาจจะปฏิเสธนายอย่างโหดร้าย~ ลองคิดดูสิว่านายจะน่าสมเพชแค่ไหน ถ้าฉันปฏิเสธแล้วนายร้องไห้~”
ลีออนหรี่ตาลง “รอดูเลย ยัยมังกร ถึงวันสิ้นโลก ถึงจักรวาลจะถล่มลงมา เธอไม่มีวันได้ยินผมเปิดใจให้ ฟังความลับจากผม หรือ…รับคำสารภาพรักจากผมเด็ดขาด”
บท 197: ถึงเวลาเดท
หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก บทสนทนาก็วกกลับไปที่ลูกสาวของพวกเขาอีกครั้ง ลีออนนึกถึงสายตาชั่วครู่ที่โนอามองเขาเมื่อตอนเช้าตอนเขากลับมาถึงบ้าน มันเหมือนกับว่าเธอกำลังถามว่า “พ่อจะไม่ทิ้งหนูไปอีกใช่ไหม?”
แม้จะยังเด็ก แต่โนอาก็มักสวมบทบาท “พี่สาวที่เป็นผู้ใหญ่” เสมอ แน่นอนว่าย่อมต้องแบกรับความคิดต่าง ๆ ไว้มากกว่าน้อง ๆ ครั้งนี้ลีออนกับรอสไวส์ออกจากบ้านไปถึงห้าวัน
แม้ว่าแอนนาจะดูแลเรื่องต่าง ๆ อย่างดี แต่ในฐานะเด็กที่มีความรู้สึกไวอย่างโนอา เธอก็คงสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่ ๆ ลีออนจึงเริ่มคิดว่า เขาควรหาโอกาสคุยกับโนอาให้ดีสักครั้งหรือเปล่า?
แต่ถ้าเขาเข้าไปพูดตรง ๆ มากเกินไป ด้วยนิสัยของเธอ เธอก็คงจะคิดมากยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากไตร่ตรองอยู่พักใหญ่ ลีออนก็คิดแผนใหม่ขึ้นมาได้
“เมื่อคราวก่อนเราเคยพูดกันเรื่องไปเที่ยวทะเลใช่ไหม? งั้นมานัดวันกันเถอะ” ลีออนเสนอ
รอสไวส์เอนตัวพิงหัวเตียง เล่นตุ๊กตาหมีไปพลาง พูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “นักสืบแคสมอดไม่ใช่เหรอ? กำลังไขปมสมคบคิดระหว่างจักรวรรดิกับเผ่ามังกรอยู่แท้ ๆ ยังจะมีเวลาว่างมาเที่ยวทะเลกับแม่ลูกด้วยเหรอ?”
ลีออนผลักไหล่เธอเบา ๆ อย่างหงุดหงิด “ระวังคำพูดหน่อย”
รอสไวส์หัวเราะเบา ๆ วางตุ๊กตาหมีลงแล้วหันไปมองลีออน
“จะไปทะเลก็ดีอยู่แล้วนี่ ก็เราสัญญากับเด็ก ๆ ไว้แล้วนี่นา แต่เราต้องเตรียมชุดว่ายน้ำใหม่สักหน่อยนะ”
“ชุดว่ายน้ำใหม่?”
“ก็ใช่น่ะสิ ที่เรามีอยู่ก็แค่ชุดที่ใส่ไปแช่น้ำพุร้อนคราวก่อนนั่นแหละ”
เหตุการณ์ที่น้ำพุร้อน… โอ้ ลีออนจำได้ดี มันคือชุดว่ายน้ำสีดำที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่จริง ๆ แล้วละลายน้ำได้แถมยั่วสายตาสุด ๆ แค่คิดถึงก็ขนลุกแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพราะชุดว่ายน้ำนั่นที่ยั่วเกินต้าน ลีออนกับรอสไวส์ก็คงไม่เผลอไปเล่น “ภารกิจพิชิตรอยมังกร” กันในบ่อน้ำพุร้อน ถ้าไม่ได้เล่นภารกิจนั้น ก็คงไม่จูบกันแบบสับสนปนหลงใหล
และถ้าไม่ได้จูบกันด้วยความสับสนหลงใหล ตอนนี้พวกเขาก็คงไม่หาข้ออ้างจูบกันเป็นระยะ ๆ หรือรู้สึกแปลก ๆ ถ้าเกิดอาการ “อยาก” ขึ้นมาแต่ไม่ได้ทำ
“อืม งั้นก็ควรซื้อใหม่สักสองสามชุดจริง ๆ แหละ” ลีออนตอบรับ ก่อนจะหยุดคิดนิดหนึ่งแล้วถามต่อ “ว่าแต่…ชุดตัวเก่านั่นน่ะ เธอทิ้งไปหรือยัง?”
“ทำไมล่ะ?” รอสไวส์ยิ้มเจ้าเล่ห์ “หรือนายอยากให้ฉันใส่มันอีกรอบให้ดู?”
หน้าของลีออนขึ้นสีทันที แค่คิดถึงภาพรอสไวส์ในชุดว่ายน้ำบางเฉียบยั่วตาในบ่อน้ำพุร้อนตอนนั้นก็ยังตราตรึงอยู่ในใจ หุ่นของเธอที่เพอร์เฟกต์อยู่แล้ว บวกกับท่าทีเย็นชาเป็นปกติ แต่กลับยิ่งดูเย้ายวนเวลาอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น มันช่างเป็นภาพที่ลืมไม่ลงจริง ๆ
ลีออนรีบสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่าน แล้วตอบกลับอย่างลนลานว่า “ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น อย่าพูดอะไรแบบนี้สิ”
แน่นอนว่า รอสไวส์ในน้ำพุร้อนตอนนั้นสวยจนตะลึง แต่ลีออนไม่อยากให้เหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด
มังกรน้อยตัวจิ๋วจะมายั่วผมด้วยชุดว่ายน้ำผ้าบางดำ ๆ งั้นเหรอ? ไม่มีทาง! ไม่มีวันเด็ดขาด!
“จริง ๆ แล้วฉันยังเก็บชุดนั้นไว้อยู่นะ แต่ถ้านายไม่อยากเห็นอีก ฉันก็จะโยนมันทิ้งซะเลยก็แล้วกัน~” รอสไวส์พูดยั่ว
“ฮึ คิดจะหลอกผมเหรอ? ไม่มีทาง! ถ้าเธอจะทิ้งก็เชิญ ผมไม่สนหรอก!”
“ฮ่า ๆ ใจแข็งเหมือนกันนี่ แต่อย่ามาแอบคุ้ยถังขยะของฉันทีหลังนะ ไอ้โรคจิต”
ลีออนเหลือบตามองเธอแวบหนึ่ง ไม่เสียเวลาเถียงต่อ ลุกขึ้นจากเตียงทันที
“จะไปไหน?” รอสไวส์ถาม
“ไปเล่นกับลูก”
“ตอนบ่ายไปกับฉันหน่อย จะไปซื้อเสื้อผ้า”
“ไปเองสิ”
“ถ้าฉันจะไปเอง แล้วจะมีสามีปลอม ๆ อย่างนายไว้ทำไมกันล่ะ?”
ลีออนเดินไปทางประตู โบกมือลอย ๆ ด้านหลังขณะตอบว่า “รู้แล้ว ๆ ตอนบ่ายกี่โมง?”
“น่าจะประมาณบ่ายสอง จำไว้ว่าต้องกลับมาล่ะ”
“โอเค”
อาจารย์เคยกล่าวไว้ว่า ในโลกนี้ นายสามารถปฏิเสธคำขอของใครก็ได้ ยกเว้นตอนที่ผู้หญิงขอให้นายไปช้อปปิ้งด้วย นั่นแหละ ปฏิเสธไม่ได้เด็ดขาด
ลีออนเคยถามว่าทำไม อาจารย์ตอบว่า เวลาผู้หญิงบอกให้ไปช้อปด้วยน่ะ มันไม่ใช่การ “ขอ” แต่มันคือการ “แจ้ง” ถ้านายดื้อแพ่งไม่ยอมไป ชีวิตหลังจากนั้นจะไม่มีวันสงบสุข
อาจารย์เป็นคนที่ผ่านเรื่องแบบนี้มามาก ลีออนจึงตัดสินใจทำตามคำสอน แค่สงสัยอยู่ในใจว่า ภรรยาของอาจารย์ต้องอดทนกับเขาขนาดไหน ถึงได้ถ่ายทอดภูมิปัญญาชีวิตที่มีคุณค่านี่ออกมาได้… อา มนุษย์นี่ก็เติบโตกันรุ่นต่อรุ่นจริง ๆ (ถอนหายใจ)
ลีออนเดินไปยังสวนหลังวิหาร แต่กลับพบแค่มูนกำลังเล่นเกมแลบลิ้นกับแสงน้อย ไม่เห็นโนอาอยู่ด้วย
ลีออนเดินเข้าไปถามว่า “มูน พี่ไม่ได้มาด้วยเหรอ?”
มูนเงยหน้ามองพ่อ “พี่บอกว่าจะไปลานฝึกค่ะ”
อา…โหมดหนอนหนังสือกลับมาอีกแล้ว
ลีออนลูบหัวลูกสาวเบา ๆ “งั้นลูกเล่นกับน้องไปก่อนนะ เดี๋ยวพ่อไปหาพี่สาว”
มูนพยักหน้าอย่างว่าง่าย “ค่ะ~”
ลีออนหันหลังแล้วมุ่งหน้าไปยังลานฝึก อย่างที่คิดไว้ โนอากำลังฝึกเวทมนตร์บทใหม่ที่เขาเคยสอนให้เมื่อไม่กี่วันก่อน เวทบทนี้มีระดับความยากสูง แม้แต่มังกรวัยรุ่นทั่วไปก็ยังต้องใช้เวลานานกว่าจะฝึกจนคล่อง
แม้ว่าโนอาจะมีพรสวรรค์เหนือกว่าเด็กทั่วไป แต่ในช่วงแรกของการฝึกก็ยังไม่เห็นผลมากนัก เธอพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหงื่อท่วมตัวไปหมด
“พักก่อนเถอะ โนอา”
ได้ยินเสียงนั้น โนอาก็หยุดร่ายเวทแล้วหันกลับมา “พ่อ…”
ลีออนเดินไปหาโนอาอย่างช้า ๆ ก่อนจะย่อตัวลงข้างเธอ “ฝึกหนักเกินไปจะทำให้ร่างกายเสียหายนะ ต้องรู้จักพักผ่อนให้สมดุลกันด้วย”
ขณะพูด เขาก็ค่อย ๆ ยกมือเล็ก ๆ ของโนอาขึ้นมาอย่างเบามือ จากการฝึกติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้วงเวทและกล้ามเนื้อในร่างกายของเธอเกิดความตึงเครียด แขนของเธอสั่นเล็กน้อย
ลีออนเองก็เคยผลักดันตัวเองแบบนี้มาก่อนตอนยังหนุ่ม จึงรู้ดีว่าร่างกายต้องแบกรับภาระหนักแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้น โนอายังอายุแค่สองขวบ ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของการพัฒนาร่างกาย การบาดเจ็บไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้เลย
“จะตั้งเป้าไว้สูงก็ไม่ผิดหรอกนะ แต่ต้องเรียนรู้แบบมีวิธีที่ถูกต้องและพอดี ไม่อย่างนั้นจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง”
ลีออนนวดแขนให้ลูกสาวเบา ๆ พลางมองตาเธอด้วยสายตาเป็นห่วง “อีกอย่าง ลูกเก่งกว่าเด็กวัยเดียวกันตั้งเยอะ ไม่จำเป็นต้องหักโหมขนาดนี้ก็ได้”
โนอาก้มหน้าลง มองมือลำแข็งแรงของพ่อเบา ๆ แล้วพูดเสียงแผ่ว “หนูไม่ได้พยายามจะเก่งกว่าใครแค่เพราะอยากเอาชนะหรอก…”
ลีออนกระพริบตา “แล้วทำไมถึงฝึกหนักแบบนี้ล่ะ?”
เธอบิดชายกระโปรงแน่น กำมือเล็ก ๆ ของตัวเองไว้ แล้วกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ ราวกับลังเลว่าจะพูดดีไหม สักพักหนึ่ง โนอาก็พูดออกมาว่า “ไม่มีอะไรหรอก หนูจะพักแน่นอนค่ะ พ่อคะ งั้นวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ”
เธอไม่อยากพูด และลีออนก็จะไม่บังคับให้เธอพูด
เห็นใบหน้าที่ดูอ่อนล้า ลีออนก็ยิ้มออกมา เอื้อมมือไปเช็ดแก้มให้ลูกสาว แล้วแบ่งปันข่าวดีให้เธอฟัง “อีกไม่กี่วันเราจะไปเที่ยวทะเลกันนะ”
ดวงตาที่เคยอ่อนล้าก็สว่างวาบขึ้นทันที “จริงเหรอคะ พ่อ?”
“จริงสิ แม่กับพ่อจะไปเผ่าตอนบ่ายนี้ไปซื้อชุดว่ายน้ำ ถ้าลูกอยากได้อะไร บอกพ่อได้นะ เดี๋ยวพ่อซื้อกลับมาให้”
โนอาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะไม่พูดถึงของที่อยากได้ แต่กลับถามว่า “นี่มันออกเดทใช่ไหมคะ พ่อ?”
“หะ? ไม่ใช่หรอก ไม่ได้เป็นเดทอะไรหรอก…ก็แค่ไปซื้อเสื้อผ้าธรรมดา”
โนอาเอียงคอเล็กน้อย “แต่หนูว่ามันคือเดทนะ ผู้หญิงน่ะจะไม่ไปเดินช้อปปิ้งกับผู้ชายง่าย ๆ หรอก เพราะงั้นนี่แหละคือเดท”
แม่ของลูกอายุกว่าสองร้อยปีแล้วนะ แล้วลูกยังเรียกว่า “ผู้หญิง” อยู่อีกเรอะ?
ลีออนบีบจมูกเล็ก ๆ ของลูกเบา ๆ “โอเค ๆ ถือว่าเป็นเดทก็ได้ จิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์ พอใจแล้วใช่ไหม?”
เวลาจะปากแข็งใส่ยัยมังกร ก็ไม่มีปัญหา
เพราะเขาไม่ใช่คนกลัวเมีย
แต่พออยู่ต่อหน้าลูกสาวเมื่อไร ปากก็อ่อนยิ่งกว่าปุยนุ่นเสียอีก
เพราะเขาคือทาสลูกสาว
โนอายิ้มกว้าง “งั้นหนูก็จะไม่รบกวนพ่อให้ซื้ออะไรให้หรอกค่ะ ตั้งใจออกเดทกับแม่ให้ดีนะคะ~”
ลีออนหัวเราะเบา ๆ แล้วอุ้มโนอาขึ้นมา
“ไปกันเถอะ ไปหาน้อง ๆ ของลูกมาเล่นด้วยกัน”
“ค่า~”
บท 198 ซื้อชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่
ตอนบ่ายตามที่ตกลงกันไว้ ลีออนก็พารอสไวส์ไปที่เผ่ามังกรเงินเพื่อซื้อชุดว่ายน้ำใหม่ จะว่าไป แม้เขาจะเป็นเจ้าชายของเผ่ามังกรเงินมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยออกมาช้อปปิ้งกับรอสไวส์ในเผ่ามาก่อนเลยสักครั้ง
โดยปกติ ถ้าต้องซื้อของอะไรที่ใช้ข้างนอก พวกเขาก็มักจะไปที่นครนภาโดยตรง
ที่นั่น ลีออนไม่ใช่เจ้าชาย และรอสไวส์ก็ไม่ใช่ราชินีแห่งมังกรเงิน ในสายตาของมังกรส่วนใหญ่ พวกเขาก็เป็นแค่คู่รักธรรมดาที่มีลูกสาวน่ารักสองคนเท่านั้น
เพราะฉะนั้น เวลาที่อยู่นอกบ้าน พวกเขาไม่จำเป็นต้องแสร้งทำตัวสนิทสนมกันก็ได้ เพราะไม่มีคนรู้จักมากนัก แต่ในบ้าน มันไม่เหมือนกัน
ถ้าจะออกไปไหนด้วยกัน ก็ต้องระมัดระวังในทุกก้าว เพื่อให้ชาวเผ่ามังกรเงินรู้สึกได้ถึงความรักอันลึกซึ้งของราชินีกับเจ้าชาย พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้องโปรย “อาหารหมา”—ต่อให้เป็นของปลอม ก็ต้องโปรย
แต่โชคดีที่พวกเขาสร้างครอบครัวปลอม ๆ นี้มานานพอสมควร ทั้งคู่ก็เก่งในเรื่องการแสดงอยู่แล้ว
บนเส้นทางเงียบสงบจากวิหารมังกรเงินไปยังเผ่า ทั้งคู่ก็จับมือกันอย่างรู้หน้าที่โดยไม่ต้องพูดอะไร
ที่จริงแล้ว รอสไวส์ค่อนข้างชอบการจับมือกับลีออน หรือจะพูดให้ชัดก็คือ ชอบสัมผัสจากฝ่ามือกว้างของเขา ฝ่ามือที่หยาบเล็กน้อยเพราะผ่านการใช้งานมามาก—มือของนักรบผู้มีประสบการณ์ และก็มีแค่มือแบบนี้เท่านั้นที่ทำให้รอสไวส์รู้สึกว่าเธอถูกพิชิตจริง ๆ
แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ มือของหมอนี่มักจะอุ่นอยู่เสมอ
อุณหภูมิที่พอดีสำหรับปรับสมดุลกับร่างกายที่เย็นโดยธรรมชาติของเธอ
ยังจำหน้าหนาวเมื่อปีก่อนได้ไหม? ตอนนั้นรอสไวส์เพิ่งตั้งท้องลิตเติ้ลไลท์ได้ไม่นาน ถึงจะกินดีอยู่ดี แต่ปัญหาร่างกายเย็นก็ยังไม่หาย
แม้จะอยู่ใต้ผ้าห่ม มือกับเท้าของเธอก็ยังเย็นเฉียบในบางครั้ง และช่วงเวลาแบบนั้น ลีออนก็คือหมอนอุ่นที่เปิดใช้งานได้ทันทีของเธอ
ให้ตายเถอะ การได้กอดใครสักคนที่ปากก็บ่นว่านายเกะกะ แต่สุดท้ายก็มานั่งอุ่นให้แบบตั้งใจเนี่ย มันสุดยอดจริง ๆ นะ!
แถมยังเป็นหมอนอุ่นที่มีกล้ามอีกต่างหาก ฮึ่ม ไม่ใช่แค่อุ่น แต่สัมผัสก็ดีสุด ๆ
แค่คิดย้อนไป รอสไวส์ก็อดยิ้มออกมาเบา ๆ ไม่ได้ ลีออนหันไปมองยัยมังกรข้างตัวด้วยสีหน้างุนงง
อะไรของเธอ เดินอยู่ดี ๆ แล้วหัวเราะคนเดียว? พอรู้สึกถึงสายตาของลีออน รอสไวส์ก็รีบกลั้นยิ้ม เปลี่ยนเป็นสีหน้าราบเรียบ แล้วพูดเบา ๆ ว่า “มองอะไรของนาย?”
“เมื่อกี้หัวเราะเหมือนเด็กสาวที่เพิ่งออกเดทครั้งแรกเลยนะ” ลีออนวิเคราะห์อย่างแม่นยำ
“แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าเด็กสาวออกเดทครั้งแรกหน้าตาเป็นยังไง? หรือนายเคยเดทกับคนอื่นก่อนหน้านี้?” แน่นอนว่าราชินีย่อมหาจุดเจาะทะลุได้เสมอ
“แน่นอน เคยสิ ทำไมล่ะ ห้ามหรือไง? เธอเป็นราชินีแล้วไง จะมาคุมได้ด้วยเหรอว่าผมเคยเดทกับใคร?”
ก่อนจะมาเจอรอสไวส์ นายพลลีออนเคยครองตัวเป็นโสดมาตลอดยี่สิบปีตั้งแต่เกิด อย่าว่าแต่เดทกับสาวเลย แค่การที่มีสาวมาสารภาพรัก เขายังมองว่าเป็นการเสียเวลาเสียอีก ถ้าไม่นับศิษย์พี่หญิงของเขา ก็ไม่เคยออกไปไหนกับผู้หญิงคนไหนแบบสองต่อสองเลย
แต่ในเมื่อราชินีมังกรเงินขี้หึงคนนี้อยากหาเรื่องแบบไม่มีเหตุผล ลีออนก็จะเล่นด้วยหน่อยก็แล้วกัน
ยังไงก็ไม่ใช่เขาที่ขี้หึงซะหน่อยนี่นา
รอสไวส์หรี่ตามองเขา
เธอรู้ดีว่าหมอนี่กำลังโม้ตามสไตล์อีกแล้ว แต่ก็ขี้เกียจจะไปจับผิด เลยแค่ฮึ่มเบา ๆ “ฮีโร่นักล่ามังกรที่มีแฟนคลับสาว ๆ เต็มไปหมด จะเลือกใครออกเดทสักคนก็ไม่แปลกหรอก ฉันจะไปกล้าควบคุมอะไรนายได้ยังไงกันล่ะ?”
ลีออนสูดลมหายใจลึก สีหน้าจริงจัง “เธอได้กลิ่นมั้ย?”
“กลิ่นอะไร?”
“กลิ่นน้ำส้มสายชูแรงมากเลย”
รอสไวส์หยุดชะงัก ยกคิ้วขึ้นอย่างสง่างามก่อนจะสะบัดเสียงเย็นชา “นี่นายว่าฉันขี้หึงอีกแล้วเหรอ? ฉันไม่ใช่โหลน้ำส้มสายชูนะ”
“ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ใช่!” เธอเน้นแต่ละคำอย่างมั่นใจ
“อ้อ ถ้าเธอว่าอย่างนั้นก็ตามนั้นแหละ”
ในเมื่อราชินีน้ำส้มสายชูว่าแบบนั้น ลีออนก็จะยอมให้ตามใจ
รอสไวส์ไม่เถียงต่อ เพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ถ้าเธอเถียงล่ะก็ ยังไงก็ต้องตกหลุมกับดักตรรกะของลีออนทุกที
เหมือนกับเวลาโดนคนแปะป้ายว่าเป็นคนซึนเดเระ ไม่ว่าเธอจะเป็นหรือไม่ แต่แค่มีป้ายนั้นแปะอยู่ ก็หลุดไม่พ้นภาพลักษณ์นั้นแล้ว
เพราะฉะนั้น แทนที่จะเปลืองน้ำลายเถียงกับหมาบ้านี่ สู้เก็บแรงไว้ไปทะเลาะกับเรื่องอื่นตอนค่ำยังจะดีกว่า
ทั้งสองเดินทางมาถึงเผ่ามังกรเงิน แม้ที่นี่จะไม่มีของหลากหลายเท่ากับนครเวหา แต่ก็ยังพอมีสิ่งที่ต้องการให้เลือกซื้ออยู่บ้าง และสิ่งแรกที่พวกเขาตั้งใจจะซื้อ แน่นอนว่าคือชุดว่ายน้ำ
ชุดว่ายน้ำของโนอาและมูนยังใช้ได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน ใหม่คราวนี้จึงตั้งใจจะมาหาชุดว่ายน้ำให้รอสไวส์—ที่อย่างน้อยก็ไม่ควรกลายเป็นชุดชั้นในทันทีที่โดนน้ำเหมือนคราวก่อน
พอเข้าร้านไป เจ๊เจ้าของร้านก็จำราชินีของพวกเขาได้ทันที รีบส่งสัญญาณให้พนักงานสาว ๆ เข้ามาต้อนรับ พวกเธอเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ ก้มหัวทำความเคารพ—
แต่รอสไวส์ก็รีบยกมือห้ามก่อนจะวุ่นวายไปกว่านี้
“ทุกคนทำงานต่อเถอะ ข้ากับเจ้าชายแค่จะแวะดูของเฉย ๆ ถ้ามีอะไรจะเรียกเอง”
เธอไม่ชอบบรรยากาศจอแจแบบนี้ และทุกครั้งที่ออกนอกสถานะ เธอก็พยายามให้มันเงียบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พอพนักงานพยักหน้ารับคำและแยกย้ายกลับไปประจำตำแหน่ง คู่สามีภรรยาก็มุ่งหน้าไปยังโซนชุดว่ายน้ำของผู้หญิงทันที
ต้องยอมรับว่า รสนิยมด้านแฟชั่นของเผ่ามังกรเงินนั้นค่อนข้างหลากหลาย ตั้งแต่แบบเรียบร้อยไปจนถึงแบบเซ็กซี่จัดเต็มก็มีให้เลือกครบ
รอสไวส์หยิบชุดว่ายน้ำสีดำที่ดูเซ็กซี่เล็กน้อยขึ้นมา จับสายเส้นบาง ๆ ขึ้นมาพิจารณากับตัวเอง ก่อนจะหันไปถามลีออน “นายว่าชุดนี้เป็นยังไงบ้าง?”
ลีออนหรี่ตามองเนื้อผ้าที่บางจนแทบมองทะลุ แล้วก็ส่ายหัวทันที
“ไม่ผ่าน”
“งั้นอันนี้ล่ะ?” รอสไวส์เปลี่ยนเป็นแบบที่คล้ายกัน แค่เปลี่ยนสีเท่านั้น แน่นอนว่าเนื้อผ้าก็ยังบางเหมือนเดิม
ลีออนกระแอมเล็กน้อยก่อนจะพูดซ้ำ “ไม่ผ่านเหมือนกัน”
รอสไวส์แอบยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ แล้วหยิบชุดอีกตัวขึ้นมา คราวนี้ก็ยังคงแนวเซ็กซี่ร้อนแรงอยู่ดี แค่ถือไว้ในมือก็พอจะจินตนาการได้ว่าเธอใส่ออกมาแล้วจะสวยขนาดไหน แต่ก็เพราะเหตุผลนี้เอง ทำให้คำประเมินของลีออนไม่เปลี่ยน—
“ไม่ผ่าน”
วางชุดว่ายน้ำลง รอสไวส์เอียงคอเล็กน้อย “ยังไม่ผ่านอีกเหรอ? แต่มันโชว์รูปร่างได้ดีจะตาย”
ลีออนเกาหัวจมูกแล้วฮัมเสียงในลำคอ “ก็…มันไม่ผ่านน่ะ…”
“หึ รสนิยมของมนุษย์นี่ตกยุคจริง ๆ”
“เฮ้ นี่มันไม่เกี่ยวกับรสนิยมหรอก โอเคไหม?”
“แล้วมันเกี่ยวกับอะไรล่ะ?”
“มันก็…มันก็…”
พอเห็นเจ้าหมานี่เริ่มติดอ่างพูดไม่ออก รอยยิ้มของรอสไวส์ก็ยิ่งเจ้าเล่ห์ขึ้น เธอถือชุดว่ายน้ำสุดเซ็กซี่แล้วค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ลีออน มองใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีแดงของเขา ก่อนจะก้มเสียงลงพูดเบา ๆ ว่า “อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว
นายกลัวว่าถ้าฉันใส่ชุดแบบนี้ นายจะควบคุมความรู้สึกตัวเองไม่อยู่ แล้วสุดท้ายจะเผลอสารภาพรักฉันที่ริมทะเล แล้วถ้าเกิดเผลอไปเปิดผนึกตรามังกรเข้า… ต๊าย ต๊าย ต๊าย~”
รอสไวส์เขย่งปลายเท้า กระซิบข้างหูเขาเบา ๆ พลางถูแก้มลงไป “ไม่เป็นไรนะคะ ที่รัก~ แค่บอกว่าอยากเห็น ฉันก็จะซื้อแล้วใส่ให้ดูแบบส่วนตัวเลย~”
ลีออนถอยหลังแทบไม่ทัน “ไม่อยากเห็นซะหน่อย ใส่อะไรก็ใส่ไปเถอะ ผมไม่สนใจหรอก”
“โอเค~ ดูเหมือนที่รักจะไม่ชอบให้ฉันใส่ชุดแบบนี้ งั้นฉันจะเลือกตัวที่ผ้าปิดมากกว่านี้หน่อยแล้วกัน”
พูดจบ รอสไวส์ก็หยิบชุดว่ายน้ำแบบวันพีซ ที่โชว์แค่กระดูกไหปลาร้ากับหลังเพียงเล็กน้อย เรียกได้ว่าเก็บหุ่นสุดสะบั้นของเธอไว้หมดแทบไม่เหลืออะไรให้จินตนาการเลย
“มากกว่านิดเดียว” ที่ว่าไว้เมื่อกี้ไปไหน? นี่มันเพิ่มมาเป็นพันเท่าแล้วไม่ใช่เหรอ!?
แต่ลีออนกลับไม่รู้สึกเสียดายเลยสักนิด เพราะถ้าแม่มังกรตัวดีนั่นซื้อชุดเซ็กซี่จริง ๆ พวกเขาอาจจะเผลอไป “หลงกันเอง” อีกรอบ แบบนั้นมันเหนื่อยนะ แล้วลีออนก็ไม่อยากเปลืองแรงกับภารกิจนั้นอีกแล้ว
แม้จะเป็นพ่อแม่ลูกสามกันแล้ว แต่ในชีวิตประจำวันก็ยังต้องรู้จักยับยั้งชั่งใจอยู่บ้าง
หลังจากเลือกรุ่นที่ต้องการแล้ว รอสไวส์ก็ให้พนักงานห่อชุดว่ายน้ำไว้ ส่วนลีออนออกจากร้านมาก่อน ยืนรออยู่หน้าร้าน แต่ผ่านไปพักหนึ่ง รอสไวส์ถึงเดินออกมา
“ทำไมนานจัง?”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ดูของอย่างอื่นนิดหน่อย ไปซื้อครีมกันแดดกันเถอะ”
“อืม ได้เลย”
ช่วงบ่ายผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองก็ซื้อของเตรียมไว้สำหรับทริปเที่ยวทะเลครบถ้วน การไปเที่ยวครั้งนี้ ก็เพื่อทำตามสัญญาที่เคยให้ไว้กับลูก ๆ และเพื่อให้ลีออนกับรอสไวส์ได้ผ่อนคลายจากเรื่องวุ่นวายในจักรวรรดิ
แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือเพื่อให้โนอารู้สึกมั่นใจในความรักของพ่อแม่มากขึ้น ลีออนอยากให้เธอเข้าใจว่า ไม่ว่าอย่างไร พ่อกับแม่จะไม่มีวันทอดทิ้งเธอเด็ดขาด
บท 199: คืนนี้ผ่อนคลายกว่าเดิม
หลังจากจัดการธุระต่าง ๆ ภายในเผ่าเรียบร้อย ครอบครัวของลีออนก็ออกเดินทางไปพักผ่อนที่ทะเล
ครั้งนี้ จุดหมายปลายทางของพวกเขาไม่ใช่สถานที่เดียวกับตอนออกเดทภายใต้แผน “รักแท้ของพ่อแม่” ที่โนอาวางไว้ ที่นั่นก็แค่จุดชมวิวเล็ก ๆ ใกล้นครนภา เหมาะกับเดินเล่นหลังมื้อเย็นเพื่อผ่อนคลายอารมณ์เท่านั้น
แต่ถ้าอยากสัมผัสทะเลจริง ๆ และพักผ่อนอย่างแท้จริง ก็ต้องไปถึงชายฝั่งทะเลของจริง
หลังจากบินต่อเนื่องมาหลายชั่วโมง เมฆที่บดบังสายตาก็ค่อย ๆ จางลง เผยให้เห็นทัศนียภาพแบบเขตร้อนที่งดงามตรงหน้า
เมื่อมองลงไปยังหาดทรายและท้องทะเลสีครามกว้างใหญ่เบื้องล่าง ลีออนไม่เคยนึกเลยว่าดินแดนของเผ่ามังกรจะกว้างใหญ่ถึงเพียงนี้
แค่คิดถึงเรื่องนี้ ลีออนก็โมโหขึ้นมาอีกแล้ว
จักรวรรดิ ทำไมถึงได้ทรยศเขาได้ลงคอ?
ให้เวลาแม่ทัพลีออนอีกไม่กี่ปี ถ้ากำจัดพวกเผ่ามังกรได้หมด ชายหาดกับทะเลพวกนี้ก็จะตกเป็นของมนุษย์หมดนั่นแหละ! หึ มนุษย์สายตาสั้นเอ๊ย!
เฮ้อ ช่างมันเถอะ ช่างมัน คราวนี้ออกมาเที่ยวก็เพื่ออยู่กับลูก ๆ ไม่ใช่มานั่งคิดฟุ้งซ่านเรื่องพวกนี้
มังกรเงินค่อย ๆ ร่อนลงที่ทางเข้ารีสอร์ต
ก่อนจะไปสนุกกันที่ชายหาด พวกเขาต้องไปเช็คอินเข้าห้องพักและจัดของกันก่อน
ครอบครัวนี้จองไว้สองห้อง ห้องหนึ่งให้โนอากับมูน อีกห้องให้ลีออนกับรอสไวส์ ส่วนลิตเติ้ลไลท์ จะนอนห้องไหนตอนกลางคืนก็ขึ้นอยู่กับว่าคืนนั้นพ่อแม่อยากใช้เวลาด้วยกันสองต่อสองหรือเปล่า
ลูกสาวตัวน้อยผู้น่าสงสาร ถึงจะมีพ่อแม่อยู่ข้าง ๆ มาตั้งแต่เกิด แต่บางครั้งก็ยังต้องรับบท “เด็กอยู่บ้านคนเดียว” อยู่ดี
เพราะงั้น เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลาจะเลือกครอบครัวมาเกิดใหม่ ควรเลือกครอบครัวที่ใช้ชีวิตสบาย ๆ หน่อยจะดีที่สุด
“ถ้าไปเกิดในครอบครัวที่แบ่งวันเล็กวันใหญ่แบบเข้มงวดล่ะก็ ตอนกลางคืนอย่าได้ไปกวนพวกเขาเชียว เพราะบางทีพวกเขาอาจไม่มีเวลาให้เราก็ได้นะ~”
หลังจากเปิดห้องพักเรียบร้อย ครอบครัวทั้งห้าก็เปลี่ยนเป็นชุดว่ายน้ำกัน
สามสาวน้อยมังกรไม่ต้องอะไรมาก แค่ชุดว่ายน้ำลายทางสำหรับเด็กที่มาพร้อมห่วงยางสามอัน ทั้งน่ารักและปลอดภัย
ส่วนลีออน สวมเสื้อกล้ามหลวม ๆ กับกางเกงขาสั้นชายหาด สีขาวตัดกับน้ำเงิน ดูสดใสเหมาะกับบรรยากาศริมทะเลสุด ๆ
แต่ตอนแรก รอสไวส์ซื้อให้เขาแค่กางเกงขาสั้นชายหาดตัวเดียว แล้วประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า “สามีของฉันหุ่นดีขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องโชว์ให้โลกรู้กันหน่อยสิ~”
แต่ลีออนรู้ดีว่ายัยมังกรตัวดีนั่น จริง ๆ แล้วแค่อยากอวดรอยสักมังกรบนหน้าอกเขาเท่านั้น เขาไม่อยากให้เหล่าแฟนคลับระดับท็อปและระดับต้น ๆ มารุมจ้องกันเป็นตาเดียว เลยต้องซื้อเสื้อกล้ามหลวม ๆ มาใส่เพิ่มเอง
สุดท้าย รอสไวส์ก็ใส่ชุดว่ายน้ำวันพีซแบบเรียบร้อยที่เพิ่งซื้อมาหลายวันก่อน แถมยังใส่เสื้อคลุมกันแดดทับอีกต่างหาก โชว์แค่หางกับเรียวขาที่ยาวสวยเท่านั้น
ราชินีมังกรเงินจะเผยด้านเซ็กซี่เย้ายวนเฉพาะตอนที่ “ทำการบ้าน” กับสามีปลอมของเธอเท่านั้น ส่วนเวลาอื่น ๆ เธอก็ออกจะเรียบร้อยอยู่ไม่น้อย ซึ่งลีออนก็รู้ข้อนี้ดี
เพราะงั้น ดูเหมือนว่าทะเลครั้งนี้จะไม่มีเหตุการณ์ชุดลูกไม้สีดำละลายน้ำเหมือนตอนแช่น้ำพุร้อนเกิดขึ้นอีกแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ท่านอาจารย์ลีออนก็ถอนหายใจเงียบ ๆ อย่างโล่งอก
เพราะกลเม็ดของแม่มังกรนี่เขาเห็นมาแทบหมดแล้ว ที่ยังพอทำให้จิตใจของเขาหวั่นไหวได้บ้าง ก็คงมีแค่พวกบทบาทแต่งตัวต่าง ๆ เท่านั้นแหละ…
เพราะงั้น—ตราบใดที่เขาควบคุมไม่ให้เธอใส่ชุดประหลาด ๆ พวกนั้นได้ละก็ ท่านอาจารย์แคสมอร์ดจะต้องรักษาจิตใจบริสุทธิ์ดั่งหยกของตัวเองไว้ได้แน่นอน ไม่มีทางหวั่นไหว!
“หัวเราะอะไรของนาย?” ระหว่างที่กำลังจะออกเดินไปชายหาด ราชินีแห่งมังกรเงินก็อดไม่ได้ที่จะถาม เมื่อเห็นลีออนแอบยิ้มคนเดียวอย่างมีความสุข
ลีออนรีบปัดยิ้มออกจากใบหน้า
“ม-ไม่มีอะไร”
รอสไวส์เหลือบตามองเขานิด ๆ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม “เมื่อกี้นายยิ้มเหมือนเด็กผู้ชายที่เพิ่งได้ออกเดทครั้งแรกเลยนะ”
ลีออนมองเธอด้วยสายตาเหยียด ๆ “เธอต่างหากล่ะยัยมังกร ไม่สมกับอายุเลย มาปล้นซีนผมแบบนี้”
“ปล้นแล้วไงล่ะ ขอแค่ทำให้นายหงุดหงิดได้ ฉันก็พอใจแล้ว”
“ผมหงุดหงิดตรงไหนกัน ผมสบายดีสุด ๆ”
รอสไวส์เลิกคิ้ว “เหรอ? งั้นคืนนี้ฉันจะทำให้นายรู้สึกสบายยิ่งกว่านี้ดีไหม?”
สะโพกของลีออนเกร็งแน่นทันที เขากลืนน้ำลายเอื๊อก แล้วไม่พูดอะไรอีก รีบชิ่งออกจากห้องไปหาลูกสาวอย่างรวดเร็ว
รอสไวส์มองตามเชลยสงครามจอมโง่ที่แอบหนีออกไปอย่างลับ ๆ แล้วถอนหายใจพร้อมส่ายหน้าเบา ๆ “ดูท่ามานาจะยังไม่ฟื้นคืนดี ไม่งั้นคงไม่ปอดแหกขนาดนี้”
พูดจบ รอสไวส์ก็ออกจากห้องตามไป
ที่ชายหาด สายลมทะเลที่ปะปนด้วยกลิ่นเกลือบางเบาพัดมาปะทะใบหน้า บนท้องฟ้าเหล่านกนางนวลบินวนอยู่ไม่ไกล ขณะที่คลื่นซัดเข้าหาฝั่งเป็นระลอก ๆ อย่างต่อเนื่อง
ตรงจุดที่ท้องฟ้ากับผืนน้ำบรรจบกันอยู่ไกลโพ้น น้ำทะเลระยิบระยับเป็นประกายไม่มีที่สิ้นสุด
บนชายหาดไม่มีนักท่องเที่ยวมากนัก เพราะสถานที่แห่งนี้บริหารคล้ายกับหุบเขาเมฆาลอย ไม่ได้เปิดให้เผ่ามังกรทั่วไปเข้ามาเที่ยวเล่น ผู้ที่สามารถมาได้ล้วนเป็นบุคคลชั้นสูงทั้งนั้น
โนอากับมูนกระโดดลงไปเล่นน้ำในเขตตื้นด้วยห่วงยางอย่างสนุกสนาน ส่วนลิตเติ้ลไลท์นั้น พ่อแม่ยังไม่อนุญาตให้ลงไปเล่นด้วย
ถึงตอนอยู่บ้านจะเล่นกันได้ตามสบาย แต่ที่ชายหาดแบบนี้ก็ต้องระวังมากกว่าเดิม
แม้จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ใกล้ ๆ แต่ทั้งลีออนกับรอสไวส์ก็ไม่กล้าปล่อยให้ลิตเติ้ลไลท์คลาดสายตาแม้แต่นิดเดียว
ใต้ร่มชายหาดขนาดใหญ่ ลีออนกับรอสไวส์นอนพักบนเก้าอี้ผ้าใบ มีเครื่องดื่มเย็น ๆ วางอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ระหว่างพวกเขา ส่วนลิตเติ้ลไลท์ก็นั่งอยู่บนท้องของพ่อ ยกกำปั้นน้อย ๆ ขึ้นโบกไปมา เหมือนจะมีแผนอะไรอยู่ในใจ
ลีออนคิดว่าลูกอาจจะหิวน้ำ เลยหยิบเครื่องดื่มเย็นให้
แต่ลิตเติ้ลไลท์ไม่รับ
ลีออนคิดอีกที อาจจะร้อนเลยยื่นพัดลมเล็กให้คลายร้อน
แต่ลิตเติ้ลไลท์ก็ยังไม่เอาอยู่ดี
ลีออนจึงลุกขึ้นนั่ง มองหน้าลูกสาวคนเล็กอย่างสงสัย “ตกลงหนูอยากได้อะไรกันแน่?”
และทันทีที่ลีออนก้มหน้าเข้าไปใกล้ กำปั้นสีชมพูของลิตเติ้ลไลท์ก็พุ่งขึ้นอีกครั้ง ตรงเข้าใบหน้าเขาด้วยท่าอัปเปอร์คัตแบบมาตรฐาน ก่อนที่ลีออนจะทันได้ตั้งตัว ก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากข้าง ๆ
เมื่อหันไปมอง ก็เห็นรอสไวส์นอนอยู่บนเก้าอี้ชายหาด หัวเราะจนต้องกุมท้อง
คิ้วของลีออนกระตุกเล็กน้อย “ขำอะไร…”
รอสไวส์ค่อย ๆ กลั้นหัวเราะ เปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาเรียบนิ่ง แล้วหันมามองเขา มือข้างหนึ่งกำแน่นอย่างอ่อนโยน ใช้รองแก้มเรียวสวยของตัวเอง ขณะที่ดวงตางดงามก็สบเข้ากับสายตาของลีออน
“ในโลกนี้ มังกรที่สามารถอัปเปอร์คัตใส่นายแล้วไม่เป็นอะไรยังมีอยู่น้อยมาก ลิตเติ้ลไลท์เป็นหนึ่งในนั้น นายมีอะไรจะพูดไหม?”
“ก็แค่พิธีเข้าสู่ยุคเด็กดื้อแหละ เด็กคนไหนไม่เคยดื้อบ้าง?”
ลีออนยังคงอุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาด้วยความเอ็นดู หางสีชมพูของเธอก็ยังสะบัดไปมาอย่างร่าเริง
ลิตเติ้ลไลท์กระพริบตากลมโตสวยใส่พ่อของเธอ พร้อมกับพูดอ้อแอ้เป็นภาษาทารกที่ฟังไม่รู้เรื่อง
“ว่าแต่ ลิตเติ้ลไลท์จะเริ่มพูดได้เมื่อไหร่เหรอ?” ลีออนถามขึ้น
รอสไวส์นับวันในใจครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “อีกประมาณเดือนหนึ่ง หรือถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะครึ่งเดือนกว่า ๆ”
ลีออนพยักหน้าอย่างใช้ความคิด ก่อนจะลูบหัวลูกสาวเบา ๆ “แล้วพอเริ่มพูดได้ นายคิดว่าเธอจะเรียกใครก่อน ระหว่าง ‘พ่อ’ หรือ ‘แม่’?”
“ต้องถามด้วยเหรอ? สัญชาตญาณของลูกสัตว์ทุกตัวคือการเรียกหาแม่ก่อนทั้งนั้น ฉันแนะนายนะลีออน อย่ามาเถียงเรื่องนี้ นายไม่มีทางชนะหรอก”
ลีออนถอนหายใจ “ก็ไม่แน่เสมอไปนี่ ลิตเติ้ลไลท์เป็นลูกครึ่งมนุษย์กับมังกร ลูกครึ่งมักจะมีอะไรพิเศษอยู่แล้ว”
รอสไวส์ไหล่ตกนิด ๆ “พิเศษถึงขั้นเรียก ‘พ่อ’ ก่อนเหรอ? ฟังไม่ขึ้นเลยนะ”
“ฮึ่ม เดี๋ยวก็รู้ ลิตเติ้ลไลท์ต้องเรียกผมก่อนแน่ ๆ ในอนาคต” ลีออนยืนยันเสียงแข็ง
รอสไวส์หัวเราะเบา ๆ ไม่อยากเสียเวลาถกเถียงกับเขา เธอพลิกตัวหยิบหลอดครีมกันแดดสองหลอดออกมาจากกระเป๋า
“มาช่วยฉันทาครีมกันแดดหน่อย”
“เธอทาเองก็ได้นี่” ลีออนกำลังยุ่งอยู่กับการเล่นกับลูกสาวตัวน้อย ไม่คิดจะลุกมาทาให้เลยแม้แต่น้อย
“มันมีจุดที่ฉันทาเองไม่ถึงน่ะสิ เร็วเข้า”
เห็นผู้ชายหัวดื้อยังนิ่งเฉย รอสไวส์จึงยื่นหางของเธอไปจิ้มที่หน้าลีออน “จะนับถึงสามนะ ถ้ายังไม่ลุกมานี่ ฉันจะเปิดใช้งานรอยสักมังกรจริง ๆ ด้วย”
“…”
ลีออนกำลังจะเถียงกลับ แต่พอได้ยินคำว่า ‘รอยสักมังกร’ เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ทันที
“รอสไวส์”
“อะไร?”
“วันก่อนตอนผมอยู่ในจักรวรรดิ รอยสักมังกรมันเปล่งแสงอยู่หลายครั้งตอนกลางคืน… เธอมีอะไรจะอธิบายไหม?”
บท 200: ความหัวดื้อคือสกิล
การเดินทางไปยังจักรวรรดิล่าสุดนั้น ทิ้งความประทับใจไว้ให้ลีออนอย่างแรง
เขายังจำได้ดี ค่ำคืนนั้น ขณะที่เขากับอาจารย์และรีเบคก้ากำลังวางแผนเรื่องอนาคต แต่จู่ ๆ รอยสักมังกรบ้า ๆ นั่นก็ดันส่องแสงขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังไวขนาดที่เขาไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว
หลังจากนั้น เขาก็ถูกอาจารย์กับรีเบคก้าถล่มคำถามใส่รัว ๆ ทั้งเรื่องรอยสักคู่รัก เรื่องอะไรแปลก ๆ เต็มไปหมด…
แต่พอลีออนมานั่งทบทวนดูดี ๆ ก็พอจะเข้าใจได้ว่า แสงที่รอยสักมังกรเปล่งออกมานั้น เป็นสัญลักษณ์ของอีกฝ่ายที่เริ่มคิดถึง
แสดงว่า คืนนั้น รอสไวส์… กำลังคิดถึงเขา และตอนนั้นเธอน่าจะยังตั้งแคมป์อยู่ในป่านอกเขตจักรวรรดิ
ดวงตาของรอสไวส์กระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเบนสายตาไปอีกทาง “จะให้ฉันอธิบายอะไรล่ะ? นายห่างจากฉันไปตั้งหลายวัน จะให้ฉันคิดถึงไม่ได้เลยหรือไง?”
“หืม?”
“ก็แค่คิดว่าตายนายไปหรือยัง ถ้าตายไปแล้วจะถูกฝังไว้ที่ไหน เผื่อจะตามไปเหยียบหลุมศพน่ะสิ ไม่งั้นจะให้ฉันคิดถึงอะไรล่ะ?”
ราชินีมังกรนั้นไม่ใช่คนที่โกหกเก่ง หรือบางที เธออาจไม่ได้ตั้งใจจะโกหกให้เนียนเลยก็ได้ จึงหลุดข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้นออกมาแบบนั้น เธอรู้สึกว่าในใจลึก ๆ อยากให้ลีออนรู้ว่า ตอนนั้นเธอคิดถึงเขา
แต่ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่เข้ากับภาพลักษณ์เย็นชาและเป็นตัวของตัวเองของเธอเลย เธอจึงเลือกจะโกหกแบบพอเป็นพิธีเท่านั้น
“นี่ นายผู้ปราบมังกร นายฉลาดขนาดนั้น ต้องดูออกสิว่าฉันโกหก ใช่มั้ย? ต้องดูออกสิ ใช่มั้ย?”
“อ๋อ เข้าใจแล้ว ฉันเชื่อนะ” ลีออนตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
รอสไวส์: ?
“น…นายเชื่อฉันเหรอ?”
ลีออนยักไหล่ “ก็ตรงกับภาพลักษณ์ที่ผมมีต่อนายนี่นา งั้นผมก็เชื่อ”
“นาย!…”
“ไอ้คนบ้า คนไร้หัวใจ!”
รอสไวส์สะบัดหน้าหนีไปอีกทาง กอดอกทำหน้าบึ้ง หางสะบัดไปมาอย่างหงุดหงิด
เห็นเธอเป็นแบบนั้น ลีออนก็เดินเข้าไปใกล้ด้วยท่าทางเก้อเขิน มองดูสีหน้าไม่พอใจเล็ก ๆ ของรอสไวส์แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “โอ๋ ๆ ผมรู้น่า ว่าเธอคิดถึงผม แค่ไม่กล้าพูดออกมาเท่านั้นเอง”
เขาหยุดแหย่เธอต่อ เพราะการดื้อดึงมันก็ต้องมีศิลปะ ดื้อพอให้ดูน่ารัก แต่ถ้าเกินไปก็จะกลายเป็นเรื่องแย่
ราชินีมังกรเงินเฝ้ารอเขาอยู่บนเขาตั้งห้าวัน จะบอกว่าเป็นการ “ไม่ยอมจากไป” แบบคลุมเครือก็คงไม่ผิดนัก แต่สุดท้าย รอสไวส์ก็ยังหวงแหนความสัมพันธ์ในอดีตของพวกเขา อย่างน้อย เธอก็ไม่เคยทิ้งเขาไปจริง ๆ
เพราะฉะนั้น พอหยอกกันแล้วจะยอมอ่อนให้บ้างก็ไม่เสียหาย
“ฉันไม่ได้คิดถึงนายสักหน่อย ไม่เลยสักนิด”
“อ่ะ ๆ โอเค ๆ ไม่ได้คิดถึงผม เป็นผมเองที่คิดถึงเธอ”
พอได้ยินแบบนั้น ใบหน้าตึงเครียดของรอสไวส์ก็คลายลงเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ยอมทำหน้าเป็นมิตรกับผู้ชายไร้หัวใจคนนี้ “นายคิดถึงฉัน? ฮึ่ม ราชินีผู้นี้ไม่แคร์ความคิดถึงของนายหรอกนะ ไปคิดถึงเจ้าลาแก่นั่นแทนเถอะ”
“เชอะ ฝ่าบาทนี่ ชอบพูดอะไรแปลก ๆ นะ ลาจะไปเทียบกับฝ่าบาทได้ยังไงกันครับ? ผมทาครีมกันแดดให้ฝ่าบาทได้นะ แต่จะให้ไปทาให้ลาเนี่ย มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด!”
คำพูดหวาน ๆ
แต่ก็ได้ผล
รอสไวส์พยายามกลั้นยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเหยียดขาเรียวยาวขาวเนียนมาด้านหน้าลีออน “โอกาสของนายมาแล้ว เชิญเลย”
“ได้เลย~”
ลีออนหยิบครีมกันแดดขึ้นมา บีบออกเล็กน้อยลงบนฝ่ามือ แล้วถูให้ครีมกระจายทั่ว ก่อนจะค่อย ๆ ลูบไล้ลงบนเรียวขาของรอสไวส์อย่างระมัดระวัง
ผิวของเธอเนียนนุ่มและเย็นเล็กน้อย สัมผัสแล้วให้ความรู้สึกเหมือนวุ้นนมที่ตึงแน่น ขาของเธอก็มีรูปทรงที่งดงาม ไม่ผอมจนเห็นกระดูก และไม่อวบจนเกินไป ทุกจุดที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัส มีเนื้อพอดี ๆ เต็มไปหมด
เธอเพิ่งคลอดลิตเติ้ลไลท์ได้ไม่ถึงเดือน ร่างกายจึงยังไม่กลับคืนสู่สภาพก่อนตั้งครรภ์อย่างเต็มที่ แต่รูปร่างแบบนี้แหละที่เรียกได้ว่าเพอร์เฟกต์ เต็มไปด้วยเสน่ห์และเซ็กซี่อย่างแท้จริง
รอสไวส์เอนหลังลงบนเก้าอี้ชายหาด กอดอกไว้ มองดูเจ้าหมาน้อยของเธอกำลังทาครีมกันแดดอย่างตั้งอกตั้งใจ แล้วพูดขึ้นเบา ๆ “อย่าเผลอทำให้รอยสักมังกรสว่างขึ้นระหว่างที่ทาด้วยล่ะ”
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ อย่าให้เกิดปฏิกิริยาทางร่างกายประหลาด ๆ ขึ้นขณะกำลังลูบขาของราชินีผู้นี้
“ฮะ จะเป็นไปได้ไง แค่ขาเอง ผมเคยจับมาก่อนแล้วด้วยซ้ำ”
ใบหน้าของราชินีแดงระเรื่อขึ้นทันที พลางพึมพำว่า “พูดไร้สาระ”
ที่จริงแล้ว การทาครีมกันแดดก็เป็นกิจกรรมที่แฝงความคลุมเครืออยู่ไม่น้อย เพราะก่อนหน้าจะมีลีออน รอสไวส์ไม่เคยให้ใครสัมผัสขา เอว หรือเท้าของเธอเลยสักคน
บริเวณเหล่านี้ถือเป็นจุดอ่อนไหวมากสำหรับเธอ แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังเข้าไม่ถึง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้ชาย
ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพก็คงต้องยกคำพูดของอิซาเบลล่ามาใช้—ผู้ชายคนไหนที่คิดจะเข้าใกล้เธอ ยังไม่ทันเข้าเขตห้าเมตรก็ถูกกันออกหมดแล้ว
แล้วลีออนได้สัมผัสจุดที่ทั้งอ่อนไหวและลึกซึ้งแบบนี้ครั้งแรกเมื่อไหร่? ก็เมื่อกว่าปีที่แล้วนั่นแหละ
ใช่ กว่าปีที่แล้ว
ตอนนั้นเขาเพิ่งเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ได้ในการปฏิบัติภารกิจ และแทบจะสำรวจร่างกายของรอสไวส์ไปแทบทุกตารางนิ้ว ตอนแรกเธอคิดว่าเธอจะโกรธ เพราะมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างรุนแรง
แต่ไม่คาดคิดว่า ระหว่างนั้น หรือแม้แต่หลังจากนั้น เธอกลับรู้สึก…สบายอย่างประหลาด ลีออนเหมือนจะเข้าใจร่างกายของเธอโดยธรรมชาติ และรู้ว่าขอบเขตไหนที่เธอพอจะรับไหว
ครั้งหนึ่ง พอได้จังหวะที่บรรยากาศคลุมเครือจากรอยสักมังกรเป็นใจ เธอก็เอ่ยปากถามลีออนว่า ทำไมถึงเข้าใจร่างกายของเธอดีนัก
ตอนนั้นเธอคาดหวังว่าเขาจะตอบอะไรหวาน ๆ หน่อย อย่างน้อยก็น่าจะมีความโรแมนติกปนมา
แต่แม่ทัพลีออนก็คือแม่ทัพลีออน สมกับฉายาผู้ปราบมังกรผู้แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ คำตอบของเขาคือ:
“ผู้ปราบมังกรจะไม่เข้าใจร่างกายของมังกรได้ยังไงล่ะ เคยเห็นคนชำแหละหมูคนไหนไม่เข้าใจโครงสร้างหมูมั้ย?”
แล้วเขาก็โดนรอสไวส์ถีบตกเตียงไปตามระเบียบ
แต่เอาเถอะ สรุปคือ หมอนี่เป็นคนที่พิเศษจริง ๆ แม้แต่การสัมผัสกายอย่างคลุมเครือที่สุด ก็ไม่ทำให้รอสไวส์รู้สึกขยะแขยง
ตอนที่เขาจัดการร่างกายของเธอ ยังมีความรู้สึกพึงพอใจเล็ก ๆ แอบแฝงอยู่ด้วยซ้ำ—ความรู้สึกที่เหมือนถูกพิชิต
เชอะ—
รอสไวส์ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ขจัดความคิดเพ้อเจ้อเหล่านั้นทิ้งไป
“ทำไมถึงซื้อสองหลอดล่ะ? ต้องใช้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?” ลีออนกำลังทาครีมกันแดดให้ที่น่องของเธอ
“ก็ต้องใช้สิ ขาฉันยาวนี่นา ใช้เยอะก็เรื่องปกติ”
ลีออนเบะปาก ล้อเลียนเธอด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม “ขาฉันยาว~ ก็ต้องใช้เยอะสิ~”
รอสไวส์หัวเราะเบา ๆ แล้วเหวี่ยงเท้าเตะหน้าอกเขาเข้าให้
ลีออนฉวยจังหวะคว้าข้อเท้าของเธอไว้ทันที มือจับเท้าเนียนละเอียดไว้แน่น “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ทาที่ฝ่าเท้าด้วยเลยแล้วกัน”
“เฮ้ ไอ้โรคจิต อย่า—อื๊อ~”
ความรู้สึกจั๊กจี้แล่นขึ้นมาจากฝ่าเท้า ทำให้ร่างของรอสไวส์อ่อนยวบในทันที
หลังจากตั้งสติได้เล็กน้อย เธอก็เตะขาพลิกหนี พร้อมกับจ้องลีออนเขม็ง “ขานี้เสร็จแล้ว ไปอีกขานึงต่อเลย”
“อ๋อ ได้เลยครับ”
ลีออนย้ายไปอีกข้าง แล้วลงมือทาครีมกันแดดอย่างขะมักเขม้น
“โอเค เสร็จแล้ว!”
“หืม? คิดว่าแค่นั้นพอแล้วเหรอ?”
ลีออนกะพริบตาปริบ ๆ “ก็ฝ่าบาทโชว์แค่ขานี่นา ที่อื่นไม่เห็นต้องทาเลย”
รอสไวส์กระดิกหางเบา ๆ “อันนี้ก็ด้วย”
“…เก็บหางไว้ไม่ได้เหรอ?”
“ไม่ได้ ฉันอยากให้ทาที่หางด้วย”
ลีออนเข้าใจทันที เธอซื้อครีมกันแดดสองขวด ไม่ใช่แค่เพราะขาเธอยาว แต่เพราะจะใช้ทาที่หางด้วย
เขามองดูรอสไวส์พลิกตัวนอนคว่ำบนเก้าอี้ชายหาด หางสีเงินสะบัดเบา ๆ ต่อหน้าเขา “พร้อมแล้ว มาสิ”
ลีออนกลอกตาอย่างเหนื่อยใจ แต่ก็ลงมือทาครีมกันแดดให้ที่หางอย่างว่าง่าย
พูดตามตรง หางของเธอยิ่งกว่าขาอีก
ลื่นกว่า เย็นกว่า และ… ไวต่อสัมผัสยิ่งกว่า
โดยเฉพาะตรงโคนกับปลายหาง ระหว่าง “ทำการบ้าน” มันเหมือนกับเป็นสวิตช์อะไรบางอย่าง แค่สัมผัสเบา ๆ ก็เหมือนเปิดเขื่อนน้ำป่า ดังนั้นลีออนจึงจงใจหลีกเลี่ยงสองจุดนั้นระหว่างทาครีมกันแดด
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลีออนลุกขึ้น “เสร็จแล้ว”
“นายไม่ได้ทาครีมที่โคนกับปลายหางฉันนะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้”
“ตรงนั้น…เธอทาเองเถอะ…”
“ในฐานะเชลยศึก หน้าที่อย่างหนึ่งของนายก็คือรับใช้ราชินีไม่ใช่หรือ?”
เธอนอนพาดอยู่บนเก้าอี้ เอนตัวขึ้นเล็กน้อยด้วยข้อศอก แล้วหันกลับมามองลีออนพร้อมรอยยิ้มเย้ย “เร็วเข้าสิ… หรือว่านายกลัวจะไปโดนโคนหางฉัน?”
การยั่วยุ
ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลที่สุดกับลีออน แต่ตอนนี้ นายพลลีออนผู้ผ่านศึกโชกโชนจะไม่ตกหลุมพรางง่าย ๆ อีก
เขามองหางที่เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วนั้น แล้วมองสีหน้าภูมิใจของราชินีมังกร
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห
ให้ตายสิ เขาจะไม่ทนอีกแล้ว!
ลีออนปาครีมกันแดดในมือลง แล้วชูมือขึ้นก่อนจะฟาดลงบนบั้นท้ายมังกรของรอสไวส์อย่างแรง
เสียงเพี๊ยะก้องกังวาน รอสไวส์สะดุ้งทันที รู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติ
“ลีออน นายทำอะไรน่ะ?! ถ้านายกล้าทำ—”
เพี๊ยะ! —
บท 201: ความเข้าใจอีกครั้ง
แม้ลิตเติ้ลไลท์จะเกิดทีหลังพี่สาวทั้งสองคน แต่จำนวนละครดี ๆ ที่ได้ดูนั้นไม่ได้แพ้พี่ ๆ เลยแม้แต่น้อย
มีคู่สามีภรรยาคู่ไหนบ้าง ที่จะเล่นมวยปล้ำกันต่อหน้าทารกอายุไม่ถึงเดือน?
เวลาคู่นี้ทะเลาะกัน ก็เล่นกันแบบจัดเต็มทุกที
รอสไวส์รู้ดีว่าช่วงเอวของลีออนคือจุดอ่อน จึงใช้ปลายหางจิ้มบริเวณไตเขาอย่างไม่ยั้ง
ส่วนลีออนก็รู้ว่า ถ้าตีบั้นท้ายของราชินีมังกรจะเกิดเสียงดังชัด เขาจึงเล็งไปที่ก้นกลม ๆ ของเธอทุกดอก
สุดท้าย ราชินีมังกรสีเงินก็ใช้ความได้เปรียบทางสายพันธุ์ (หางที่ยาวและยืดหยุ่น) เอาชนะนายพลลีออนได้สำเร็จ
เธอใช้เรียวยาวของขาตัวเองรัดรอบคอของชายเจ้าเล่ห์ แล้วให้หางพันรอบเอวเขา — ท่า “ล็อกกรรไกร” อย่างสมบูรณ์แบบ
ท่าอาจจะดูไม่สง่างามนัก แต่ประสิทธิภาพนั้นเกินร้อย
ลีออนที่นอนอยู่ระหว่างเรียวขาของมังกรจอมเจ้าเล่ห์ ได้กลิ่นครีมกันแดดที่เพิ่งทาลงบนตัวเธอผสมกับกลิ่นเค็มจาง ๆ ของทะเล ลอยเข้าสู่จมูกเขา
อืม… กลิ่นของทะเล
“ยอมแพ้หรือยัง?” รอสไวส์จับหน้าของเขาไว้ในมือ บังคับให้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ
ไหล่ของลีออนแบกรับเรียวขาของเธอไว้เต็มสองข้าง ปากของเขาถูกหนีบอยู่ระหว่างต้นขานุ่มนิ่ม จนกลายเป็นรูปตัว “O” แต่คำตอบของเขาคือ “ไม่ยอมแพ้! ข้าคัสโมเด ไม่เคยพูดคำว่า ‘แพ้’ ในชีวิต เจ้ามังกรตัวแสบ คิดว่าท่าล็อกกรรไกรนี่จะทำให้ข้ายอมแพ้เจ้าได้รึ? เพ้อเจ้อ!”
“เครื่องหมาย~ มังกร~ เปิดใช้!”
“โอเค ๆ ๆ ข้ายอมแพ้~”
เขาตบต้นขาของรอสไวส์ ซึ่งเป็นท่าทางที่ในเวทีแข่งขันหลายประเภทใช้สื่อว่า “ยอมแพ้”
รอสไวส์ส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างเย้ยหยัน ก่อนจะปล่อยลีออนให้เป็นอิสระ
ลีออนลุกขึ้น นวดหน้าตัวเองที่เพิ่งโดนต้นขาของเธอบดขยี้ ใบหน้ายังอุ่นอยู่เพราะสัมผัสนุ่ม ๆ พร้อมกลิ่นครีมกันแดดจาง ๆ
เขารีบปาดหน้าปาดตา หวังจะเช็ดคราบครีมกันแดดที่เหนียวเหนอะออกไป
“จะเช็ดทำไม ก็เพื่อกันแดดไง” รอสไวส์กล่าว
“วอลนัทโดนทุบยังไม่พังสมอง แต่ครีมกันแดดที่ทาไว้บนต้นขาเจ้ากันแสงแดดไม่ได้หรอก” ลีออนสวนกลับ
“โอ้โห แต่งสัมผัสคำเก่งจัง วิทยานิพนธ์ของนายตอนเรียนจบจากสถาบันนักล่ามังกรต้องได้คะแนนดีแน่เลยสินะ?”
ลีออนปรบมือเบา ๆ แล้วเอนตัวลงบนเก้าอี้ชายหาด อุ้มลิตเติ้ลไลท์ขึ้นมา “แน่นอน และหัวข้อวิทยานิพนธ์ของผมก็ล้ำสุด ๆ ด้วย”
“หัวข้ออะไรล่ะ?”
“‘วิธีรับมือกับมังกรสาวที่ยืนกรานจะมาเป็นเมียเรา’”
รอสไวส์กลอกตาอย่างเหนื่อยใจ รู้ดีว่าเขาเริ่มพูดเหลวไหลอีกแล้ว
ถ้าเป็นใครคนอื่นพูดลามปามกับเธอแบบนี้ ลีออนรู้ดีว่า ราชินีมังกรเงินจะไม่ชายตามองด้วยซ้ำ
ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่เคยรำคาญที่จะใช้เวลาและคำพูดเถียงกับลีออนเรื่องไร้สาระพวกนี้
ทำไมเหรอ?
ก็อายุขัยของมังกรมันยาวนานเหลือเกิน ต้องหาวิธีเปลืองเวลาเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นก็มีแต่จะเบื่อหน่ายเปล่า ๆ
ไม่ใช่เพราะเจ้านักเลงคนนี้มีความหมายอะไรในใจเธอหรอกนะ
“ฉันน่ะเหรอ ที่ยืนกรานจะเป็นเมียนาย? เพ้อเจ้อจริง ๆ”
“อา… ผู้หญิงนี่ดื้อรั้นกันทุกคนเลยเนอะ” ลีออนถอนหายใจ พลางเขย่าลิตเติ้ลไลท์เบา ๆ เล่น
รอสไวส์ปรายตามองเขา “หึ เด็กน้อย”
หลังจากหยอกเย้ากันเสร็จ ทั้งคู่ก็นอนเอนกายพักผ่อน ดื่มด่ำกับความสงบของทะเล
สายลมทะเลที่สดชื่นและเค็มเล็กน้อยพัดพาเอาความเหนื่อยล้าและความเครียดที่สะสมไว้ให้เบาบางลง เมื่อทอดสายตามองไปยังมหาสมุทรกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เรื่องทุกข์ร้อนทั้งหลายก็พลันดูเล็กน้อยไปถนัดตา
“ว่าแต่ว่า ดินแดนของมนุษย์น่ะ ไกลจากทะเลใช่ไหม?”
ลีออนพยักหน้า “ผมเคยเห็นทะเลแค่ครั้งเดียวตั้งแต่เด็ก แล้วนั่นก็ยังเป็นตอนออกศึกอีกต่างหาก ไม่มีโอกาสได้ชื่นชมจริง ๆ จัง ๆ เลย”
บนแผ่นดินที่เปี่ยมไปด้วยเวทมนตร์และปาฏิหาริย์แห่งนี้ เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ อาศัยอยู่ร่วมกัน นอกจากความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับมังกรที่แย่งชิงทรัพยากรอันจำกัด ยังมีสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ในดินแดนต่าง ๆ ด้วย
แต่ละเผ่ามีข้อได้เปรียบและทรัพยากรของตนเอง
อย่างเช่น มนุษย์นั้นมีทรัพยากรด้านผืนดินมากมาย และมีพื้นที่กว้างใหญ่เหมาะแก่การทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์
พวกมนุษย์ยังสามารถเพิ่มจำนวนประชากรได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ จนสามารถผลิตยอดฝีมือหายากอย่างนายพลลีออนได้—ที่ดินมากมายขนาดนี้ ต่อให้เกิดกันมากแค่ไหนก็ไม่มีวันเต็ม
แต่ในแคว้นกลางของจักรวรรดิ หากครอบครัวใดมีลูกเกินสองคนจะถูกปรับเงิน
อย่าถามว่าทำไม—“นโยบายจากเบื้องบน” ก็แค่นั้น
ส่วนเผ่ามังกร แม้จะมีทรัพยากรที่ดินน้อยกว่าและอาณาเขตเล็กกว่า แต่ข้อได้เปรียบอยู่ที่ “ความหลากหลาย”
ทรัพยากรทางทะเล ป่าเขาขรุขระ และนครลอยฟ้า—ทั้งสามสิ่งนี้เผ่ามังกรล้วนมีครบ ส่งผลให้มังกรแต่ละสายพันธุ์โดดเด่นในแต่ละสภาพแวดล้อมแตกต่างกันไป
และเพราะมีทรัพยากรสิ่งแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ มังกรจึงมีทางเลือกในการพักผ่อนหย่อนใจมากกว่ามนุษย์และเผ่าอื่น ๆ เป็นธรรมดา
รอสไวธ์ยกแขนเรียวยาวขึ้นช้า ๆ ชี้ไปยังมหาสมุทรเบื้องหน้า “เลยทะเลไปนั่นคืออาณาเขตของเผ่ามังกรทะเล”
ลีออนเลิกคิ้วขึ้น “งั้นนี่เรากำลังจัดปาร์ตี้อยู่หน้าบ้านคนอื่นเหรอ?”
รอสไวธ์ส่ายหน้าแล้วยิ้มบาง ๆ
“ไม่หรอก พวกเขาอยู่ไกลจากที่นี่มาก อีกอย่างเผ่ามังกรทะเลไม่เหมือนกับเผ่ามังกรอื่นเลย พวกเขาไม่ชอบต่อสู้ด้วยซ้ำ จะพูดว่า… นุ่มนิ่มก็ยังได้ นายเคยเจอพวกเขามาก่อนไหม?”
“ไม่เคยเลย” ลีออนตอบตรง ๆ ก่อนจะเว้นจังหวะไปเล็กน้อยแล้วเสริมว่า “จริง ๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินชื่อเผ่านี้ด้วยซ้ำ หนังสือเรียนเรายังไม่เคยพูดถึงเลย”
“อย่างนั้นเหรอ… บางทีอาจเพราะพวกเขาไม่ชอบออกหน้าออกตา ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา พวกเขาไม่เคยก่อปัญหาเลย” รอสไวธ์กล่าวช้า ๆ
“โดยเฉพาะเมื่อประมาณสามสิบปีก่อน ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร อยู่ ๆ มังกรจากพื้นที่สาธารณะอย่างนครฟ้าและสถาบันเซนต์ไฮส์ก็แทบไม่ได้พบพวกเขาอีกเลย”
ลีออนรู้สึกใจสะท้านเล็กน้อย “หรือว่าพวกเขาถูกเผ่าอื่นโจมตี?”
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน สิ่งแวดล้อมที่เผ่ามังกรทะเลอาศัยอยู่ค่อนข้างพิเศษ โดยทั่วไปแล้ว มังกรเผ่าอื่นยังเข้าไม่ถึงดินแดนที่แท้จริงของพวกเขาด้วยซ้ำ เพราะงั้นสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาก็เลยคลุมเครือมาก”
“ดินแดนที่แท้จริง? หมายความว่าไง?” ลีออนถาม
รอสไวธ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ชายหาด แล้วอธิบายอย่างใจเย็นกับเชลยผู้เป็นนักเรียนของเธอ “ในความเข้าใจของนาย รูปร่างของมังกรทั้งหมดเหมือนกันใช่ไหม?”
ลีออนพยักหน้า “มีสี่ขา ปีกหนึ่งคู่ หางหนึ่งเส้น แล้วก็หัวเรียบ ๆ เอาไว้ให้ตัดง่าย ๆ”
รอสไวธ์กลอกตาใส่เขาอย่างเหนื่อยใจ ลีออนหัวเราะแห้ง ๆ “พูดต่อ ๆ ไปเถอะ”
“ที่นายพูดมาก็ไม่ผิดหรอก เพราะรูปร่างของมังกรส่วนใหญ่เป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่เผ่ามังกรทะเลถือเป็นสาขาย่อยที่พิเศษมาก”
ลีออนตั้งใจฟัง ขณะที่รอสไวธ์พูดต่อ “มังกรทะเลปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมเฉพาะตัวของพวกเขา พวกเขาไม่มีปีก ลำตัวยาวเรียวและลื่นไหล คล้ายสิ่งมีชีวิตในน้ำ พวกเขาอาศัยอยู่ลึกลงไปใต้ทะเล ในที่ที่มังกรเผ่าอื่นไม่สามารถอยู่รอดได้หากไม่มีการปรับสภาพเฉพาะ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เรารู้น้อยมากเกี่ยวกับพวกเขา และทำไมพวกเขาถึงดูเหมือนหายไปจากอาณาเขตของมังกรโดยทั่วไป”
ลีออนฟังด้วยความสนใจ “งั้นพวกเขาก็เหมือนกับเวอร์ชันมังกรในทะเล ที่ปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใต้สมุทรน่ะสิ?”
“ใช่เลย” รอสไวธ์ตอบยืนยัน
“อาณาจักรที่แท้จริงของพวกเขาอยู่ใต้ท้องทะเล ในจุดที่มังกรส่วนใหญ่เข้าไม่ถึง นั่นทำให้พวกเขาโดดเดี่ยว และแทบไม่มีใครรู้จัก ไม่ว่าจะในหมู่มังกรเองหรือในสังคมมนุษย์ก็ตาม”
ลีออนพยักหน้าอย่างครุ่นคิด รู้สึกทึ่งกับความหลากหลายอันยิ่งใหญ่ในเผ่าพันธุ์มังกร และความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในโลกของพวกเขา
รอสไวธ์กล่าวต่อ “รูปร่างมังกรของพวกเขาคล้ายงูหลามยักษ์ แต่ยังคงมีเขามังกรและหางมังกรอยู่”
“ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากรูปลักษณ์ที่แตกต่างแล้ว เผ่ามังกรทะเลยังมีโครงสร้างทางสรีรวิทยาที่ไม่เหมือนใคร พวกเขามีอวัยวะที่ช่วยให้หายใจใต้น้ำได้ ทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานาน”
“ด้วยข้อได้เปรียบนี้ พวกเขาจึงสร้างอาณาจักรที่แท้จริงขึ้นใต้มหาสมุทรในจุดหนึ่ง — แอตแลนติส”
ลีออนทวนชื่อแปลกหู “แอตแลนติส…”
“ใช่ ในแอตแลนติส แทบไม่มีสงครามใดส่งผลถึงพวกเขาได้เลย มันคือสรวงสวรรค์ที่แท้จริง”
รอสไวธ์ถอนหายใจ “ดังนั้น ฉันคิดว่าการที่พวกเขาหายหน้าหายตาไปอย่างกะทันหัน คงไม่ใช่เพราะการรุกรานจากภายนอก”
ลีออนประมวลข้อมูลใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน แล้วค่อย ๆ พ่นลมหายใจออก “ดูเหมือนว่าผมจะรู้อะไรเกี่ยวกับเผ่ามังกรของคุณน้อยเกินไปจริง ๆ”
รอสไวธ์ยิ้มแล้วไหวไหล่ “นายยังเด็กเกินไป ยังไปมาไม่กี่ที่ ประสบการณ์ก็ยังน้อย ประวัติศาสตร์ของเผ่ามังกรมันยาวนาน… ยาวนานจริง ๆ”
ลีออนแค่นหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปเล่นกับลิตเติ้ลไลท์ต่อ “แต่ผมไม่ค่อยสนใจเผ่ามังกรเผ่าอื่นเท่าไหร่ แค่พยายามเข้าใจว่าวัน ๆ หนึ่งคุณกับเมลค์วี่คิดอะไรกันอยู่ก็เหนื่อยพอแล้ว จะให้ผมมีเวลาสนใจใครอื่นอีกได้ยังไง”
รอสไวธ์กระพริบตาสีเงินแสนสวยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงมีความนัย “โอ้ว~~ เข้าใจแล้วล่ะ”
“เข้าใจอีกแล้วเหรอ? เข้าใจอะไรอีกล่ะ?”
หญิงสาวผมสีเงินหันมามองเขาช้า ๆ ยิ้มตาหยี “สายตาของนาย มีแค่ฉันคนเดียวใช่มั้ยล่ะ?”
“ยัยมังกรเอ๊ยยย! พรุ่งนี้ผมจะควักลูกตาตัวเองให้ดูเลย จะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์!”
บท 202: ลิตเติ้ลไลท์ซัดลีออน
ตกเย็น บริเวณชายหาดมีงานบาร์บีคิวกลางแจ้ง ลีออนยืนอยู่หน้าเตาย่าง สวมผ้ากันเปื้อนและถือคีมคีบเนื้อไว้แน่น กำลังบรรจงจัดการกับเนื้อน่องวัวชั้นดีอย่างจริงจัง
ถ่านร้อน ๆ ในเตาเปล่งแสงสว่างแดงฉาน เปลวไฟลุกพรึ่บตามกระแสลมร้อนเป็นพัก ๆ เนื้อวัวที่วางอยู่บนตะแกรงกำลังส่งเสียงฉ่าอย่างชวนหิว กลิ่นหอมลอยฟุ้งไปทั่ว
สองสาวน้อยลูกมังกรยืนประกบซ้ายขวาของคุณพ่อ ถือส้อมในมืออย่างตื่นเต้น เตรียมพร้อมจะโค่นศัตรูที่ชื่อว่า “เนื้อวัวปีศาจ” ตรงหน้า
เนื้อวัววันนี้อร่อยกว่าวัวเหล็กที่มูนเคยกินประจำมากนัก เพราะเป็นวัตถุดิบชั้นดีที่ทางเขตท่องเที่ยวพิเศษของเผ่ามังกรจัดเตรียมไว้ให้ หาไม่ได้ง่าย ๆ ในที่ทั่วไป
รอสไวธ์เองก็ไม่ใช่สายกินเลิศหรู เธอทำอาหารกินเองบ้างเป็นครั้งคราว และฝีมือก็ถือว่าไม่เลว แต่ในเรื่องการกิน เธอไม่มีความต้องการอะไรเป็นพิเศษ
รสชาติดี มีประโยชน์ และปลอดภัย—แค่นี้ก็พอแล้ว
ตอนนี้เธอจึงได้แต่抱ลิตเติ้ลไลท์ไว้ในอ้อมแขน ยืนอยู่ข้างหลังลีออนอย่างเงียบ ๆ มองดูท่าทางยุ่งวุ่นวายของเขา
ฟันของลิตเติ้ลไลท์ยังขึ้นไม่เต็ม ยังไม่สามารถกินเนื้อย่างได้ ต้องรออีกประมาณหนึ่งสัปดาห์
แต่ลิตเติ้ลไลท์มีจมูกที่ไวต่อกลิ่นอย่างมาก
พอได้กลิ่นหอมของเนื้อย่าง เธอก็พูดอ้อแอ้ในภาษาทารก พร้อมกับยื่นแขนเล็ก ๆ ไปทางด้านหลังของลีออน
รอสไวธ์บีบแก้มลูกสาวเบา ๆ “ลิตเติ้ลไลท์ยังกินไม่ได้นะ แม่เตรียมของอร่อยอย่างอื่นมาให้แล้วนะ” เธอพูดปลอบลูก แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ชายหาด ค่อย ๆ ป้อนสมูทตี้นมเสริมสารอาหารที่เตรียมไว้ให้ลิตเติ้ลไลท์ทีละช้อน
ลูกสาวคนเล็กก็ดื่มสมูทตี้อย่างว่าง่ายและมีความสุข ท่ามกลางกลิ่นหอมของเนื้อย่างที่ลอยอบอวลอยู่รอบตัว
ราชินีจึงเผยรอยยิ้มละมุนอย่างป้าผู้แสนอบอุ่น
และตอนนี้ เธอกับลีออนยังคงดำรงอยู่ในครอบครัวจอมปลอมนี้ ทุกอย่างดูสงบสุขและกลมกลืน ไม่มีใครในโลกนอกจากพวกเขาเองที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นแค่คู่สามีภรรยาเสแสร้ง ถึงแม้ลูกสาวทั้งสามจะเกิดมาในครอบครัวหลอกลวงนี้ แต่ความรักที่พวกเธอได้รับนั้นกลับเป็นของจริงอย่างแท้จริง
แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว มากเกินพอเสียด้วยซ้ำ ชีวิตในแบบนี้ได้เกินความคาดหวังในตอนแรกของรอสไวธ์ไปไกลนัก แต่…เบื้องหลังของคำโกหกอันสวยหรู ย่อมมีคนที่ต้องเป็นผู้แบกรับน้ำหนักของคำลวงเหล่านี้เอาไว้
สิ่งที่ลีออนไม่เคยรู้มาก่อนเลยก็คือ ระหว่างช่วงที่รอสไวธ์ตั้งครรภ์ลิตเติ้ลไลท์ เธอมักจะฝันร้ายอยู่บ่อยครั้ง ฝันร้ายเหล่านั้นมักจะเป็นภาพของลีออนที่จากวังมังกรเงินไป จากครอบครัวหลอกลวงนี้ไป และจากลูกสาวทั้งสามที่รักเขาอย่างสุดหัวใจ
แน่นอน…เขาก็จากรอสไวธ์ไปด้วยเช่นกัน
ทุกครั้งที่ฝันนั้นปรากฏขึ้นมาในห้วงสำนึกของรอสไวธ์ เธอก็มักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเสมอ
เธอจำรายละเอียดของความฝันไม่ได้ จำไม่ได้ว่ามันเริ่มต้นหรือจบลงอย่างไร สิ่งเดียวที่ยังคงอยู่ในความทรงจำก็คือ “ลีออนได้จากไปแล้ว” ไม่มีภาพอันน่าสะพรึงกลัว ไม่มีเสียงร่ำไห้อันแสนเจ็บปวด มีเพียงการจากไปอันเงียบงัน ที่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอจะทำให้รอสไวธ์เหงื่อแตกและขวัญเสีย
แต่เมื่อเธอหันไปมองบุรุษที่นอนอยู่ข้างหมอน หัวใจที่เต้นแรงแทบทะลุอกก็ค่อย ๆ สงบลง
ทุกอย่าง…มันก็แค่ความฝันเท่านั้น
รอสไวธ์ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงฝันแบบนั้น หรือทำไมฝันแบบนั้นถึงได้รบกวนจิตใจเธอนัก เธอคิดแล้วคิดอีก จนรู้สึกว่า อาจเป็นเพราะเธอกลัวเหลือเกินว่าครอบครัวที่ได้มายากเย็นนี้จะพังทลายลงในชั่วข้ามคืนก็เป็นได้
เหมือนกับแรงกดดันที่เธอแบกรับไว้ตอนที่ลีออนกลับไปยังจักรวรรดินั่นแหละ เป็นแรงกดดันที่ไม่มีใครเข้าใจหรือเห็นใจเธอได้เลย
ห้าวันห้าคืน สำหรับมังกรที่มีอายุยืนยาวนับพันปีมันอาจจะแค่เสี้ยวเวลาเล็ก ๆ เท่านั้น แต่สำหรับรอสไวธ์ มันกลับเป็นห้าวันห้าคืนที่แสนทรมานที่สุดในชีวิต
เธอกลัวว่า…ลีออนจะไม่กลับมา
กลัวว่า สามเดือนที่ต้องจากกันจะยาวนานเกินไป
กลัวว่า การพบหน้าครั้งต่อไป…อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตก็เป็นได้
แม้ทุกอย่างจะผ่านไปแล้วก็ตาม แต่รอสไวธ์ก็ยังอดไม่ได้ที่จะนึกย้อนถึงความรู้สึกของตัวเองในตอนนั้น
คนที่สามารถทำให้ราชินีมังกรเงินผู้สูงศักดิ์ถึงกับนอนไม่หลับ…ทั้งโลกนี้ก็คงมีแค่เขาคนนั้นคนเดียวเท่านั้นสินะ
ฮึ่ม…น่าหงุดหงิดจริง ๆ ไว้ค่อยโมโหทีหลังก็แล้วกัน ไม่บอกเหตุผลด้วย ให้เขาเดาเอาเองเลย!
“วา วา~”
ลิตเติ้ลไลท์ดูดมิลค์เชคหมดแล้ว โบกไม้โบกมือแล้วคว้าหางเปียเล็ก ๆ ข้างขมับของรอสไวธ์ไว้
“เจ้าตัวติดแม่จริง ๆ เลยน้า พออยู่กับพ่อก็แจกหมัดอัปเปอร์คัตให้ แต่พออยู่กับแม่กลับเอาแต่จับผมแม่เล่น”
รอสไวธ์แหย่ลูกสาว “ลิตเติ้ลไลท์ โตไว ๆ นะ โตเมื่อไหร่ หมัดอัปเปอร์คัตจะได้แรงขึ้นอีก~”
“วู~ อะบา อะบา~” ลิตเติ้ลไลท์อ้อแอ้กลับ
“ปิ้งย่างเสร็จแล้ว มากินกันเถอะ ฉันจะอุ้มลิตเติ้ลไลท์เอง” ลีออนถอดผ้ากันเปื้อนแล้วเดินเข้ามา
รอสไวธ์ลุกขึ้นส่งลิตเติ้ลไลท์ให้เขา ลีออนรีบก้มหน้าลงไปหอมแก้มลูกสาวด้วยความเอ็นดู แต่แล้ว…
เพี๊ยะ! หมัดอัปเปอร์คัตมาอีกแล้ว!
“เฮ้อ~~ อ๊ากก~”
ลีออนไม่เข้าใจว่าทำไมลิตเติ้ลไลท์ถึงชอบแจกหมัดอัปเปอร์คัตให้เขานัก เขาจำได้ว่าไม่ได้สอนอะไรแบบนั้นระหว่างช่วงตั้งครรภ์สักหน่อย…
รอสไวธ์ยกมือปิดปาก หัวเราะเบา ๆ “ดูท่าลูกสาวของเราจะไม่ถูกชะตากับนายตั้งแต่เกิดเลยล่ะมั้ง”
“เชอะ ก็ยังตัวเล็กอยู่นี่นา เห็นอะไรก็อยากต่อยไปหมดนั่นแหละ ลองเธอเข้ามาใกล้ดูสิ เดี๋ยวก็โดนเหมือนกันนั่นแหละ” ลีออนพูด
“ลิตเติ้ลไลท์ไม่ต่อยฉันหรอก” รอสไวธ์ตอบ
“งั้นลองดู” ลีออนท้าทาย
“ได้สิ ลองกันเลย” รอสไวธ์พูด พลางโน้มตัวลงมา เอาแก้มสวย ๆ ของเธอแนบเข้าหาลิตเติ้ลไลท์
ลิตเติ้ลไลท์ยกหมัดน้อย ๆ ขึ้น ดูกระตือรือร้นเต็มที่
ตาของลีออนเป็นประกาย ใช่เลย ลูกพ่อดีมาก ต่อยเข้าไปเลย!
“วา วา~” ลิตเติ้ลไลท์ส่งเสียงอ้อแอ้ แล้วใช้มือจิ๋วบีบแก้มของรอสไวธ์แทน
รอสไวธ์เอามือลิตเติ้ลไลท์ลูบแก้มตัวเองเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หันไปมองลีออน “เห็นไหมล่ะ? บอกแล้วว่าลิตเติ้ลไลท์ไม่ต่อยฉัน เธอต่อยแค่นายคนเดียว”
“เป็นไปไม่ได้ มันต้องบังเอิญแน่ ๆ” ลีออนยังไม่ยอมรับ เข้าไปหาลิตเติ้ลไลท์อีกครั้ง และแน่นอน… ผลก็คือหมัดอัปเปอร์คัตอีกหนึ่งดอก!
“ทำไมกันเนี่ย?!” ลีออนเริ่มรู้สึกว่าการเลี้ยงลูกสาวเป็นเรื่องปวดหัวครั้งแรกในชีวิต
รอสไวธ์ตบไหล่ลีออนเบา ๆ “ช่างเถอะ เดี๋ยวก็ชินไปเองแหละ”
“เธอหมายความว่าลิตเติ้ลไลท์จะไม่แจกหมัดให้ฉันอีกแล้วเหรอ?” ลีออนถาม
“เปล่า ฉันหมายความว่า นายจะชินกับมันต่างหากล่ะ” รอสไวธ์ตอบพร้อมรอยยิ้ม
“…เฮ้อ ไปกินบาร์บีคิวของเธอเถอะ ฉันไม่อยากพูดกับเธอแล้ว” ลีออบ่นอุบ
รอสไวธ์หันมายิ้มตาหยีเตรียมเดินออกไป แต่ก็หันกลับมาถามอีกครั้ง “ไม่กินเหรอ?”
“กินไปนิดหน่อยแล้ว ไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” ลีออนตอบ
“โอ้ ได้จ้ะ” รอสไวธ์ตอบโดยไม่เซ้าซี้อะไรอีก แล้วเดินไปที่เตาย่าง กินบาร์บีคิวกับลูกสาวทั้งสอง
ในขณะเดียวกัน ลีออนก็ค่อย ๆ วางลิตเติ้ลไลท์ลงบนเก้าอี้ชายหาด แล้วนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ มองลูกสาวตัวน้อยด้วยสีหน้าจริงจัง
“เด็กดี ลองใหม่อีกทีนะ คราวนี้ห้ามตีพ่อเด็ดขาด เข้าใจไหม? ต้องกอดพ่อนะ เข้าใจไหม?”
แต่พอลูกสาวดื้อขึ้นมา ต่อให้มังกรแปดตัวยังฉุดไว้ไม่อยู่ ลีออนพูดพลางค่อย ๆ เอาหน้าเข้าไปใกล้ลิตเติ้ลไลท์อีกครั้ง
ลิตเติ้ลไลท์เอียงคอมองพ่อแก่ ๆ ของเธอที่ค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้ามาทีละนิด พลางส่งเสียงอ้อนเบา ๆ แล้วยื่นมือเล็ก ๆ ออกมาอย่างช้า ๆ
ลีออนเห็นท่าทางแบบนั้นก็แอบดีใจในใจ
ในที่สุด คราวนี้เขาจะได้สัมผัสความรักของลูกสาวแล้ว~~
“เพี๊ยะ!” ——
“ว้าว ว้าว~” ลิตเติ้ลไลท์ตบมือตัวเองด้วยความตื่นเต้นสุด ๆ
หลังจากโดนอัปเปอร์คัตครั้งที่สี่ในวันเดียว ลีออนก็ยอมแพ้ เขาทิ้งตัวลงนอนบนชายหาดอย่างหมดแรง
โนอาที่ได้ยินเสียงเอะอะหันมามองแล้วกระพริบตาถามว่า “พ่อ นอนทำไมอยู่ตรงนั้นเหรอ?”
รอสไวธ์เคี้ยวบาร์บีคิวอร่อย ๆ ไป มองนายพลลีออนผู้หมดสภาพด้วยสายตาขบขัน พลางหัวเราะเบา ๆ “เขาคงแค่เหนื่อยน่ะ เดี๋ยวก็หาย ไป กินบาร์บีคิวกันต่อเถอะ”
บท 203: เด็กไม่ควรดู
สายลมยามค่ำคืนพัดปลิวเส้นผมยาวของหญิงงามให้โบกไหวตามจังหวะของราตรีและแสงไฟที่ริบหรี่ ราวกับทางช้างเผือกได้แปรเปลี่ยนลงมาสู่ผืนโลก
เธอเดินเท้าเปล่าบนผืนทรายชื้น ๆ เคียงข้างชายผู้ถูกเรียกขานว่า “สามี” จูงมือกันไป
ผืนทรายใต้ฝ่าเท้านุ่มละมุน ยามก้าวแต่ละก้าวจะจมลงเล็กน้อย เย็นสบาย บางครั้งก็มีน้ำทะเลที่ซึมมาปะปนอยู่ในรอยเท้าตื้น ๆ
เสียงคลื่นจากฟากทะเลสาดซัดเข้ามาเป็นระยะ พร้อมกับเสียงขับร้องแว่วหวานอย่างต่อเนื่อง
การจับมือนั้นเป็นคำแนะนำของลีออน
เมื่อเขาเพิ่งเดินมาหารอสไวธ์และเสนอว่าอยากจะจูงมือเดินเล่นริมทะเลด้วยกัน รอสไวธ์ก็แอบคิดในใจว่า “หมานี่ท่าจะทนไม่ไหวแล้วสินะ กำลังจะสารภาพรักล่ะสิ? ไม่ได้นะ นักล่ามังกร เจ้ายอมแพ้ไม่ได้”
แต่สุดท้าย ราชินีก็ประเมินเขาต่ำไป
ลีออนบอกว่า เขาแค่อยากแสดงความรักต่อหน้าเหล่าลูกสาวเท่านั้นเอง
เพราะสายตาของโนอาเมื่อไม่กี่วันก่อน มันติดตาลีออนจนเขาไม่อาจปล่อยผ่านไปได้
ลีออนจึงคิดว่า ในทริปเที่ยวทะเลครั้งนี้ เขาจะปล่อยให้โนอา รวมถึงลูกสาวคนรองและคนเล็ก ได้เห็นว่าพ่อกับแม่รักใคร่กันมากแค่ไหน
เมื่อได้ยินความคิดของลีออน รอสไวธ์ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร
ทั้งคู่เดินจูงมือกันไปตามชายหาด ด้วยรูปลักษณ์และเสน่ห์ที่โดดเด่น ทำให้สายตาหลายคู่หันมามองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อพวกเขาอยู่เคียงข้างกัน จะมีบางอย่างที่เปล่งประกายออกมาอย่างมิอาจต้านทานได้
ทุกสิ่งรอบกายล้วนกลายเป็นฉากหลังที่ขับเน้นให้พวกเขาดูโดดเด่นยิ่งขึ้น จนแม้แต่ดวงจันทร์และหมู่ดาวก็ยังดูจืดจางลงถนัดตา
หากใครไม่รู้มาก่อน อาจเข้าใจผิดว่าทั้งสองเป็นคู่บ่าวสาวที่เพิ่งแต่งงานกันและมาเที่ยวถ่ายภาพพรีเวดดิ้งก็เป็นได้
แต่ความจริงแล้ว พวกเขาแค่เดินจูงมือกันแบบสบาย ๆ ไม่กี่ก้าวเท่านั้นเอง
รอสไวธ์ยกมือขึ้นจัดเส้นผมที่ปลิวกระเซ็นจากแรงลม “ตอนแรกนึกว่าจะเป็นอะไรที่มากกว่านี้ สุดท้ายกลายเป็นแค่เดินเล่นจริง ๆ”
ลีออนบีบมือที่นุ่มนิ่มของเธอเบา ๆ แล้วไหล่ตก “แล้วเธอนึกว่าเป็นอะไรล่ะ?”
“การสารภาพรัก” รอสไวธ์ตอบ
“สายลมเย็นย่ำ ชายหาด ท้องทะเล ไฟลุกโชนกับหมู่ดาว บรรยากาศมันช่างเหมาะกับการสารภาพรักจริง ๆ เลยนะ”
“งั้นก็สารภาพมาสิ” ผมพูดขึ้น
ราชินีหยุดเดิน หันหน้ามามองผมด้วยหางตา “นายหมายความว่ายังไง? นายอยากให้ฉันเป็นคนสารภาพกับนายเหรอ?”
“ก็เธอพูดเองว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการสารภาพรัก แถมยังพูดวนอยู่เรื่องนี้ไม่หยุด งั้นทำไมไม่ลองสารภาพเองล่ะ? ผมฟังอยู่นะ” ผมตอบกลับไป
รอสไวธ์หัวเราะในลำคอ ก่อนจะชกแขนผมเบา ๆ อย่างหยอกล้อ “นายอยากให้ราชินีคนนี้เป็นฝ่ายสารภาพรักก่อนงั้นเหรอ? เอาไว้ชาติหน้าเถอะ”
“โอ้ ผมซึ้งใจจังเลย” ผมประชดกลับไป
ได้ยินแบบนั้น รอสไวธ์กระพริบตาอย่างงุนงง “ซึ้งใจ? นายซึ้งใจเรื่องอะไร?”
“ผมแค่คิดถึงชาตินี้ แต่เธอเล่นวางแผนไว้ถึงชาติหน้าแล้ว แบบนี้มันน่าซึ้งยิ่งกว่าการได้สารภาพรักอีกนะ” ผมพูดออกไป
รอสไวธ์ผลักมือผมออก แล้วเตะผมตกทะเลไป
โชคดีที่นายพลลีออนผ่านศึกมาโชกโชน มีประสบการณ์การต่อสู้โชกโชน
ในจังหวะที่ร่างผมกำลังจะตกลงไปในทะเล ผมคว้าชุดของรอสไวธ์ไว้ทัน
สาดน้ำ—
เสียงร้องตกใจของรอสไวธ์จมหายไปกับเสียงคลื่นกระทบ
ทั้งสองร่วงลงไปในน้ำตื้นริมชายหาด
พอรู้สึกตัวอีกที เธอก็กลายเป็นฝ่ายนอนทับอยู่บนตัวผมเสียแล้ว
คางของเธอวางอยู่บนหน้าอกของผม พอเงยหน้าขึ้นมา เจ้านายหมากำลังนอนแช่อยู่ในคลื่นทะเล พลางยิ้มอยู่
ฉันกัดริมฝีปาก แล้วหยิกเอวเขาอย่างหมั่นไส้
ยังไม่ทันที่เขาจะร้องออกมา ฉันก็ยกมือขึ้นปิดปากเขาไว้
ชุดท่าลื่นไหลคล่องแคล่วราวสายน้ำ ผ่านการฝึกซ้อมมานับไม่ถ้วนบนเตียง
พอเอาคืนได้สาแก่ใจ ฉันก็ลุกขึ้นยืนอย่างพอใจ
ฉันกอดอก เหลือบตามองลีออนแล้วแค่นเสียง “ชาตินหน้า ฉันไม่อยากเจอนายนะ”
ผมลุกขึ้นจากน้ำ เดินเข้ามาใกล้ “แล้วชาติถัดไปอีกล่ะ?”
“ก็ไม่”
“งั้นดูเหมือนว่า เราคงต้องสะสางเรื่องของเราให้จบกันในชาตินี้แล้วล่ะ”
ฉันเลิกคิ้ว ถามอย่างไม่ใส่ใจว่า “เรื่องอะไรบ้างล่ะ?”
“มีลูกเพิ่มอีกสักสองสามคน…”
“ฮึ่ย— ดูท่า นายอยากโดนตบใช่ไหม!”
พูดจบ ฉันก็หัวเราะพลางยกมือขึ้น แต่ลีออนก็หัวเราะหลบไปพร้อมกัน
ก่อนที่ฝ่ามือนุ่มจะฟาดลง เขาก็จับมือฉันไว้ได้อย่างลื่นไหลอีกครั้ง
ฉันสะบัดมือสองทีแบบเชิงสัญลักษณ์
สะบัดไม่หลุด
“หึ เด็กน้อยจริงๆ”
ฉันเลยยอมแพ้ให้กับนายมังกรนักล่าผู้แสนงี่เง่านี้ ปล่อยให้เขาจูงมือต่อไป ขณะพาเดินเล่นริมชายหาดอย่างเงียบๆ
ในขณะเดียวกัน ที่อีกฟากหนึ่งของชายหาด ลูกสาวมังกรตัวน้อยทั้งสามก็กำลังมองดูพ่อแม่ของพวกเธอซึ่งตอนนี้กำลังทำตัวเหมือนเด็กๆ ด้วยสีหน้าหลากหลายและความคิดในใจที่แตกต่างกันออกไป
มูน (っω•c): แม่กับพ่อน่ารักจังเลย~
ลิตเติ้ลไลท์ ฅ( ̳• ◡ • ̳)ฅ: ถึงจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ในเมื่อแม่เตะพ่อไปทีหนึ่งแล้ว หนูก็มีสิทธิ์ชกพ่อคืนได้ใช่ไหม?
โนอา: “ฉันเห็นพ่อชกคอนสแตนตินหมอบในหมัดเดียว แต่โดนแม่เตะลงทะเลในทีเดียว”
แต่ความคิดของโนอาไม่ได้จบแค่นั้น
ความกังวลของลีออนไม่ใช่เรื่องไร้เหตุผล—โนอาเองก็เริ่มมีความรู้สึก… กังวลเล็กๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อแม่และครอบครัวในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
คืนนั้น เธอไปหาทั้งสองคนที่ห้องของแม่ แต่กลับพบว่าในห้องว่างเปล่า
และหลังจากคืนนั้น พวกเขาก็หายไปถึงห้าวันเต็มๆ
เธอถามแอนนาว่าพ่อกับแม่ไปไหน
แอนนาบอกว่า ทั้งสองคนมีธุระที่ต้องจัดการกันเอง และขอให้ท่านองค์หญิงอย่ากังวลไป
โนอาจึงถามว่า เรื่องอะไรถึงได้ลับขนาดที่แม้แต่ลูกสาวก็ยังบอกไม่ได้
แอนนาตอบว่า เรื่องของผู้ใหญ่นั้นซับซ้อนมาก บางครั้งแม้แต่ลูกสาวก็ไม่สามารถรับรู้ได้
ปกติแล้ว โนอาไม่ชอบให้ใครมองว่าเธอเป็นเด็ก
แต่ครั้งนี้ เธอกลับยอมรับความจริงที่ว่า เธอยังไม่ใช่ผู้ใหญ่
เพราะเธอรู้สึกว่า ตัวเองไม่เข้าใจพ่อกับแม่เลย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอเอาแต่ทดสอบและเสพสุขจากความรักของทั้งสองคน แต่ไม่เคยพยายามทำความเข้าใจคนสองคนนี้ ที่รักเธออย่างสุดหัวใจเลยสักครั้ง
เมื่อรวมกับความสงสัยและข้อกังขาต่างๆ ที่เธอสังเกตได้มาก่อนหน้านี้ ทำให้ความคิดไม่ค่อยดีบางอย่างผุดขึ้นในหัวของโนอา:
เรื่องที่พ่อกับแม่ปิดบังเธอ อาจเป็นเรื่องที่สำคัญต่อครอบครัวทั้งหมด
ถ้าเรื่องนี้หลุดออกจากการควบคุมของพ่อกับแม่ หรือเกิดรั่วไหลจากปัจจัยภายนอก มันอาจจะกลายเป็นหายนะของครอบครัวพวกเขา
โนอาอดรู้สึกเป็นกังวลกับเรื่องนี้ไม่ได้ แม้หลังจากที่พ่อกับแม่กลับมาแล้ว เงามืดที่เกาะอยู่ในใจของเธอก็ยังไม่เลือนหายไป
เหมือนกับว่าเธอได้ย้อนกลับไปอยู่ในช่วงเวลาที่พ่อเพิ่งฟื้นขึ้นมาใหม่ๆ
พยายามหาหลักฐานจากเบาะแสต่างๆ เพื่อพิสูจน์กับตัวเองว่า พ่อกับแม่รักกัน พวกเขาใส่ใจในครอบครัวนี้ และจะไม่มีวันปล่อยให้มันพังลง โนอา เค. เมลก์วี โชคดีที่มีพ่อที่ดีที่สุดในโลก
แม้เพียงแค่แววตาที่แฝงความกังวล ลีออนก็ทุ่มเททุกอย่างเพื่อช่วยลูกสาวให้ผ่านพ้นความกังวลไปได้ พ่อของเธอเข้าใจเธอ รักเธอ และมีประสิทธิภาพเหลือเชื่อในการลงมือทำ
ค่ำคืนนี้ การกระทำของทั้งลีออนและรอสไวส์ ยิ่งตอกย้ำความคิดในใจของโนอาว่า “พวกเขารักกัน พวกเขาใส่ใจในครอบครัวนี้”
ความกังวลและความไม่สบายใจในใจของลูกสาวมังกรน้อยค่อยๆ สลายไปพร้อมกับสายลมเย็นของทะเล
แม้ว่าเธอยังกลัววันจากลาบ้าง แต่ความสุขในตอนนี้มันเอ่อล้นจนเหมือนน้ำในถ้วยที่ล้นออกมา เพียงพอที่จะทำให้โนอาลืมความกังวลเหล่านั้นไปได้ชั่วคราว
“พี่สาว พี่สาว พี่สาว!!”
ในช่วงที่เผลอเหม่อ มูนก็ตบแขนพี่สาวด้วยความตื่นเต้น
“มีอะไรเหรอ?” โนอาสะดุ้งกลับมามีสติ แล้วหันไปมองน้องสาว
มูนกระโดดโลดเต้นชี้ไปยังชายหาดด้านไกล
“พ่อกับแม่กำลังจะทำอะไรที่เด็กๆ ดูไม่ได้แล้ว!”
“หา?” โนอาหันไปมองตามนิ้วของน้องสาว
แน่นอน
ทั้งสองยืนอยู่กลางเกลียวคลื่น น้ำทะเลสูงถึงข้อเท้า
เส้นผมสีเงินของแม่สยายลงมาเหมือนสายธาร สวยงามชวนหลงใหล
มือใหญ่ของพ่อโอบรอบเอวบาง ดึงแม่เข้ามาแนบอก
พวกเขามองตากัน จมูกแนบกันอย่างแผ่วเบา ริมฝีปากแสนเร่าร้อนสัมผัสกันอย่างอ่อนโยน
หญิงสาวผู้เปล่งประกายงดงามยกมือขึ้น ปลายนิ้วลูบแก้มสามี แล้วมองเขาด้วยรอยยิ้ม “นายรู้ใช่ไหม ว่าลูกสาวกำลังมองเราอยู่?”
“รู้สิ”
“งั้นนายก็น่าจะรู้ด้วย ว่าบางฉากไม่เหมาะกับเด็กนะ”
“ทราบแล้ว ฝ่าบาท”
รอสไวส์หน้าแดงระเรื่อ พลางหัวเราะเบาๆ “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว~”
เธอค่อยๆ หลับตา แล้วโน้มตัวเข้าไปจูบผู้ชายตรงหน้า
ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่ง
โนอาเหมือนถูกสะกดสายตา
ตอนนี้เธอเข้าใจสีหน้าของอาจารย์ใหญ่วิลสันแล้ว—ที่แท้การจิ้นมันสนุกแบบนี้นี่เอง!
ส่วนมูนก็เอามือปิดตาน้องสาวตัวน้อยไว้อย่างเงียบๆ แล้วพูดอย่างตั้งใจว่า “เด็กๆ ห้ามดูนะ~”
ลิตเติ้ลไลท์: พี่รองจ๋า ดูเหมือนพี่ก็อยากลองชิมหมัดอัปเปอร์คัตของหนูดูสักทีแล้วล่ะ
บท 204: จูบนำไปสู่การตั้งครรภ์
ริมฝีปากที่สัมผัสกันใต้แสงจันทร์ริมทะเล มีรสชาติที่แตกต่างอย่างประหลาด
สายลมเย็นปะทะแก้มพาเอาความเค็มจางๆ มาด้วย แทรกด้วยความเย็นยะเยือก ส่วนริมฝีปากที่แนบชิดกลับอบอุ่นจนเกิดความแตกต่างที่รุนแรง
เรือนร่างของเธอนุ่มนวลเสียจนเมื่อได้โอบกอดแล้วก็ไม่อยากปล่อย
แนบชิดอยู่ในอ้อมแขนกำยำของชายคนรัก หน้าอกและหน้าท้องแนบกับแผงอกอันสมบูรณ์แบบของเขา เอวบางอรชรถูกรัดแน่นไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่—ภายใต้ความต่างขนาด ทำให้ดูเย้ายวนอย่างกับงูพิษ
นิ้วของลีออนสอดเข้าไปในเส้นผมของเธอ ทิ้งกลิ่นหอมเฉพาะตัวของรอสไวส์เอาไว้
เขาประคองต้นคอของรอสไวส์เบาๆ พยายามให้ริมฝีปากแนบกันให้สนิทยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าต้องคำนึงถึงลูกสาวที่อยู่ใกล้ๆ ด้วย ระดับความหวานแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ถึงแม้เขาจะสัมผัสได้ถึงความพยายามหลายครั้งของรอสไวส์ที่อยากจะจูบให้ลึกกว่านี้ แต่เมื่อปลายลิ้นอุ่นๆ เริ่มซุกซน ลีออนก็จะปฏิเสธเธออย่างอ่อนโยนทุกครั้ง
เจ้ามังกรบ๊องนี่ไม่รู้จักคำว่าพอเลย
การแสดงความรักไม่ควรยืดยาวเกินไป เพราะศิลปะของการหวานใส่กันนั้นอยู่ที่ “คุณภาพ” ไม่ใช่ “ปริมาณ”
การจับมือ การหยอกเย้า คำหวาน… ไม่มีสิ่งใดเทียบเท่าจุมพิตได้เลย
หลังจากจูบนั้น คู่รักก็รู้สึกอิ่มเอมใจ และในที่สุดมูนก็เข้าใจแล้วว่า “เด็กห้ามดู” ตามที่อันนาเคยพูดนั้นหมายถึงอะไร
ขณะเดียวกัน โนอาก็คลายความกังวลในใจลงได้บ้าง ทำให้หัวใจที่เคยเต็มไปด้วยความไม่สบายใจได้ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
และบรรดาแฟนคลับของคู่สามีภรรยาคู่นี้ก็ได้ “อาหารตา” อย่างเต็มอิ่ม
เธอเองก็มีหัวข้อสำหรับเรียงความต่อไปในใจแล้วด้วย—
“คู่จิ้นที่ฉันเชียร์กลายเป็นพ่อแม่ฉันไปซะแล้ว”
เหล่ามังกรสาวตัวน้อยนั่งอยู่บนเก้าอี้ชายหาด ดื่มด่ำกับภาพประทับใจเมื่อครู่
จนกระทั่งพ่อแม่เดินเข้ามา พวกเธอถึงค่อยๆ หลุดจากภวังค์
“โนอา มูน กลับกันเถอะ อากาศเริ่มเย็น เดี๋ยวจะเป็นหวัดเอา” รอสไวส์พูดพร้อมกับอุ้มลิตเติ้ลไลท์ขึ้นมา
ส่วนลีออนนั้น ก็อุ้มโนอาและมูนไว้คนละข้าง แม้ตอนนี้จะลังเลเล็กน้อยที่จะอุ้มลูกสาวคนเล็ก
แม้หมัดฮุกของลิตเติ้ลไลท์จะไม่รุนแรงนัก แต่ก็มักลงเป้าพอดีเป๊ะทุกครั้ง จนเขาอดสงสัยไม่ได้ว่าลิตเติ้ลไลท์อาจมีพรสวรรค์ด้านมวยมาตั้งแต่เกิด ไม่เช่นนั้น เด็กที่เพิ่งเกิดได้ไม่ถึงสองสัปดาห์จะทิ้งรอยแผลในจิตใจให้กับนักล่ามังกรมือเก๋าอย่างเขาได้ยังไง?
ความสงสัยนี้ดูสมเหตุสมผลในมุมของเขา
โนอาเป็นอัจฉริยะ แถมยังเป็นราชันแห่งเวท ส่วนมูนก็มีพรสวรรค์ แถมยังตื่นรู้ในฐานะเวทคู่อีก
ถ้าอย่างนั้น ลิตเติ้ลไลท์จะมีพรสวรรค์ด้านมวยบ้างก็คงไม่แปลกอะไร
ดูเหมือนเขาควรให้ความสนใจกับพัฒนาการด้านศิลปะการต่อสู้ของลูกสาวคนเล็กมากขึ้น ในอนาคตใครจะรู้ เธออาจกลายเป็นยอดฝีมือด้านนี้ก็ได้
“พ่อคะ” มูนกระตุกปกเสื้อเขาเบาๆ แล้วพูดขึ้นมา
“มีอะไรเหรอ?” ลีออนถาม
มูนเม้มปากแน่น สลับสายตามองพ่อที มองพี่สาวที่อยู่ในอ้อมแขนอีกข้างของพ่อที
พอเห็นโนอาพยักหน้าเบาๆ มูนก็พูดต่อ “การจูบรสชาติเป็นยังไงเหรอคะ?”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความจริงจัง ดวงตากลมโตส่องประกายความอยากรู้
ทันทีที่ลีออนได้ยินคำถามนั้น เขาก็ชะงักฝีเท้าทันที
พอมองสีหน้าจริงจังของลูกสาวเข้า มันชวนให้รู้สึกว่า ถ้าเขาอธิบายเสร็จเมื่อไร เด็กคนนี้คงจะรีบหาคนมาฝึกจูบทันที
ในวัยเด็ก ไม่ว่าจะเป็นมังกรหรือมนุษย์ พ่อแม่ก็มักจะพยายามให้ความรู้ด้านวิชาการและเวทมนตร์กับลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่ามีอยู่สองเรื่องที่มักถูกมองข้ามเสมอ
หนึ่งคือ “การให้ความรู้เรื่องความตาย” และอีกหนึ่งคือ “การให้ความรู้เรื่องเพศ”
ทั้งสองเรื่องนี้มักถูกมองข้าม เพราะดูเหมือนจะยังห่างไกลจากเด็กเล็ก
พอถึงเวลาที่เด็กต้องเรียนรู้เรื่องพวกนี้ จึงมักกลายเป็นการตั้งรับแบบเฉพาะหน้า แถมในช่วงที่เด็กควรจะได้รับคำแนะนำด้านเพศศึกษาอย่างเหมาะสม กลับถูกปลูกฝังว่าเป็นเรื่องต้องห้าม ไม่ควรแตะต้อง
พอถึงวัยต่อต้านในช่วงวัยรุ่น จึงเกิดความคิดว่า “ก็ลองดูหน่อยจะเป็นไรไป”
“ก็เหมือนกับการดูดเยลลี่นั่นแหละ”
“ดูดเยลลี่เหรอ?”
“ใช่เลย ถ้าหนูอยากรู้ เดี๋ยวพ่อจะซื้อเยลลี่ให้ซองหนึ่ง กินหมดแล้วก็จะรู้เองว่าการจูบมันให้ความรู้สึกยังไง”
การแนะแนวที่ดีต้องค่อยเป็นค่อยไป ลีออนไม่สามารถสอนมูนเรื่องแบบนี้ตรง ๆ ได้ แค่เปรียบเทียบให้เห็นภาพเล็กน้อยก็พอ
ต่อให้มูนอยากลองจริง ๆ ก็แค่ไปลองกับเยลลี่เท่านั้น ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายหรือจิตใจแต่อย่างใด
ดวงตาของมูนเป็นประกายทันทีที่ได้ยินเรื่องเยลลี่ หางของเธอสะบัดไปมา และจุกผมเล็ก ๆ บนหัวก็ชี้ขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เย่~ ได้กินเยลลี่แล้ว~”
ในขณะเดียวกัน โนอาก็ยืนปิดหน้าด้วยความระอา
“น้องเอ๊ย โดนหลอกแล้วนะ!!”
“ไม่รู้ตัวเหรอว่าพ่อไม่ได้ตอบตรง ๆ เลยสักนิด?!”
“เขาแค่เบี่ยงเบนความสนใจด้วยเยลลี่ถุงเดียวเท่านั้นเอง!!”
“โนอา…”
“เอ๋? เอ๋… มีอะไรเหรอ พ่อ?”
“หนูอยากกินเยลลี่ด้วยไหมล่ะ?”
“อืม ก็… ได้ค่ะ…”
ช่างหัวความสงสัยไปก่อนเถอะ
เรื่องจูบอะไรนั่นไม่เห็นจะน่าสนใจ เยลลี่คุ้มค่ากว่าเยอะ!
รอสไวส์อุ้มลิตเติ้ลไลท์ไว้ในอ้อมแขน พลางยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินเสียงลีออนกำลังโอ๋ลูกสาวทั้งสอง
เธอรู้สึกว่าแม้ในโลกนี้จะมีเรื่องโกหกหลอกลวงอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ยังมีสองสิ่งที่สามารถเชื่อถือได้เสมอ:
หนึ่ง—ประสิทธิภาพของนายพลลีออนในฐานะนักล่ามังกร
สอง—ทักษะการดูแลลูกของลีออน
เหมือนกับคำถามที่มูนถามขึ้นมากะทันหันก่อนหน้านี้—ว่า “จูบรสชาติเป็นยังไง”
ถ้าเป็นเธอ เธออาจจะตอบแบบเกร็ง ๆ อธิบายให้มูนฟังอย่างฝืด ๆ ก็เป็นได้
แต่ลีออนกลับเปลี่ยนเรื่องไปพูดถึงเยลลี่อย่างแนบเนียน แล้วยังใช้มันเปรียบเทียบได้เหมาะเจาะอีกด้วย
แบบนี้น่ะสิ… ไปหานักโทษสงครามที่เก่งรอบด้านแบบนี้จากที่ไหนได้อีก?
ยังจะมาทำเป็นแกล้งเป็นสามีของฉันอยู่อีกนะ คาสโมด นายหนีฉันไม่พ้นหรอก
ก่อนจะกลับโรงแรม ลีออนแวะซื้อเยลลี่ให้โนอาและมูนคนละถุง
สองมังกรน้อยยิ้มแย้มดีใจ อุ้มถุงเยลลี่กลับห้องด้วยความสุข
เดิมทีพวกเธออยากจะพาลิตเติ้ลไลท์ไปนอนด้วย แต่พ่อบอกว่าวันนี้ลิตเติ้ลไลท์จะนอนกับพ่อกับแม่
โนอาและมูนแน่นอนว่าไม่มีข้อโต้แย้งอะไร
แต่หลังจากที่พ่อพูดประโยคนั้นจบ พวกเธอกลับรู้สึกเหมือนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายความคับข้องใจบางอย่างจากแม่…
เอาเถอะ เรื่องของผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจให้ละเอียดนักก็ได้
กลับถึงห้อง มูนก็รีบแกะถุงเยลลี่ทันที เธอหยิบชิ้นหนึ่งออกมาแล้วแตะริมฝีปากนุ่ม ๆ ของตัวเองลงไปอย่างเบามือ
เย็นนิด ๆ นุ่มนิ่ม หวานหน่อย ๆ แล้วก็มีรสสตรอว์เบอร์รี
“จูบมันเป็นแบบนี้เหรอ? อืม… ก็ไม่ได้พิเศษอะไรเท่าไหร่แฮะ~”
มูนกลืนเยลลี่ชิ้นนั้นลงคอ แล้วก็หยิบอีกชิ้นขึ้นมา แตะริมฝีปากอีกครั้ง แล้วก็กลืนมันเข้าไปอีก
ไม่นาน เธอก็จัดการเยลลี่ทั้งถุงเรียบร้อย
ส่วนโนอากินไปแค่ชิ้นเดียว แล้วก็ยกที่เหลือให้มูน
“เอาไปกินเถอะ”
“ขอบคุณนะพี่สาว!”
เยลลี่ของโนอาเป็นรสองุ่น อร่อยเหมือนกัน
หลังจากจัดการเยลลี่หมดทั้งถุง มูนก็นอนแผ่เป็นรูปตัวใหญ่บนเตียง จ้องเพดานตาปรือ แล้วก็เรอดัง “เอิ๊ก” อย่างพึงพอใจ
“รู้สึกอะไรไหม?” โนอาถาม
มูนครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตอบช้า ๆ ว่า “อืม… มันหวาน ๆ นุ่ม ๆ ลื่น ๆ อยู่ในปาก ไม่เลวเลย แล้วก็… ท้องรู้สึกอืด ๆ หน่อย เหมือนพองขึ้นรึเปล่านะ?”
โนอาใช้หางสะกิดพุงน้อย ๆ ของมูน “จริงด้วย พองนิด ๆ แฮะ”
มูนคิดอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาพร้อมสีหน้าจริงจัง “พี่สาว พี่ว่าถ้าจูบแล้วทำให้ท้องป่อง แบบนี้หมายความว่ากำลังมีลูกใช่ไหม?”
โนอากะพริบตาปริบ ๆ “อะไรนะ… หมายถึงว่าจูบคือขั้นตอนก่อนมีลูกเหรอ?”
มูนพยักหน้าหงึก ๆ อย่างตื่นเต้น พร้อมวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล
“ใช่ ๆ ดูสิ ตอนที่พ่อกับแม่ไปออกเดตครั้งสุดท้ายที่นครนภา พวกเขาก็จูบกัน แล้วไม่นานแม่ก็ท้อง เพราะงั้นฉันคิดว่าความคิดของฉันถูกต้องแน่ ๆ แค่จูบปากก็ท้องได้แล้ว!”
เรื่องนี้ไปแตะจุดบอดความรู้ของเจ้าหญิงโนอาเข้า
รายงานของเธอไม่ได้มีหัวข้อเกี่ยวกับการมีลูกแต่อย่างใด
“แค่จูบปากก็ทำให้ท้องได้เหรอ…” โนอาลูบคาง คิดว่าที่น้องสาวพูดก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่เหมือนกัน
“พี่สาว มูนอยากได้…น้องสาวอีกคน!”
หนูน้อยมังกรกระโจนเข้าไปใกล้พี่สาวด้วยความดีใจ ดวงตากลมโตเปล่งประกายระยิบระยับ แม้แต่จุกผมเล็ก ๆ บนหัวก็เหมือนกำลังอ้อนวอนว่า “มาช่วยกันทำให้พ่อกับแม่จูบกันอีกเยอะ ๆ เถอะนะ~”
น้องสาวอีกคนเหรอ…
ถ้าเรามีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มอีกคนหนึ่ง พ่อกับแม่จะยิ่งไม่อยากให้ครอบครัวนี้ต้องแตกแยกลงไปอีกใช่ไหมนะ?
โนอาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า
“ตกลง! มาช่วยกันทำให้พ่อกับแม่จูบกันมากขึ้น!”
“เยี่ยมเลย! ปฏิบัติการจูบ เริ่มต้นแล้ว!”
บท 205: สระน้ำมีไว้เล่นแบบนี้
เช้าวันต่อมา ลีออนนอนยาวจนเก้าโมงกว่า
เขาตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่งตอนเช้า และรอสไวส์ก็สั่งอาหารเช้าไว้ให้เขาที่เคาน์เตอร์โรงแรม
แต่พอกลับมาจากจักรวรรดิ เขาก็เอาแต่ขลุกอยู่บนเตียงมาหลายวัน คิดว่าจะนอนต่ออีกหน่อยแล้วค่อยลุกไปกินอาหารเช้า ซึ่งรอสไวส์ก็ไม่ได้บังคับให้เขาตื่น แค่เอาอาหารเช้ามาวางไว้ข้างเตียงเท่านั้น
ดูเหมือนเธอจะถูกโนอาเรียกตัวไป บอกว่าอยากให้แม่สอนว่ายน้ำ ลีออนได้ยินแว่ว ๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจนัก แล้วก็เผลอหลับไปอีกครั้ง
จนกระทั่งเก้าโมงกว่า ลีออนถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตู เขาลืมตา สะบัดหัวเบา ๆ แล้วใส่เสื้อผ้าภายใต้ผ้าห่ม ลุกออกจากเตียงไปเปิดประตู
มูนยืนอยู่หน้าห้อง
“มีอะไรเหรอ มู—”
“พ่อ ๆ ๆ เร็วเข้า!” เด็กหญิงมังกรน้อยยืนกระสับกระส่ายอยู่กับที่ หางก็กระดิกไม่หยุด ราวกับสะท้อนความร้อนใจของเธอ
สีหน้าลีออนเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที เขารีบย่อตัวลง กอดไหล่ลูกสาวแล้วปลอบว่า “ไม่ต้องกังวลนะ มูน ค่อย ๆ พูด มีอะไรเหรอ?”
“แม่ —”
ทันทีที่ได้ยินชื่อรอสไวส์ คิ้วของลีออนก็ขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม เขาเพิ่งจะปลอบมูนว่าอย่าร้อนรน แต่กลับไม่รู้เลยว่าน้ำเสียงของตัวเองก็เริ่มเร่งขึ้นเช่นกัน
“แม่เป็นอะไร?”
“ตอนที่แม่สอนพี่สาวว่ายน้ำน่ะ แม่เผลอจมน้ำหมดสติไปแล้ว!”
มังกร… จมน้ำ?
ไม่มีเวลาให้คิดอะไรอีกต่อไป ลีออนรีบอุ้มมูนแล้ววิ่งตรงไปที่บันได มุ่งหน้าสู่ล็อบบี้ชั้นล่างทันที
ในเวลาเดียวกัน ที่ชายหาด รอสไวส์กำลังนอนหงายอยู่ใต้ร่มขนาดใหญ่ ข้าง ๆ มีโนอาคุกเข่าอยู่ด้วยความเรียบร้อย รอสไวส์หลับตาพริ้ม คิ้วและดวงตาสีเงินเรียวยาว แต่ดวงตาของเธอกลับกลอกไปกลอกมาอยู่ใต้เปลือกตา
สุดท้าย รอสไวส์ก็อดทนไม่ไหว ลืมตาขึ้นแล้วหันไปมองลูกสาว “โนอา แม่ต้องนอนอยู่อย่างนี้อีกนานแค่ไหนกัน?”
โนอาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอหันไปมองด้านหลัง พอไม่เห็นวี่แววของมูนกับพ่อก็หันกลับมาแล้วฮัมเบา ๆ ว่า “อืม…อีกแป๊บเดียว แป๊บเดียวจริง ๆ หนูเหลือเรียงความการฝึกเป็นไลฟ์การ์ดริมทะเลแค่อันเดียวเอง ทุกอย่างต้องทำตามขั้นตอนให้เรียบร้อยค่ะ”
เรียงความการฝึกเป็นไลฟ์การ์ดริมทะเล…
พูดตามตรง ตอนที่รอสไวส์ได้ยินชื่อการบ้านชิ้นนี้เมื่อเช้า เธอคิดว่าโนอาคงแต่งเรื่องขึ้นมาเอง
แต่พอคิดดี ๆ ลูกสาวคนนี้ทั้งเชื่อฟังและไม่เคยโกหก เธอจึงไม่ได้ถามอะไรให้มากความ และยอมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่
ในการบ้านฝึกครั้งนี้ เธอรับบทเป็น “หญิงสาวอ่อนแอที่จมน้ำ” และต้องรอ “ไลฟ์การ์ดมืออาชีพ” มาช่วยชีวิต… แค่คิดว่าใครจะรับบทไลฟ์การ์ดก็พอจะเดาได้ไม่ยากจากเข่าทั้งสองข้างที่เธอกำลังพับอยู่
เพียงแต่… ไอ้ผู้ชายบ้านั่นยังไม่รู้จะตื่นรึยัง ถ้ากล้าทำให้การบ้านลูกสาวฉันล่าช้า ฉันจะเอาเรื่องกับนายแน่!
หลังจากรออยู่พักหนึ่ง ก็มีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังมาจากด้านหลังโนอา เธอหันไปมอง แล้วก็เห็นว่าคือพ่อกับมูน
“แม่จ๋า แม่จ๋า แม่รีบหลับตาเร็วเลย ไลฟ์การ์ดมาแล้ว! เดี๋ยวอีกสักพักแม่ก็แค่ทำตามที่หนูสอนนะ ร่วมมือกับไลฟ์การ์ดให้ดี แล้วไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ห้ามลืมตาจนกว่าหนูจะให้สัญญาณนะ!”
“ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ห้ามลืมตา…” รอสไวส์พึมพำคำนี้ในใจอย่างเงียบ ๆ
ให้มังกรหลับตาอยู่ต่อหน้าผู้พิชิตมังกร มันไม่บ้าบิ่นไปหน่อยเหรอ? แต่ก็เถอะ… ก็เพื่อลูกสาวของฉันนี่นา
อีกอย่าง ฉันก็ไม่คิดว่า—เจ้าผู้พิชิตมังกรคนนั้น—จะกล้าฉวยโอกาสอะไรกับราชินีอย่างฉันหรอก คิดได้ดังนั้น รอสไวส์ก็หลับตาลงอย่างช้า ๆ และในตอนนั้นเอง ฝีเท้าก็หยุดลงข้างกายเธอ
“แม่จมน้ำได้ยังไง?” ลีออนถาม พลางรูดซิปเสื้อคลุมของรอสไวส์ลงเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่รบกวนการหายใจของเธอ
“หนูไม่แน่ใจค่ะ… เมื่อกี้แม่ยังสอนหนูอยู่เลย อยู่ดี ๆ ก็ร้องขอความช่วยเหลือขึ้นมา หนูเลยลากแม่มาที่นี่ แต่แม่ก็ยังไม่ฟื้นเลย” โนอาเล่า
“โอเค พ่อเข้าใจแล้ว ไม่ต้องห่วงนะ แม่จะไม่เป็นไร”
“อืม…” โนอาพยักหน้าเบา ๆ แล้วแอบชำเลืองมองมูนที่อยู่ข้าง ๆ ด้านเจ้ามังกรน้อยขนฟูก็แอบทำสัญลักษณ์ “OK” ให้พี่สาว ขณะที่เจ้ามังกรสาวก็พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการส่งสัญญาณว่าแผนดำเนินไปได้ด้วยดี
ในขณะเดียวกัน ลีออนตรวจดูโพรงจมูกและช่องปากของรอสไวส์ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งอุดตัน
จากนั้น เขาก็ซ้อนมือเข้าด้วยกันแล้วกดลงอย่างแผ่วเบาบนหน้าท้องของรอสไวส์ นี่เป็นขั้นตอนหนึ่งในการขับน้ำออกจากท้องของผู้ประสบเหตุจมน้ำ ที่เขาเคยเรียนมาจากสถาบันฝึกผู้พิชิตมังกร
ลีออนเคยคิดว่า ทักษะนี้คงไม่มีวันได้ใช้จริงในชีวิต เพราะถ้าผู้พิชิตมังกรมืออาชีพอย่างเขาดันจมน้ำตาย มันคงเป็นเรื่องตลกสิ้นดี แต่ตอนนี้ เขากลับเจอเรื่องที่ตลกยิ่งกว่า—
ให้ตายเถอะ มังกรที่มีปีกบินได้ก็ดันจมน้ำได้เหมือนกัน!
ยัยมังกรเอ๊ย น่าอายจริง ๆ!
อย่างไรก็ตาม หลังจากกดหน้าท้องของรอสไวส์ไปไม่กี่ครั้ง ลีออนก็ไม่พบว่ามีน้ำออกมาจากปากเธอเลย
เขาเกาหัวแกรก ๆ “แปลกแฮะ… จมน้ำแต่ไม่มีน้ำในท้อง…”
โนอาที่แสร้งทำเป็นงุนงง โน้มตัวเข้ามาเตือนเบา ๆ “พ่อคะ หนูเคยได้ยินมาว่าในสถานการณ์แบบนี้ อาจจะต้องทำการผายปอด หรืออะไรประมาณนั้นน่ะค่ะ…”
“หือ? ผายปอดงั้นเหรอ? การผายปอดมันต้องทำตอนผู้ประสบภัยหยุดหายใจไม่ใช่เหรอ?” ลีออนพึมพำ เพราะตอนเรียนที่สถาบันพิชิตมังกรก็สอนมาแบบนั้น
โนอาทำตาเป็นประกาย รีบชี้ไปที่แม่ของเธอทันที “แต่แม่ไม่ได้หายใจแล้วนะคะ พ่อดูสิ!”
ตอนนี้ แม่สาวอ่อนแอที่จมน้ำซึ่งนอนอยู่บนพื้น ก็ต้องร่วมมือกับลูกสาวของเธอโดยการกลั้นหายใจเงียบ ๆ ทุกคนเห็นชัด—ราชินีแค่กำลังกลั้นหายใจเพื่อเล่นตามบทของลูกสาว
เรื่องการผายปอดหรืออะไรนั่น ราชินีไม่เข้าใจสักนิด!
ลีออนเอื้อมมือไปเช็กลมหายใจของรอสไวส์ ปรากฏว่าเธอไม่หายใจจริง ๆ
“โอ้โห ยัยมังกร อย่ามาหลอกกันนะ!”
เขาเริ่มแตกตื่น
เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้
เขานค่อย ๆ แง้มริมฝีปากของสาวงาม
เขา… ก็ก้มลงจูบ!
“แม่จะมีน้องอีกคนแล้ว—อื๊อ อื๊ออ!!”
โนอารีบเอามือปิดปากมูนไว้ก่อนที่เธอจะตะโกนด้วยความตื่นเต้น โชคดีที่พ่อกำลังยุ่งอยู่กับการผายปอดแม่ เลยไม่ทันสังเกตว่าเมื่อครู่มูนพูดอะไรออกไป
สองสาวน้อยมังกรยืนเรียบร้อยอยู่ด้านข้าง มองดูพ่อกับแม่ ‘จูบกัน’ อย่างต่อเนื่อง โนอาถึงขั้นเริ่มคิดชื่อให้น้องสาวคนต่อไปแล้ว จะตั้งว่าเบลซดีไหม หรือโมเบียสดี?
ขณะเดียวกัน รอสไวส์ยังคง “หมดสติ”
เธอหลับตานิ่ง รู้สึกถึงความเร่งรีบและความห่วงใยของลีออน ริมฝีปากที่แตะแล้วผละออก ผละแล้วแตะอีก
เดิมทีเธอคิดว่ามันก็แค่ทำตามบทบาท แม้จะเป็นการผายปอด แต่มันก็เป็นโอกาสดีที่จะหยอกเจ้าหมานี่สักหน่อย
แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะ… เป็นห่วงเธอจริง ๆ งั้นเหรอ?
เมื่อกี้มูนไม่ได้บอกเขาเหรอว่านี่เป็นแค่การแสดงเพื่อการฝึกเขียนเรียงความ?
ถ้าไม่ได้บอก งั้นความตื่นตระหนกที่เขาแสดงออกมาตอนนี้ก็เป็นของจริงสินะ…
ฮึ่ม~ ไม่ว่าปากของเขาจะดื้อรั้นแค่ไหนในเวลาปกติ ตอนผายปอดให้ก็ยังนุ่มอยู่ดี
มูนสะกิดโนอาเบา ๆ แล้วกระซิบว่า “พี่จ๋า พอได้แล้วมั้ง? ถ้าพ่อจูบนานเกินไป มูนไม่อยากได้น้องเยอะ แค่อีกคนก็พอแล้ว”
โนอาพยักหน้า แล้วกระแอมเบา ๆ เป็นสัญญาณ “นิ้วแม่ขยับแล้ว!”
ลีออนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนั้นทุกคนก็เห็นรอสไวส์ไอเบา ๆ สองครั้ง แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา
เอิ่มมม ตื่นขึ้นแล้วควรทำยังไงดีนะ?
อ้อ~~ ใช่แล้ว ต้องพูดบท
“เก-เกิดอะไรขึ้นกับฉัน? เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น? ใคร… ใครช่วยฉันไว้?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง
“พ่อช่วยแม่ไว้น่ะ!” มูนพูดอย่างภูมิใจ พลางเขย่าข้อมือของพ่อ
“โอ้ โอ้ ขอบคุณนะ ท่านไลฟ์การ์ดผู้กล้าหาญ!”
หน้าของลีออนขึ้นสีแดงก่ำ—เพราะการผายปอดทำให้เขาขาดออกซิเจนนิดหน่อย
แต่สมองเขายังพอคิดตามได้ แม้จะล้าเล็กน้อย
เขาหันไปมองแม่มังกรที่ดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไรเลย แล้วก็ลูกสาวสองคนที่ดูเหมือนจะดีใจมากกับความสำเร็จของแผนเจ้าเล่ห์ที่เพิ่งจบลงไป—
ฮึ่ย~
หรือว่า… ผมโดนหลอกเข้าแล้ว?
บท 206: ใครบอกว่าฉันซื้อชุดว่ายน้ำมาแค่ชุดเดียว
หลังจากนั้น “ไลฟ์การ์ด” ก็โมโหจัด
นั่งไขว้แขนอยู่บนโซฟาในโรงแรม ไม่พูดไม่จา
ก่อนจะเงียบลง มิสเตอร์แคสมอร์ดได้กล่าวประณามอย่างเดือดดาล ว่านี่เป็นการกระทำที่ไร้ศีลธรรม ทำลายความจริงใจของเขา และเป็นพฤติกรรมงี่เง่าที่ไม่สมกับการเป็นมังกรอายุสองร้อยปี
คุณหนูเมลค์วีรู้ดีว่าตัวเองผิด จึงนั่งฟังคำอบรมของมิสเตอร์แคสมอร์ดอย่างเคารพ
หลังจากอบรมเสร็จ ลีออนก็ตกอยู่ในความเงียบ
รอสไวส์เดาว่าเขาคงจะ โมโหจริงๆ ก็เป็นได้… บางทีอาจจะ เกือบจะแน่นอนแล้วละมั้ง แปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้ เพราะเธอไม่เคยเห็นลีออนแสดงความโกรธใส่เธอมาก่อนเลย
นึกย้อนถึงอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตอนตั้งท้อง ลีออนก็ยังอดทนปลอบโยนเสมอ แม้บางครั้งเธอจะงอแงใส่บ้าง เขาก็ไม่เคยถือสา ไม่เคยเติมไฟให้หนักกว่าเดิม
ดังนั้น… ราชินีมังกรเงินจึงตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต: ปลอบใจผู้ชายคนหนึ่ง
เธอเดินไปที่โซฟา มองดูลีออนที่นั่งเงียบอยู่
ลีออนเงยหน้าขึ้นมองเธอ แต่ก็รีบหันหน้าหนี ไม่สนใจ
“นาย…”
ราชินีอ้าปากจะพูด เธอมีคำพูดหวานๆ มากมายที่สามารถพูดเพื่อทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้น
แต่พอคำพูดเหล่านั้นมาถึงริมฝีปาก กลับพูดไม่ออก เหมือนมีแรงบางอย่างที่มองไม่เห็นกดทับเอาไว้
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง รอสไวส์ก็ค่อยๆ บีบคำพูดออกมาหนึ่งประโยค
“นาย… ไหวมั้ย?”
ลีออน: ?
ไม่รู้ว่าประโยคนั้นทำให้ลีออนอารมณ์ดีขึ้นหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือเกือบทำให้แม่ทัพลีออนหัวเราะออกมาด้วยความโมโห
“คิดจะทำอะไร?” ลีออนถาม
รอสไวส์โบกไม้โบกมือ “มันไม่ชัดอยู่แล้วเหรอ?”
“ชัดอะไร?”
“ฉันก็กำลังพยายามปลอบใจนายน่ะสิ”
“…”
ลีออนหลับตา ยกมือขึ้นนวดขมับ ก่อนจะถอนหายใจ คิดในใจว่า ถ้าฝ่าบาทราชินีไม่รู้วิธีปลอบใจใครล่ะก็ อย่าพยายามเลยจะดีกว่า ไม่งั้นจะยิ่งขายขี้หน้าไปใหญ่
“งั้นตอนนี้นายอารมณ์ดีขึ้นรึยัง?” รอสไวส์ถามด้วยความตั้งใจ
ลีออนมองเธออีกครั้ง ใช้นิ้วดึงมุมปากตัวเองขึ้น ทำรอยยิ้มแข็งๆ “ดีใจมาก ดีใจสุดๆ เลย”
“แต่ฉันว่ามันดูเหมือนนายโกหกนะ”
“ว้าว ฝ่าบาทช่างฉลาดเหลือเกิน”
“งั้นในฐานะที่ฉันฉลาดแบบนี้ นายก็หายโกรธได้แล้วนะ”
“…”
ในตอนนั้นเอง ลีออนก็เหมือนกับเกิดญาณหยั่งรู้ขึ้นมา
เรเบคคาเคยเรียกเขาว่าไอ้พวกทื่อด้านเรื่องความรัก ดูเหมือนจะมีมูลอยู่ไม่น้อย
ตลอดยี่สิบสามปีในชีวิต เขาไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจความคิดของผู้หญิงเท่านั้น แต่ตอนนี้ยังถึงขั้นจนปัญญากับตรรกะของมังกรสาวอีกด้วย
บางทีสัตว์เพศเมียทุกชนิดในโลกนี้อาจมีช่วงเวลาฝึกฝน “ตรรกะที่มั่นใจและหักล้างไม่ได้” ตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้วก็ได้
ยกตัวอย่างเช่น การรับของขวัญ ≠ การตกลงเป็นแฟน;
หรือ การมีลูกกับนาย ≠ การสารภาพรักกับนาย;
แม้ว่าข้อแรกจะยังไม่เคยเกิดขึ้นระหว่างลีออนกับรอสไวส์ แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่พบได้บ่อยในหมู่คนวัยรุ่น
ส่วนประเด็นหลัง ลีออนอาจจะไม่เห็นด้วยเต็มร้อย แต่ก็ยังพอจะเข้ากับตรรกะที่มั่นใจและหักล้างไม่ได้ของแม่มังกรตนนั้นอยู่ดี ไม่ใช่หรือ?
ก็เหมือนกับคำพูดในตอนนี้ว่า “ฉันฉลาดขนาดนี้ นายก็เลิกโกรธเถอะ”
มันดูไม่เกี่ยวกันเลย (และเอาเข้าจริงมันก็ไม่เกี่ยวกันจริง ๆ) แต่ในหัวของรอสไวส์ เธอต้องมีเหตุผลบางอย่างแน่ ๆ ใช่ไหม?
ลีออนเกาศีรษะ ถอนหายใจแล้วยกมือขึ้นเล็กน้อย “ลูกสาวเรางอแงกันก็เรื่องหนึ่ง แต่ทำไมเธอถึงมาร่วมวงกับพวกเธอด้วยล่ะ?”
“ฉันทำอะไร? ฉันก็แค่แกล้งเป็นลมไปเฉย ๆ”
“มันไม่ใช่แค่แกล้งเป็นลม มันคือเรื่องว่าคนเราต้องมีความเชื่อใจกันต่างหาก”
ดวงตาคู่งามของเธอสั่นระริกขณะตอบกลับ “แต่ฉันไม่ใช่คน”
“?”
“ฉันเป็นมังกร”
“……”
เพียงไม่กี่ประโยค รอสไวส์ก็ทำให้ลีออนถึงกับพูดไม่ออกไปสามรอบติด ๆ กัน
ถ้าเธอมีอาวุธเวทมนตร์เจาะเกราะอยู่ละก็ ตอนนี้เธอคงสามารถใช้สกิล “เงียบงันไร้ทางสู้” ใส่ลีออนได้ทันที
แต่ความจริงแล้ว ลีออนไม่ได้โกรธอะไรเลย เขาแค่รู้สึกเหมือนถูกแม่มังกรตนนี้หลอกอีกครั้ง
ทว่าแตกต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้เธอไม่ได้กระโดดออกมาเยาะเย้ยว่า “ฮ่า ๆ นายโดนอีกแล้ว! นายสู้ฉันไม่ได้หรอก!” แต่กลับมีแววรู้สึกผิดติดอยู่ในสายตา
ลีออนจึงคิดว่าจะใช้โอกาสหายากนี้ตกปลาตัวใหญ่ที่ชื่อรอสไวส์เสียหน่อย
ทว่าบางทีนายพลลีออนอาจจะคิดมากเกินไป
เพราะถ้าเป็นเรื่องปลอบใจคนอื่น รอสไวส์ก็เหมือนปลาตัวหนึ่งที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องงับเหยื่อยังไง
เธอทำได้แค่พยายามหลอกล่อให้ลีออนกินแครอท มะเขือยาว หรือทำการบ้านกับเธอเท่านั้นเอง
ตอนนี้ลีออนแอบภาวนาให้ตอนที่เด็กเกิดมา บุคลิกของพวกเขาจะไม่ถ่ายทอดมาจากแม่ แต่ให้ถูกดึงออกไปจากแม่เสียจะดีกว่า
อย่างนั้น รอสไวส์ก็คงจะไม่ทั้งเจ้าเล่ห์และซื่อบื้อในคนเดียวกันจนทรมานสติของเขาอยู่แบบนี้
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ!”
เสียงฝ่ามือตบโต๊ะกาแฟดังปัง รอสไวส์ระเบิดเสียงขึ้น
ลีออนสะดุ้งเฮือก หลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง
เขามองรอสไวส์อย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ ๆ เธอถึงขึ้นเสียง ทั้งที่เมื่อกี้ยังพยายามปลอบเขาแบบอ่อนโยนอยู่แท้ ๆ
แต่พอเห็นว่าเธอเรียกความสนใจได้แล้ว รอสไวส์ก็เท้าเอว แกว่งหางสีเงินไปมา แล้วจ้องตาเขาแน่วแน่
“ได้คืบจะเอาศอกใช่ไหม! ไม่ว่าฉันจะปลอบยังไง นายก็ไม่ดีขึ้นเลยสินะ!”
“ยัยมังกร ผมพูดไปแค่ไม่ถึงสิบคำเองตั้งแต่เริ่มนะ…”
“ไม่สน! นายมันได้ใจเกินไปแล้ว แคสมอร์ด!”
อา… ผู้หญิงนี่นะ ทั้งคาดเดาได้ แต่ก็ไม่เคยคาดเดาได้เลยจริง ๆ
ลีออนทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะนึกถึงคำพูดของอาจารย์คนหนึ่งขึ้นมาได้
อาจารย์เคยบอกว่า “ถ้าผู้หญิงพยายามปลอบใจนาย นายควรยิ้มให้เธอภายในสามประโยค”
ตอนนั้นลีออนยังไร้เดียงสาเลยถามว่า “ทำไมล่ะครับ”
อาจารย์ตอบว่า “เพราะถ้าเธอปลอบนายไม่สำเร็จภายในสามประโยค ทีนี้นายจะต้องเป็นฝ่ายปลอบเธอแทน”
อย่างไรก็ตาม ลีออนคิดว่า ตอนนี้เขาคงไม่มีโอกาสได้เป็นฝ่ายปลอบรอสไวส์แล้ว
เธอรูดม่านลง ถอดรองเท้า แล้วเปิดโหมดไฟบรรยากาศในโรงแรมที่ให้แสงโรแมนติก
ทันใดนั้น ห้องทั้งห้องก็อบอวลไปด้วยแสงสีส้มเร้าใจ แสงสลัวทอดเงาอ่อนบนไหล่ขาวนวลของรอสไวส์ ทำให้ดูนุ่มนวลน่าหลงใหลยิ่งขึ้น
ใบหน้าที่งดงามและแฝงความขุ่นเคืองเล็กน้อยของเธอเคลื่อนเข้ามาใกล้ทีละน้อย จนแทบจะชิดกับลีออน
นิ้วชี้และนิ้วกลางเรียวยาว ขาวเนียนของเธอแปลงร่างเป็น “ขายาวคู่หนึ่ง” ก้าวทีละก้าวบนพนักโซฟา ไล่ลงมาจนถึงลำคอของลีออน
ไม่ว่าจะมองมุมไหน ใบหน้าของเธอก็งดงามไร้ที่ติ ต่อให้ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ ก็ยังนับว่าเพอร์เฟกต์ และเมื่อเธออยากยั่วเย้าคนที่เป็นเชลยของเธอให้ยอมจำนน เสน่ห์ที่แสดงออกมาบนใบหน้าที่สมบูรณ์แบบนั้นยิ่งทรงพลังเข้าไปอีก
ตอนนี้เธอไม่ได้มีแค่เสน่ห์ แต่ยังแฝงด้วยความขุ่นเคืองที่ยากจะอธิบาย
ภาพนี้ทำให้ลีออนนึกถึงช่วงที่เขาเพิ่งฟื้นจากอาการโคม่าเป็นเวลาสองปี รอสไวส์ก็มักจะบังคับให้เขาทำการบ้านด้วยสีหน้าไม่พอใจแบบนี้เช่นกัน
แต่ตอนนี้ ที่เหมือนได้ย้อนกลับไปยังความทรงจำเมื่อซีซันก่อน ท่านจอมยุทธ์ลีออนกลับมั่นใจและไม่สะทกสะท้าน
เขาเอนตัวพิงพนักโซฟา สายตากวาดมองชุดเดรสลำลองของรอสไวส์ แล้วแค่นเสียงเย็น
“ไม่รู้สึกอะไรเลย แค่นี้ยังเขย่าจิตใจนักล่ามังกรไม่ได้หรอก”
“เหรอ? มั่นใจขนาดนั้นเชียว?”
“แน่นอน”
“ถ้าฉันใส่…ชุดว่ายน้ำใหม่ที่เพิ่งซื้อมาล่ะ?”
ลีออนกระพริบตา แล้วยิ่งยิ้มเยาะออกมา “ชุดว่ายน้ำวันพีซนั่นน่ะเหรอ ที่ปิดตั้งแต่หัวจรดเท้า? ต่อให้ผ้าน้อยกว่านั้นอีกสองปอนด์ ฉันก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น!”
รอสไวส์เลิกคิ้วสวย ๆ ขึ้นเบา ๆ แล้วแนบตัวนุ่มนิ่มเข้ากับอกของลีออน มองเขาด้วยสายตาแพรวพราวและยิ้มมุมปาก
“ใครบอกว่าฉันซื้อแค่ชุดเดียวล่ะ?”
“หืม?”